Chapter 4
Chapter 4
[4/1]
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าสาดส่องรอดรูผ้าม่านปลิวไสวตามแรงลมด้านนอกกระทบเข้าใบหน้าขาวซีดของหญิงสาวที่สภาพตอนนี้แทบจะไม่มีแรงลุกขึ้นจากที่นอน
สายตาหวานค่อยปรือขึ้นปรับโฟกัสภาพหันไปมองคนตัวโตที่พากันเล่นบทรักท่องราตรีด้วยกันจนเกือบรุ่งสาง ทว่ากลับไม่เห็นชายหนุ่มมีเพียงแค่ร่องรอยผืนผ้ายับที่ฝากไว้เท่านั้น
แกร่กก!!
“ตื่นได้แล้ว ลุกไหวไหม?” เสียงประตูดังมาจากทางห้องน้ำทำให้หญิงสาวที่กำลังนอนประมวลผลอยู่หันหน้าไปตามต้นเสียง
จ๊วบบ~~
“อื้ม! วันนี้หนูต้องไปทำงาน” คนตัวสูงที่เดินเปลือยท่อนบนตรงมาทางร่างบางที่นอนอยู่ ก่อนจะครอบครองริมฝีปากบางไปหนึ่งที
กรี๊งง! กรี๊งงงง
ติ๊ด! เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนเครื่องหรูแบรนด์ดังของหญิงสาวดังขึ้นจากข้างเตียง
ชื่อปลายสายคนที่โทรเข้ามาคือเจ้านายหนุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงและเป็นทั้งเพื่อนสนิทของเธอเอง “ฮัลโหลว่าไงวิน”
(ฮัลโหลหยก แกอยู่ไหนทำไมวันนี้ยังไม่เห็นแกเข้างานเลย? นี่เก้าโมงกว่าแล้วนะ)
โดยปกติออฟฟิศของเขาเปิด 07.30 น. แต่งานของเธอจะเข้า 08.30 น. ก็ได้แล้วนี่มันเลยเวลาเข้างานมานานจนเก้าโมงจะสิบโมงอยู่แล้ว ทว่ากลับไร้เงาของคนตัวเล็กในออฟฟิศ
“หะ ห๊ะ!! เก้าโมงแล้วหรอ?” ปิ่นหยกทำหน้าตกใจพลันดีดตัวลุกขึ้นจากบนที่นอน
(แกเป็นอะไรรึเปล่า หรือไม่สบาย? ตอนนี้แกอยู่ไหนเดี๋ยวเราไปหา) คนปลายสายยังคงเจตนาเป็นห่วงเพื่อนสาว เกรงว่าที่ยังไม่เข้างานแบบนี้จะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เพราะปกติเธอจะตรงต่อเวลาทำงานเสมอ
“เออะ เอ่อ คือว่าวันนี้เราไม่สบายนิดหน่อยน่ะ งั้นเราขอลางานกับแกเลยนะ แต่แกไม่ต้องมาหาเราหรอก แค่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อยเองทำงานของแกไปเถอะ”
ร่างบางไล่สายตาสำรวจดูร่างกายของตัวเองตอนนี้ ถ้าขืนออกไปทำงานในสภาพที่มีแต่รอยสีกุหลาบช้ำแบบนี้ มีหวังคงตกใจตื่นกันทั้งแผนกเลย
(อ่า เอางั้นหรอ ก็ได้ๆ แต่ถ้าแกรู้สึกเป็นหนักไม่ไหวแกรีบโทรหาเราเลยนะอย่าเกรงใจ เดี๋ยวตอนเย็นเราแวะไปหา)
“ขอบคุณนะวิน ตะ แต่....... อ๊ะ...!!”
ตี๊ด!!
(ตู๊ดๆๆๆ ........ฮัลโหลๆ หยก ฮัลโหล อ้าว!)
