บทนำ
บนโลกนี้มีเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ทั้งที่ได้เห็นผ่านตามโทรศัพท์หรือบนหน้าเว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึงสารคดีพันธุ์ลึกพิสดารของสัตว์โลกบางชนิดที่เราอาจไม่เคยพบเจอ หรือรับรู้ว่ามีตัวตนมาก่อน แต่ก็คงไม่มีเรื่องไหนแปลกประหลาดได้เท่ากับการที่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถตั้งครรภ์และคลอดลูกเองได้!
อานนท์ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรและมีมาตั้งแต่ตอนไหน ก่อนหน้านี้เขาเคยลองถามพ่อกับแม่ดูแล้วว่ามีใครรู้เรื่องนี้บ้าง พวกท่านก็บอกแค่ว่าทุกคนบนโลกนี้ล้วนรู้หมด เพราะมันไม่ใช่ความลับอะไร แต่ก็ไม่ได้มีใครออกมายอมรับตรงๆ ว่าตัวเองท้องได้ จนคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นแค่ข่าวลือ หรือแสร้งทำตัวปกติดำเนินชีวิตตามอย่างที่ควรจะเป็น
แน่นอนว่าไม่มีผู้ชายหน้าไหนโง่พอจะออกมายอมรับว่าตัวเองมีมดลูกและรังไข่เหมือนผู้หญิงหรอก!
เรื่องน่าอับอายแบบนั้นจะให้เสนอหน้าออกมาพูดได้ไง แค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว
ถ้าเพียงแต่...เรื่องตลกร้ายที่ว่ามาทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง บางทีเขาคงออกอาการเหยียด บริภาษพวกผู้ชายที่ไม่เหมือนผู้ชายพวกนั้นอย่างเสียๆ หายๆ ไปแล้ว
และใช่ครับ ‘ผมเป็นผู้ชายท้องได้ มีมดลูก มีรังไข่เหมือนผู้หญิงทุกประการ!’
ตอนช่วงอายุสิบสามปีพ่อกับแม่พาไปตรวจที่โรงพยาบาลมาถึงได้รู้เรื่องน่าขบขันนี่ แต่ขอโทษที่เขาขำไม่ออก อยากร้องไห้น้ำตาก็ไม่ยอมไหล ตอนกลับมาถึงบ้านก็เหม่อๆ เอ๋อๆ เดินกลับเข้าห้องได้ก็ทิ้งตัวลงบนเตียงชิ่งหลับไปเลย หวังเพียงตื่นมาทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝัน เขายังเป็นผู้ชายธรรมดาที่มีอะไรกับผู้หญิงได้ ซึ่งหมอก็บอกว่าเขาสามารถทำมันได้ แต่ต้องระวังอย่าไปเผลอมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน ไม่อย่างนั้นหายนะบังเกิดแน่ เพราะเขาจะท้อง!
และนี่คือจุดเริ่มต้นของความซวย...เอ๊ย! ความรัก กับคนที่เกลียดขี้หน้ามากที่สุด แต่ดันข้ามขั้นมาเป็นสามี!
ความรักน่ะเหรอ เหอะๆ รักจะเอาเขาน่ะสิ ไอ้หื่นเงียบ!
อานนท์ที่เปิดอัลบั้มรูปถ่ายครอบครัวอยู่บนโซฟายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นรูปไอ้คนดุก้มลงจูบแก้มทารกน้อยในเปล สีหน้าของมันดูอบอุ่นมากจนใจเขาสั่นไหว รูปอีกใบก็เป็นตอนที่มันอุ้มทารกตัวขาวอวบมาอุ้มอย่างเก้ๆ กังๆ แต่ก็พยายามทำอย่างเบามือที่สุด
ภาพนี้เขาเป็นคนถ่ายเองกับมือ ตามเก็บทุกช็อตไม่มีตกหล่น จะว่าเขาเห่อไอ้ตัวเล็กนี่ก็ได้ ก็เด็กมันหน้าตาถอดแบบมาจากไอ้คนดุเหมือนก๊อปปี้กันมา แต่เป็นเวอร์ชันเด็กกว่า น่าฟัดกว่า เนี่ยๆ ลูกใครหว่า...
