บท
ตั้งค่า

ไฟรักตรวนสวาท - บทที่ 1. ภรรยาตีทะเบียน

แขกเหรื่อมากมายทยอยกลับกันหมด เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ไม่ได้เกิดจากความรักถูกส่งตัวเข้าห้องหอในบ้านหรูที่ทางพ่อเจ้าบ่าวยกให้ลูกชายกับลูกสะใภ้เป็นเรือนหอรับขวัญลูกสะใภ้คนสวยที่ท่านเอ็นดู แน่นอนทั้งสองแต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจ เขาและเธอก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่ร่วมหอลงโรงกัน

เจ้าบ่าวมองเจ้าสาวคนงาม ยอมรับว่าเจ้าสาวของเขาสวยมาก สวยจนเขาไม่อยากเชื่อว่าจะเหลือรอดมาถึงตัวเองหรืออาจจะสวยแค่ภายนอก เขามองหน้าเจ้าสาวคนงามวัยสี่สิบปีย่างสี่สิบเอ็ดปีที่อายุเยอะกว่าตัวเองหนึ่งปี จิณณ์ พิพัฒน์โชติทรัพย์ หรือจิณณ์ หนุ่มหล่อวัยสามสิบเก้าปีย่างสี่สิบปีนึกขบขันตัวเองในใจกับโชคชะตาที่พบเจอตอนนี้

บุณยดา ปิ่นฤดี หรือแนน สาวใหญ่คนงามที่ครองตัวโสดมาตลอดหลายสิบปี ใช่ว่าไม่เคยมีแฟน แต่เคยมีเมื่อครั้งเรียนปีหนึ่ง คบกันได้ไม่ถึงสองปีก็เลิกรากันไป และหลังจากนั้นจนตอนนี้ก็ครองตัวเป็นโสดมาจนกระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อนพ่อกับแม่บอกว่าเธอต้องแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนท่านที่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกัน แน่นอนเธอคัดค้านทุกอย่างแต่ก็ไม่รอด เธอต้องใส่ชุดเจ้าสาวเข้าประตูวิวาห์อยู่ดี และคิดว่าเจ้าบ่าวของเธอก็คงไม่ต่างกันกับเธอ คงถูกบังคับไม่ต่างกัน

ต่างฝ่ายต่างเงียบเมื่อเหลือกันตามลำพังในห้องสีชมพูหวาน แถมบนเตียงโรยด้วยกลีบดอกกุหลาบสีแดงและชมพูผสมกัน ทั้งสองมองไปยังกลีบกุหลาบที่โรยเป็นรูปหัวใจแล้วก็หันมาสบตากันแล้วขยับปากเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

“อ่ะ...เอ่อ...” ทั้งสองเอ่ยพร้อมกันด้วยคำเดียวกันด้วยไม่รู้จะเริ่มสนทนากันยังไง และก็นิ่งเงียบไปอีก สุดท้ายแล้วจิณณ์ก็ทนความเงียบนี้ไม่ได้จึงเอ่ยขึ้น

“รู้ใช่ไหมว่าผมไม่เต็มใจแต่งงาน?”

“ค่ะ และคุณรู้ด้วยไหมว่าฉันเองก็ไม่เต็มใจแต่งงานกับคุณ” สาวเจ้าเอ่ยถามกลับ เธออยู่มาจนอายุสี่สิบย่างสี่สิบเอ็ดแล้ว ยากที่จะกลัวสายตาเคร่งขรึมของสามีตีทะเบียนของตัวเอง แม้จะเพิ่งรู้จักและมองปราดเดียวก็รู้ว่าจิณณ์เป็นคนยังไง แต่เธอก็เลือกเงียบ เพราะยังไงเสียก็แค่แต่งงานกันตามใบสั่งของผู้ใหญ่เท่านั้น

“ชัดเจนดีนี่ครับ” แม้จะรู้สึกไม่ชอบใจกับคำถามของเจ้าหล่อน แต่เขาก็ยกยิ้มตอบเหมือนไม่สนใจทั้งๆ ที่รู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อตัวเองไม่เป็นที่ต้องการของเจ้าสาวตีทะเบียนของตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติแล้วผู้หญิงจะวิ่งเข้าหาและเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่กับบุณยดามันตรงกันข้ามเลยทุกอย่าง จนจิณณ์เริ่มไม่แน่ใจในความหล่อและเสน่ห์ของตัวเองขึ้นมาเล็กน้อย