มือหนารีบคว้าโทรศัพท์ของปิ่นหยกมากกดวางสายทิ้งไป เขาได้ยินทุกคำพูดของปลายสายทุกถ้อยคำและมันยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมายังไงไม่รู้
“ไปอาบน้ำ เก็บของกลับกรุงเทพฯ กับพี่”
“เดี๋ยวนะ! นี่พี่บ้าไปแล้วหรอ? หนูไม่ไปพี่กลับไปคนเดียวเลย”
จู่ๆ จะบังคับให้เธอไปไหนมาไหนด้วย เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทีแต่ก่อนเธออ้อนวอนชวนเขาไปเที่ยวยังไม่ยอมไปขนาดชวนไปเดินห้างใกล้มหาลัยยังไม่ยอมไปเลย
วันนี้วันจันทร์ชายหนุ่มต้องเข้าไปประชุมที่บริษัทเพื่อเรียนรู้งานและรับตำแหน่งรองประธานบริษัทอย่างเป็นทางการ
ถ้าขืนปล่อยคนตัวเล็กไว้ที่นี่มีหวังไอ้ตี๋นั้นมันมาหาเธออย่างที่พูดแน่นอน “อย่าดื้อ พี่ต้องรีบเข้าบริษัท ไปอาบน้ำซะ”
“ไม่ อ๊ะ! ปะ ปล่อยนะ พี่นาฟ!!” ในเมื่อพูดดีๆ กันแล้วยังไม่ฟัง ภัทรกาฬจึงอุ้มร่างบางเข้าไปในห้องน้ำเลย
ภายในรถซูเปอร์สปอร์ตเอสยูวีสีดำคันนี้นำชื่อวัวป่าอย่าง Aurochs มาเป็นแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อรุ่น ถือเป็นเอสยูวีที่มีสมรรถนะเทียบเท่าซูเปอร์คาร์รุ่นท็อปยี่ห้อเดียวกัน Lamborghini Urus Aurochs คันละ 22 ล้านคันนี้ กำลังโลดแล่นขึ้นบนทางด่วนสายตะวันออกขับเคลื่อนเรื่อยๆ ผ่านเส้นสุขุมวิท
กรอบแว่นกันแดดยี่ห้อดังสีดำถูกขยับดันขึ้นให้เข้ากับใบหน้าหล่อ ก่อนจะเหล่มองตุ๊กตาหน้าหมวยด้านข้างที่ตอนนี้ทำหน้าบูดบึ้งซังกะตายอยู่ด้วยสีหน้าไม่พอใจที่โดนเขาบังคับเธอมา
เสียงเพลงในรถเริ่มดังขึ้นจากมือหนาที่เอื้อมมือหมุน Volume เพิ่มเสียงขึ้นหวังทำลายบรรยากาศที่แสนอึดอัดตอนนี้
‘I saw you dancing in a crowded room’ (ฉันเห็นเธอเต้นรำอยู่ในห้องที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คน)
‘You look so happy when I’ m not with you’ (เธอดูมีความสุขดีเหลือเกินเมื่อไม่มีฉันอยู่ด้วย)
‘But then you saw me, caught you by surprise’ (แต่แล้วเธอก็เห็นฉันเข้าจนได้ ท่าทางเธอดูแปลกใจ)
‘A single teardrop falling from your eye’ (แล้วหยาดน้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลออกมาจากนัยน์ตาเธอ)
‘I don’ t know why I run away’ (ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงจากเธอไป)
‘I’ ll make you cry when I run away’ (ฉันคงทำเธอเสียใจ ตอนที่ฉันจากเธอไป)
‘You could’ ve asked me why I broke your heart’ (เธอน่าจะถามฉันสักหน่อยว่าทำไมฉันถึงทำร้ายจิตใจเธอ)
‘You could’ ve told me that you fell apart’ (แล้วเธอก็น่าจะบอกฉันสิ ว่าหัวใจเธอแตกสลาย)
‘But you walked past me like I wasn’ t there’ (แต่เธอกลับเดินผ่านไปราวกับฉันไม่มีตัวตนอยู่ที่แห่งนั้น)
‘And just pretended like you didn’ t care’ (แล้วก็แสร้งทำเป็นว่าเธอไม่ได้สนใจกันอีกแล้ว)
--- Save your tears (The weekend) ---