ขณะที่อานนท์กำลังเพลิดเพลินกับการดูภาพสองพ่อลูกยิ้มหัวเราะให้กันด้วยรอยยิ้ม ด้านหลังโซฟาก็มีเงาตะคุ่มรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนชะโงกลงดูเมียด้วยสายตามันวาว ริมฝีปากหนาถูกลิ้นตวัดเลียเบาๆ คล้ายกับกระหายน้ำ และก่อนที่เหยื่อจะรู้ตัวเสือหื่นก็ช้อนตัวร่างบางขึ้นอุ้มในอ้อมแขนเดินเร็วไปยังห้องนอนทั้งที่ฟ้ายังสว่างอยู่ ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของคนถูกอุ้มที่พอรู้เจตนารมย์ของไอ้คนดุแล้ว
“มึงปล่อยกูเลยนะ กูไม่ไปไหนทั้งนั้น!”
“...”
แน่ะ! มีเมินด้วย ไอ้เวรนี่!
“มะ...เมื่อคืนมึงก็...” กระดากปากฉิบหาย ถึงจะเอากันบ่อยก็เถอะ พูดให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือเอากันทุกวันนั่นแหละ บอกแล้วไงว่ามันเป็นไอ้หื่นเงียบ แต่พอมันเปิดปากพูดทีนี่เขินตัวบิดเลย!
ลองฟังที่มันพูดดูเลยแล้วกัน
“มึงยั่วกูเอง กูพยายามอดทนแล้ว แต่มึงก็มานอนยั่ว ยิ้มยั่วให้กูของขึ้น ถ้าวันไหนมึงทำหน้านิ่งๆ เป็นท่อนไม้ไร้ความรู้สึกได้ วันนั้นกูอาจไม่มีอารมณ์กับมึงก็ได้”
“กูไม่ใช่มึงนะ!” เถียงสิรออะไร
“กูไม่ใช่ท่อนไม้...ไม่อย่างนั้นจะมีอารมณ์กับมึงได้ยังไง” มันขมวดคิ้วมองหน้าเขาจริงจังมากกกก อยากจะลากยาว ก.ไก่ ให้ไกลถึงดาวอังคาร!
มึงมันเจ้าเล่ห์ กูรู้ว่ามึงเข้าใจที่กูต้องการจะสื่อ มึงอย่ามาทำหน้าเนียนใส่
“เดี๋ยว...เฮ้ย เดี๋ยว! แต่นี่มันเพิ่งจะบ่ายสามเอง”
“เวลากำลังดี ออกกำลังกายสองชั่วโมง อาบน้ำเสร็จค่อยไปรับลูกกลับบ้าน”
“ไอ้วีร์! นี่มึงกะไม่เหลือทางรอดให้กูเลยใช่ไหม?”
“เหลือสิ เหลือตั้งหลายทางให้เลือก”
“ทางไหน?” นี่ชักจะหวาดระแวงมันแล้วนะ รู้จักกับมันมาตั้งหลายปีตั้งแต่เรียนมัธยม มหาวิทยาลัยจนกระทั่งจบมีการมีงานทำ คิดดูว่ากี่ปี แต่นิสัยมันยังคงเหมือนเดิม เหมือนกับวันแรกที่รู้จักกัน
ตีกัน เขม่นกัน และจบลงที่รักกัน คู่อื่นเป็นไงไม่รู้ แต่คู่เขาเป็นอย่างนี้เลย เหมือนพวกละครน้ำเน่าชอบเล่นให้ดูนั่นแหละ ซึ่งเขาก็ชอบดูนะ ช่วงที่ท้องน่ะ
“ก็...เลือกว่าจะอยู่บนหรืออยู่ล่าง อยู่บนก็เหนื่อยหน่อย อยู่ล่างก็สบายหน่อย หรือจะแบบยืนก็ได้ ไม่งั้นก็ให้กูอุ้ม”
“ทางเลือกเหี้ยอะไรมึง! กูไม่ยอม!”