“เราก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว จะมาพูดอ้อมค้อมให้เสียเวลาชีวิตไปทำไมกันคะ”​

คนที่อายุเยอะกว่าเอ่ยพร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะเดินไปยังห้องน้ำผลัดเปลี่ยนชุดเพื่ออาบน้ำนอน วันนี้เธอเหนื่อยมาก ตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อแต่งหน้าทำผม งานมีทั้งกลางวันและกลางคืน

“อ้อ...ผมลืมว่าคุณแก่กว่าผม แปลกนะ อายุคุณก็ไม่ใช่น้อยแล้ว ทำไมถึงอยู่รอดมาถึงผมได้”

จิณณ์ถามเสียงกรุ่นโกรธ เขารู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางเย็นชาของภรรยาแต่งตัวเอง จริงอยู่เธออายุเยอะกว่าเขา แต่ก็แค่ปีเดียวเท่านั้นแหละ จำเป็นต้องนับถือด้วยเหรอ ในเมื่อเขาเป็นสามี สามีเป็นช้างเท้าหน้า หล่อนต้องทำตามที่เขาสั่งและต้องการ คนอย่างจิณณ์ไม่มีทางตกอยู่ใต้อำนาจใคร โดยเฉพาะอำนาจของผู้หญิง

“การที่ฉันอยู่จนถึงทุกวันรอดมาแต่งงานกับคุณไม่ใช่ว่าฉันไม่มีหรือหาไม่ได้ แต่เพราะผู้ชายมันห่วย ไม่สู้อยู่คนเดียว แต่แล้วทุกอย่างก็มาผิดแพลนที่วางไว้เมื่อพ่อกับแม่ให้ฉันแต่งงานกับคุณ”

คำตอบของภรรยาแต่งทำให้เขารู้สึกเจ็บเหมือนโดนว่าเหน็บกระทบกระแทกยังไงก็ไม่รู้ แต่จิณณ์ก็ฝืนส่งยิ้มส่งให้หล่อนแล้วก็เอ่ยตอบโต้สวนกลับไป

“คงเจอมาหนักสินะ ถึงได้มองผู้ชายทุกคนห่วย แต่นั่นไม่ใช่สามีคุณ” ตอบจบจิณณ์ก็ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปหาคนที่เดินไปหยุดหน้าห้องน้ำแล้วตวัดแขนแข็งแรงโอบเกี่ยวเอวเล็กคอดเข้ามาหาตัวเองทันที

ว้าย!

“คุณจะทำอะไร?”

“จะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ ผมก็จะอาบเหมือนกัน ไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วก็ทำหน้าที่ผัวเมียให้ครบสมบูรณ์ไปเลยเป็นไง คุณเองก็ใช่จะซิง” คำพูดดูถูกหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาทำให้บุณยดาเลือดขึ้นหน้าผลักดันเขาออกห่างและดิ้นหนีจากวงแขนแข็งแรง พอได้อิสระก็ตวัดมือใส่หน้าหล่อของสามีตีทะเบียนตัวเองทันที

เผียะ!

อ่า!

จิณณ์หันหน้ามามองภรรยาตัวเองด้วยความเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าตบหน้าเขา แต่บุณยดาเป็นคนแรก เขาขยับกรามตัวเองเล็กน้อยและลูบแก้มข้างที่โดนตบจนชาพร้อมร้องครางเจ็บ

“อย่ามาทำตัวต่ำๆ กับฉัน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ กรุณาให้เกียรติฉันด้วยคุณจิณณ์”

เธอเอ่ยเสียงนิ่งเรียบซุกซ่อนความตื่นกลัวตกใจของตัวเองก่อนหน้านี้ไว้ ด้วยไม่คิดว่าจะโดนเขารัดรั้งเข้าไปกอดและพูดจาลวนลามแบบนี้ และยิ่งสายตาของจิณณ์ด้วยแล้วตอนนี้เขากำลังใช้สายตาปลดเปลื้องเสื้อผ้าเธอ เขามองเธอราวกับเสือหิวโหยตัวหนึ่ง เขาแสดงออกชัดเจนว่าต้องการภรรยาแต่งอย่างหล่อนในคืนแรก แม้ว่าคำพูดจะสวนทางก็ตาม แต่สายตากับการกระทำของบุรุษหนุ่มทำให้เธอต้องระวังตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเมื่อครู่อีก

“ทำไมผมต้องให้เกียรติเมียตัวเองด้วย คุณแต่งงานมาทำหน้าที่บำเรอผมก็สมควรที่จะให้ผมกอด จูบ ลูบ คลำ และ ‘เอา’ สิ ว่าไหมครับแนน” จิณณ์เอ่ยเสียงแห้งข่มความเดือดดาลตัวเองไว้ในอกด้วยการเรียกชื่อเล่นของสาวเจ้า แต่เสียงกัดฟันก็ดังลอดออกมาให้ได้ยินอยู่ดี

กรอด!