แมร่ง ......เป็นคนเปิดเพลงเองแท้ๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกผิดขึ้นมาตามเนื้อเพลงซะงั้น แถมตอนนี้จากที่หวังว่าจะทำให้บรรยากาศมันดูดีขึ้น
พอหันไปดูใบหน้าหวานออกหมวยๆ ของปิ่นหยกแล้วเห็นน้ำตาคลอเบ้าตาเหม่อลอยอยู่ไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“อย่าอินมาก มันก็แค่เพลง” ร่างสูงเอ่ยบอกกับหญิงสาว เออใช่มันก็แค่เพลงไม่ได้เหมือนชีวิตของเราเลยสักนิด
ทั้งที่ภัทรกาฬก็ชัดเจนกับสถานะนี้มาตลอดแล้วยังไง ก็จุดประสงค์ที่เธอเข้ามาในชีวิตเขามันไม่ใช่แบบนี้ “ใครมันจะอยากอินล่ะ มันห้ามกันได้ที่ไหนกัน”
ปิ่นหยกหันหน้าเข้ากับหน้าต่างรถคันหรู มองดูบรรยากาศด้านนอกไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันดีกว่ามองใบหน้านิ่งขรึมคนเอาแต่ใจ
[4/2]
สี่ล้อรถยนต์ยูเอสวีออรอชส์สีดำหรูคู่ใจ ที่ณัฐกานต์ทิ้งไว้ให้พี่ชายใช้เมื่อตอนที่มาส่งเข้าคอนโดปิ่นหยกวันก่อน ขับเคลื่อนเข้าเทียบจุดดรอปออฟภายใต้โครงการหรูย่านทองหล่อ หนึ่งในธุรกิจของครอบครัวชายหนุ่ม ก่อนจะมีพนักงานที่คอยบริการนำรถราคาแพงขึ้นไปเก็บชั้นด้านบนให้โดยที่เขาไม่ต้องเหนื่อยอะไรอีก
คีย์การ์ดสีทองเขียนสลักชื่อโครงการ ‘The Willington N Penthouse Thonglor’
มือหนาแตะคีย์การ์ดเข้าประจำจุดสแกนพร้อมกับบิดลูกบิดประตูให้เปิดออก ทั้งสองร่างเดินเข้าไปภายในห้องขนาด 275 ตารางเมตร
การบิ้วอินสไตล์แบบ Versace Penthouse เป็น Luxury Penthouse หนึ่งเดียวในเอเชียที่ถูกตกแต่งด้วย Versace ทั้งหมด บ่งบอกได้ถึงรสนิยมของเจ้าของห้องที่เป็นถึงเจ้าของโครงการแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
“0_0 นี่ถ้าเทียบกับคอนโดของหนูมันดูเล็กกว่าที่นี่ไปเลยสิบๆ เท่าอ่ะ” ปิ่นหยกถึงกับอึ้งในความอลังการ ราวกับได้สถาปัตยกรรมมือดีมาดีไซน์เอง
รวมทั้งขนาดของห้องที่ใหญ่โตกินพื้นที่เกือบทั้งชั้นบนสุดของตึกนี้และเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งภายในห้องบอกเลยให้เธอหาเงินซื้อแบบนี้ทั้งชาติก็ไม่ได้หรอก มันสมแล้วที่เป็นเขา
“ชอบไหมคะ ที่สั่งบิ้วอินเองทุกขั้นตอนเลยนะ”
3 เดือนก่อนจะกลับไทยภัทรกาฬได้จองซื้อโครงการนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรวมถึงดำเนินการตกแต่งภายใน โดยที่มีณัฐกานต์เป็นคนดูแลให้ระหว่างที่เขายังอยู่ที่นั่น
ถึงแม้จะเป็นธุรกิจของครอบครัวแต่ก็ใช่ว่าเขาจะสามารถเข้าอยู่ได้เลย เขาก็ยังคงต้องทำตามขั้นตอนเหมือนลูกค้าคนหนึ่งเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่ว่ายังไงเงินที่ซื้อเพ้นเฮาส์นี้ไปก็ต้องกลับเข้ามาที่บริษัทของเขาอยู่ดี
แต่จะให้น่าอยู่ขนาดไหน หรูหราขนาดไหนก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวที่ถูกบังคับมาด้วยเผลอคล้อยตามไปด้วยได้เลย
“หนูไม่ชอบ หนูจะกลับคอนโดพรุ่งนี้หนูต้องไปทำงานนะ”
“วันนี้พี่มีเข้าประชุมที่บริษัทตอนบ่าย หนูลางานไปแล้วนี่ ไหนๆ ก็ลางานแล้วก็ขอไอ้หน้าตี๋มันลาพักร้อนไปเลยสิ ผัวเพิ่งกลับไทยมาทั้งทีนะ จะไม่อยู่ดูแลซักหน่อยหรอ?”