“แต่กูจะเอา เงียบได้แล้ว ถึงห้องแล้ว”
“เชี่ย! ไอ้วีร์! ปล่อยกู!” ทั้งดิ้น ทั้งผลัก แถมจิกข่วนมันไปอีกหลายรอยด้วยความโมโห แต่มันก็ยังหน้าด้านไม่ยอมปล่อยจนกระทั่งถึงเตียงมันก็โยนเลยสิ พอจะหนีมันก็ตามมาคร่อมทับ ทักษะของมันก็ดีเลิศจนเขาน้ำตาแทบเล็ด ต้องรีบยกธงขาวยอมแพ้ก่อนที่มันจะคึกจับเขามัดกับหัวเตียงแล้วรังแกอย่างบ้าคลั่ง
ไอ้นี่มันหื่นเงียบไง จุดติดปุ๊บไม่ยอมสงบลงง่ายๆ หรอกนะ
“อย่ายั่ว”
“กูไปยั่วมึงตอนไหนอี๊กกกก!” ไม่เข้าใจครับ อยู่เฉยๆ ก็หาว่าเขายั่ว สงสัยวันหลังต้องนุ่งขาวห่มขาวแต่งตัวมิดชิดให้เห็นแต่ลูกตามั้ง มันถึงจะไม่มีอารมณ์
“แค่มึงหายใจก็ถือว่ายั่วกูแล้ว นนท์...อย่าดื้อ เราต้องทำเวลา”
“เออๆๆ ครั้งหน้ากูไม่ยอมมึงแล้วนะ”
“ครั้งก่อนมึงก็พูดอย่างนี้”
“คราวนี้กูพูดจริงทำจริง”
“อืม...กูเชื่อ” น้ำเสียงมึงมันสวนทางกันนะ รู้ไหม?
“อะ...อื้มมม อย่า อย่าแตะตรงนั้น” เขาหอบกระเส่าร้องห้ามมันเสียงกระท่อนกระแท่น หลังจากที่มือของมันเริ่มซุกซนไปทั่วอย่างชำนาญ
“ทำไม”
“กะ กูเสียว...อ่า”
“หึ”
เกลียดจริงๆ เลยเสียงหัวเราะของมันเนี่ย!
แต่ถึงเกลียดยังไงก็รักมันล่ะนะ...
แน่นอนว่ากว่าจะมารักกันหวานชื่นคลุกเคล้ากับรสขมฝาดหน่อยๆ ของชีวิตคู่ พวกเขาผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะแยะ ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของเราสองคนที่มันกระโดดข้ามขั้นไปไกลเกินกว่าคำว่า ‘รัก’ แต่เพราะอย่างนั้นแหละที่มัน ‘พิเศษ’ ยิ่งกว่าคู่อื่น
ย้อนกลับไปสักสามปีก่อน ในตอนที่พวกเขายังเป็นนักศึกษา แต่ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะจบ ความสัมพันธ์ของพวกเขามันเริ่มต้นจากตอนนั้น
ในวันที่เขาอกหักและดื่มเหล้าหนัก...
พล็อตเดิมๆ ที่เด็กนิเทศอย่างเขาคุ้นชินดี แต่พอมันเกิดขึ้นกับตัวเองก็ไปไม่เป็นและขำไม่ออก และต่อให้ไม่บอกทุกคนก็คงเดาออกว่าเรื่องมันจะไปต่อยังไง
โอเค ขอให้เขาเป็นคนเล่าเองดีกว่า เพราะถึงเดาถูกก็ลงลึกรายละเอียดทุกฉากทุกตอนไม่ได้อยู่ดี
เขาจะเล่าให้ฟังแล้วนะ
เรื่องทั้งหมดก็มีอยู่ว่า......