“ฉันแต่งงานมาเป็นเมียไม่ใช่นางบำเรอ ฉะนั้นฉันจะให้คุณ ‘เอา’ หรือไม่ ‘เอา’ มันก็เรื่องของฉัน เพราะยังไงฉันก็ขึ้นชื่อว่าเมียถูกต้องตามกฎหมายของคุณ และถ้าอยากอาบน้ำก็เชิญค่ะ ฉันให้คุณใช้ห้องน้ำก่อน และคุณอย่าลืมสิว่าเราแต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ ไม่ใช่เพราะรัก ฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องมีเซ็กซ์กันก็ได้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง อ้อ...เรื่องห้องนอน รอให้ผ่านสามคืนแรกเข้าหอไปก่อน แล้วเราจะแยกห้องนอนกัน แล้วต่างคนต่างใช้ชีวิต ส่วนคุณอยากมีใครหรือไปนอนกับใคร ค้างที่ไหนก็เชิญตามสบาย แต่ขออย่างเดียวอย่าพาผู้หญิงพวกนั้นเข้ามาในบ้านนี้ก็พอค่ะ”

“ดีนะ แต่งงานวันแรกเมียผมก็ใจกว้างยกผมให้เป็นผู้ชายสาธารณะเลย ดีเหลือเกิน แม่พระเหลือจะกล่าว ถ้างั้นก็กรุณาทำหน้าที่ ‘เมีย’ ให้ผมทีสิคืนนี้ เพราะผมออกจากห้องนี้ไม่ได้ ผมต้องการ ‘เซ็กซ์’ จากคุณตอนนี้ เดี๋ยวนี้ด้วย ผมแต่งงานแล้วผมต้องได้อะไรบ้าง ผมไม่ยอมปล่อยให้คุณเป็นแค่ภรรยาในนามหรอกนะแนน สำหรับผมแล้วผู้หญิงคนไหนก็ได้ขอแค่ได้ปลดปล่อยความเครียดของผม” เขาพูดพร้อมลูบเป้ากางเกงตัวเองไปมา เพราะตอนนี้มันกำลังปวดร้าวคับตึงอยู่ในกางเกง

“เราก็โตกันแล้วและรู้ว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร ครอบครัวเราทำธุรกิจส่งออกผ้าไหมด้วยกัน ที่เราแต่งงานกันก็เพราะพ่อกับแม่ของเรา”

“ผมรู้ แต่ผมมีบริษัทนำเข้ารถยนต์จากยุโรปของส่วนตัวผม ผมมีธุรกิจของตัวเองแยกออกมาจากครอบครัว ส่วนของครอบครัวก็ของครอบครัว ตอนนี้คุณแต่งงานกับผม เจ้าของบริษัทนำเข้ารถยนต์ไม่ใช่หุ้นส่วน และถ้าโตอย่างที่พูดจริงๆ ก็ควรจะรู้ว่าผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะอยู่กับเมียแล้วไม่เกิดอารมณ์ จริงอยู่เราไม่ได้รักกัน เราแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่ แต่เรื่องความต้องการมันไม่ได้เลือกและจำกัดได้หรอกนะแนน” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยลอดออกมาจากริมฝีปากหนา ด้านบุณยดาขยับก้าวถอยห่างสามีตีทะเบียนตัวเองไปทีละก้าวทันที แต่ถอยไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดเมื่อหลังปะทะกับแท่นอ่างล้างหน้า ตอนนี้เจ้าหล่อนถึงรู้ว่าตัวเองได้เดินถอยหลังเข้ามาในห้องน้ำ

“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคุณจิณณ์” เธอบอกเขาเสียงดังพร้อมกับจับแท่นอ่างล้างหน้าด้านหลังไว้แน่นด้วยความกลัว