ภัทรกาฬจัดการเปิดตู้เสื้อผ้าที่ก่อนหน้านี้สั่งคนของเขาจัดเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการประชุมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหยิบออกมาใส่โดยที่แก้ผ้าต่อหน้าหญิงสาวไปเลย เพราะไม่มีเวลามาเข้าห้องน้ำแล้ว
“เอาแต่ใจที่สุด คนบ้า!” ใบหน้าหมวยหวานที่ตอนนี้ปนเลือดฝาดบางๆ บนสองแก้ม เห็นเรือนร่างสูงเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดทำงาน
รอนซิกแพ็คบนหน้าท้องแกร่ง บวกกับไรขนหนาตั้งแต่หน้าอกลามไปจนถึงจุดเร้นลับนั้นทำให้ร่างบางที่มองอยู่ถึงกับแอบลอบกลืนน้ำลาย ก่อนจะแสร้งหันหน้าไปทางอื่น
“หรือถ้าไม่พอใจก็ลาออกกับมันไปเลยยิ่งดีนะ”
“จะเกลียดขี้หน้าอะไรเขานักหนา” ปิ่นหยกเริ่มเบื่อกับความเอาแต่ใจของคนตัวสูงแล้ว
“ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด ถ้าหิวของกินอยู่ในตู้เย็นทำกินได้เลยพี่ให้ไอ้ณัฐซื้อมาไว้แล้ว หรือถ้าไม่อยากทำก็สั่งรีเซ็ปชั่นข้างล่างได้เลยเข้าใจไหม ฟอดดด~~”
คนตัวสูงที่ตอนนี้เปลี่ยนใส่ชุดทำงานพร้อมเตรียมจะออกไปที่บริษัทแล้ว แต่ไม่ลืมจะขโมยหอมแก้มนุ่มของหญิงสาวให้ชื่นใจก่อนออกไป
“อื้อออ ไปได้แล้วค่ะพี่นาฟ เดี๋ยวก็ประชุมไม่ทันหรอกค่ะ”
@บริษัท Willington N Group
ภายในห้องประชุมชั้นบนสุดของผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Willington N Group บริษัทสัญชาติไทย-อิตาลี โดยมีบริษัทสาขาย่อยอีกหนึ่งสาขาอยู่ที่อิตาลี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของประธานบริษัทซึ่งก็คือบิดาของชายหนุ่มมาดเข้มมาในชุดภูมิฐานพร้อมเปิดตัวเป็นรองประธานบริษัทแห่งนี้
“อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีนะครับว่า หลังจากนี้ลูกชายคนโตของผมจะกลับเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการที่นี่แล้ว ผมหวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมือกับลูกชายของผมนะครับ"
"....ซึ่งอย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าบริษัทลูกของเราที่อิตาลีก็เริ่มจะมีบทบาทมากขึ้นแล้วในที่นั่น อย่างไตรมาสที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นแล้วว่ากิจการของเราที่นั่นเริ่มจะขยายตัวขึ้นแล้ว"
"ผมคิดว่าผมคงต้องไปดูแลที่นั่นเอง และผมอยากจะขอโอนย้ายตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้กับลูกชายของผมคนนี้ครับ”
แปะๆๆๆๆ~ (เสียงปรบมือ)
“พ่อ! นี่มันอะไรกันครับ” จู่ๆ จากจะมารับตำแหน่งรองประธานบริษัท กลับได้เลื่อนตำแหน่งไวซะงั้น พ่อของเขาชอบทำอะไรเซอร์ไพรส์กันอยู่เรื่อยๆ
“ส่วนลูกชายคนเล็กของผมก็คงจะมาช่วยรับช่วงต่อจากพี่ชายเขาครับ ต่อไปนี้คุณณัฐกานต์จะมารับตำแหน่งรองประธาน Willington N Group ของเราด้วยครับ”
ณัฐกานต์ที่นั่งเงียบเหมือนธาตุอากาศในห้องนี้มานาน กำลังมีชื่อในบทสนทนาในห้องประชุมกับเขาด้วย
ซึ่งโดยปกติลูกชายคนเล็กอย่างเขาไม่ค่อยจะมีบทบาทอะไรมากมายในบริษัทนี้ด้วยซ้ำนอกจากผู้ถือหุ้นที่รอใช้เงินปันผลเล่นๆ ไปวันๆ ต่อให้มัสซิโม่ชายแก่สัญชาติ ไทย-อิตาลี พ่อของเขาคนนี้ จะพยายามคะยั้นคะยออยากให้เขาเป็นผู้เป็นคนมากมายขนาดไหน
แต่สำหรับเขาแค่รวยไปวันๆ รอส่วนแบ่งจากธุรกิจครอบครัวใช้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมต้องมาทำอะไรให้เหนื่อยด้วย
“อะไรของเขาวะ ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ” ณัฐกานต์แอบบ่นกระซิบอยู่ข้างๆ พี่ชายของเขา ก่อนจะเหลือบมองเห็นสายตาคมคู่ดุของผู้เป็นพ่อ แต่มีหรือที่เขาจะกลัวคนอย่างเขามันไม่เคยเป็นลูกรักของพ่อเหมือนพี่ชายคนนี้อยู่แล้ว
ปล่อยให้เขาเป็นอิสระไปสักคนจะเป็นไรไปในเมื่อภัทรกาฬก็ทำตามความต้องการของพ่อให้ทุกอย่างแล้ว
แต่ลึกๆ ณัฐกานต์ก็แอบสงสารพี่ชายไม่ได้ ที่ต้องเติบโตมาด้วยแรงกดดันจากพ่อขนาดนี้ จนแทบจะสูญเสียความคิดของตัวเองไปและสูญเสียการใช้ชีวิตในรูปแบบที่ตัวเองต้องการด้วย