“ทำอะไรบ้าๆ งั้นเหรอ ทำไมถึงคิดว่าผมจะทำอะไรบ้าๆ ล่ะแนน ผมกำลังจะทำหน้าที่ ‘ผัว’ ต่างหากคนสวย” เขาตอบพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองออกทีละเม็ดๆ จนมาถึงหน้าท้องแล้วจัดการถอดเสื้อสูทตัวเองออกทิ้งกับพื้นแล้วเดินไปประชิดร่างแน่งน้อยของแม่ภรรยาคนงาม ใครจะคิดว่าบุณยดาอายุเยอะกว่าเขา ใบหน้าสวยใสจิ้มลิ้มที่ดูอ่อนวัยมองยังไงก็เด็กกว่าเขา แต่พอเปิดดูบัตรประชาชนแล้วก็ต้องเชื่อแหละว่าผู้หญิงคนนี้วัยสี่สิบย่างสี่สิบเอ็ดปี แต่หน้าตาเหมือนสาววัยยี่สิบห้าปีเอ๊าะๆ ก็มิปาน

“เหมือนว่าแนนจะกลัว ‘ผัว’ ตัวเองนะ” เมื่อเขาเดินมาประชิดคนที่ยืนสั่นเทาหวาดกลัวตัวเองก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วมือที่ปลดกระดุมเสื้อก่อนหน้านี้ยกขึ้นมาลูบไล้แก้มนวลเนียนของภรรยา เขารู้ดีว่าใบหน้าและผิวของบุณยดานั้นสวยน่าสัมผัสแค่ไหน แม้วันนี้จะมีเครื่องสำอางแต่งแต้มหนา แต่ความสวยที่แท้จริงของหล่อน เขาได้เห็นมาแล้วสองสามครั้ง เพราะต้องเจอกันทานข้าวกันก่อนจะแต่งงานกัน ถึงจะเพิ่งรู้จักกันแต่ก็ยอมรับว่าเขารู้สึกปรารถนาเธอทุกครั้งที่เจอ และตอนนี้เขาก็มีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองผู้หญิงตรงหน้าในฐานะสามี แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่งงาน แต่เขาก็เต็มใจทำหน้าที่สามี ใครจะโง่ปล่อยให้ภรรยาสวยๆ นอนหลับบนเตียงไปวันๆ ล่ะ เขาต้องตักตวงความสุขจากหล่อนให้อิ่ม

“ฉะ...ฉันไม่ได้กลัว” น้ำเสียงที่ตอบกลับนั้นสั่นไม่มั่นคงยิ่งทำให้จิณณ์แค่นขำ และเธอก็เกลียดเสียงกลั้วขำในลำคอของคนตัวสูงตรงหน้านักตอนนี้

“เสียงสั่นขนาดนี้ยังบอกไม่กลัว ถ้ากลัวจะขนาดไหน ผมว่าไหนๆ เราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว อย่ามาเสียเวลากันเลย คุณเป็น ‘เมีย’ ส่วนผมเป็น ‘ผัว’ เรามีหน้าที่ต้องทำกันอยู่แล้ว และคุณจำไม่ได้เหรอว่าพ่อกับแม่ของเราอยากมีหลาน ถ้าเราไม่ ‘เอา’ กันแล้วหลานของพวกท่านจะมาเกิดยังไงกันคนสวย”

“คุณคิดว่าเราจะอยู่กันรอดเหรอคุณจิณณ์ ถ้าไม่รอดก็อย่าคิดมีลูกเลยค่ะ เพราะอนาคตคือความไม่แน่นอน บางทีวันพรุ่งนี้หรือไม่ถึงสิ้นปีนี้ เราอาจจะหย่ากันก็ได้ ใครจะไปรู้”

“แต่ตอนนี้เรายังไม่หย่า เราก็ควรจะทำ ‘ลูก’ กันสิว่าไหม หรือว่าคุณกลัว ผมว่าไม่น่าจะกลัวนะแนน คุณเองก็น่าจะผ่านอะไรมานักต่อนักแล้ว เอ๊ะ! อย่าบอกว่าคุณยังเป็นสาวพรหมจรรย์”

ท้ายประโยคเขาตาลุกโชนขึ้นมาทันทีเมื่อจับพิรุธคนตัวเล็กตรงหน้าได้ ‘ใช่เหรอ แต่เธอดูไร้เดียงสามากนะมึง’ เขาพึมพำถามตัวเองในใจเมื่อเห็นท่าทางไร้เดียงสาของคนตัวเล็กตรงหน้าที่แสดงออกมาชัดเจนเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้นออกมา

“ถะ...ถึงฉันจะผ่านอะไรมาเยอะหรือไม่ผ่าน ฉันก็ไม่ต้องการมีเซ็กซ์กับคุณ และออกไปจากห้องน้ำได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำนอน ฉันเหนื่อย”

บุณยดารวบรวมความกล้าเอ่ยไล่คนตัวโตพร้อมผลักเขาออกห่าง แต่ทว่าเขากลับไม่ยอมขยับตัวไปตามแรงผลัก แถมยังใช้ท่อนแขนแข็งแรงตวัดโอบกอดเอวเล็กของเธอรั้งเข้าไปหาอีกต่างหาก

ว้าย!

“คุณจิณณ์ปล่อยฉัน!” มือเล็กทั้งสองรีบยกมาดันหัวไหล่ของคนตัวโตไว้ทันทีเมื่อถูกเขากอดรัดแบบไม่ได้ตั้งตัวครั้งที่สอง หากไม่มีสองมือดันไหล่เขา หน้าอกของเธอได้แนบถูไปกับหน้าอกของเขาแน่นอน

“ปล่อยแล้วจะทำหน้าที่ผัวเมียกันยังไงล่ะ ว่าไหม?” เขาโน้มหน้าลงมาเอ่ยรดใบหน้าของคนตัวเล็กที่แหงนเงยขึ้นพูดกับตัวเองและด้วยความมันเขี้ยวน่าแกล้งจึงฉวยโอกาสหอมหน้าผากมนสวยของเธอทันที

“อื้อ...หอมชื่นใจ ตอนในพิธีที่ผู้ใหญ่ให้เราผลัดกันหอมแก้ม รู้ไหมผมอยากทำมากกว่าหอมแก้มอีก คุณตัวหอมมากแนน ผมอยากจูบปากของคุณด้วยตอนนั้น และผมก็จะทำทุกอย่างที่อยากทำกับ ‘เมีย’ ตัวเองในคืนเข้าหอ” ทั้งๆ ที่ไม่ต้องการจะมีพันธะ แต่ก็เรียกคนในอ้อมกอดว่า ‘เมีย’ ได้เต็มปากเต็มคำ โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย

“ปล่อยฉันคุณจิณณ์” บุณยดายังยืนยันคำเดิม แต่เหมือนว่าคำสั่งของเธอจะไร้ประโยชน์เมื่อเขากระชับกอดแน่นขึ้นพร้อมโน้มต่ำลงมาหาจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขา เธอพยายามดิ้นหาอิสระ แต่เหมือนว่าดิ้นเสียแรงเปล่า ใบหน้าสวยแหงนเงยหน้าขึ้นไปหาคนตัวสูงที่โน้มหน้าลงมาหาเพื่อจะพูดกับจิณณ์อีกครั้ง แต่พอเงยหน้าขึ้น ปลายจมูกโด่งได้รูปก็ชนกับคางสากของบุรุษ

“อือ...อยากจูบผมก็บอก ไม่ต้องดมคางผมหรอกแนน สำหรับเราตอนนี้เราเป็นผัวเมียกันแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ เราควรทำให้สมบูรณ์ ผมกับแนนไม่ได้รักกันก็จริง แต่เราควรให้ความสุขร่างกายว่าไหม”

“คนเห็นแก่ตัว!”

“ตรงไหน ผมก็จะให้คุณมีความสุขด้วย ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะมีความสุขคนเดียว”

“ฉันไม่ต้องการ”

“แต่ผมอยากทำให้คุณมีความสุข และผมก็ต้องการ”

“ฉันไม่พร้อม”

“แต่ผมพร้อม และผมก็ทำให้คุณพร้อมได้คนสวย อย่าเล่นตัวหน่อยเลยน่า ก็แค่เซ็กซ์เอง คุณมีความสุข ผมมีความสุขก็วินๆ กันทั้งคู่ เอ๊ะ! หรือว่าแนนจะยังไม่เคยนะถึงได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมหยุดเรื่องคืนเข้าหอของเราแบบนี้ฮึ”

เขาพูดพร้อมกับมือเริ่มเคลื่อนไหวลูบไล้เรือนร่างเล็กผ่านชุดเจ้าสาวสีขาวไปมาปลุกเร้าอารมณ์หวามสวาทของเจ้าหล่อน และมั่นใจว่าเขาทำให้บุณยดาพรั่งพร้อมร้องครวญครางต้องการเขาได้ในไม่ช้าแน่นอน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนจะต้านทานเสน่ห์ของเขาไปได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel