บทย่อ
เธอเข้ามาเพื่อแก้แค้นครอบครัวของเขา แต่เขากลับเป็นความใจดีเดียวบนโลกใบนี้ของเธอ
บทนำ
“ระวัง!”
เสียงตะโกนดังมาจากข้างหลังก่อนจะตามมาด้วยการกระชากแขนจนทำให้ชายหนุ่มร่างหนาที่กำลังจะเดินข้ามถนนเซไปตามแรง ล้มลงคร่อมบนหญิงสาวร่างบางเจ้าของมือเรียวผู้ดึงแขนเขามานอนอยู่บนฟุตบาท
ปัง!
“โอ๊ย!”
โอบ กิจธาดาวงศ์ ร้องเสียงหลงเมื่อกระสุนเจาะเขาที่แขนข้างซ้าย
“พวกมันมาแล้ว รีบหนีก่อน” หญิงสาวเจ้าของดวงหน้าสวยหวานละมุนตาตั้งสติได้ก่อน จึงรีบลุกขึ้นแล้วจับฝ่ามืออุ่นวิ่งหนีเข้าตามตรอกซอกซอยอย่างชำนาญ
“คงตามมาไม่ทันแล้วล่ะ”
นับดาว อนิสตัน เบอร์เรล หยุดวิ่งพลางยืนหอบหายใจหนักหน่วง
“คุณเป็นอะไรมากมั้ยคะ” เธอเอ่ยถามร่างหนาตรงหน้าหลังจากที่ปรับลมหายใจให้กลับมาอยู่ในสภาวะปกติได้แล้ว
“คุณ!” นับดาวโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่มอีกครั้งเมื่อเขาเอาแต่จ้องหน้าเธอไม่วางตา
“อะ...อ่อ ไม่เป็นอะไรมากครับ” โอบตอบกลับเสียงติดๆ ขัดๆ ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยที่ยังไม่จางหายแต่เป็นเพราะความตกใจที่เห็นหน้าของหญิงสาวต่างหาก
เรือนผมสีดำขลับเหยียดตรง คิ้วเรียวที่ถูกเสริมเติมแต่งแค่เล็กน้อย ดวงตาคู่สวยภายใต้แพขนตางอนยาว จมูกเชิดรั้นบ่งบอกถึงนิสัยดื้อดึงและความเซ็กซี่ของเธอคงจะอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มแสนเย้ายวนนั่น
เหมือน...เหมือนมากราวกับฝาแฝด
“แต่...คุณไม่ใช่ผู้ร้ายใช่มั้ยคะ”
“หน้าตาผมดูไม่น่าไว้วางใจเหรอครับ” เขาถามพลางมองหญิงสาวในชุดรับปริญญาด้วยสายตาที่อ่อนแสงลง
เพิ่งจะสังเกตว่าเธอพาเขาวิ่งหนีมาด้วยชุดนี้
“ฉันก็ต้องถามให้แน่ใจสิคะ เผื่อฉันช่วยโจรเอาไว้ ใครจะรู้”
นับดาวมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาอีกครั้ง ผมสีน้ำตาลเข้มถูกเสยปาดด้วยเจลขึ้นไปจนเห็นหน้าผากกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาแต่เคร่งขรึมอยู่ในที เส้นคิ้วตรงเป็นแนวขวาง กรอบแว่นตาขนาดใหญ่ของเขาไม่อาจปิดบังดวงตาสุขุมนุ่มลึกเปี่ยมเสน่ห์ จมูกโด่งรับกับสันกราม ริมฝีปากอิ่มน้ำสุขภาพดี
ช่างเป็นใบหน้าที่มีเอกลักษณ์เห็นครั้งเดียวไม่มีทางลืมแน่
“หึ” เสียงหัวเราะในคอเบาๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
“ดูเหมือนคุณจะไม่ใช่คนเบคาเทียนะ” เสียงหวานเอ่ยถามอีกครั้ง
ดูก็รู้ว่าเขามีเชื้อชาติเอเชียจากโทนผิวสีขาวเหลือง
“ครับ ผมมาทำธุระที่นี่”
แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขาเป็นคนต่างประเทศแต่กับถูกลอบยิงในเบคาเทีย ถ้าเธอไม่เห็นแสงเลเซอร์สีแดงบนศีรษะของเขา ป่านนี้คนร่างหนาคงนอนสมองไหลอยู่ข้างถนนไปแล้ว
“งั้นฉันจะพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาลก็แล้วกันค่ะ”
นับดาวเลือกที่จะตัดบทพลางเดินนำเขากลับไปทางเดิม เธอไม่ชอบสุงสิงกับใครและคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวของผู้ชายตรงหน้าขนาดนั้น เธอแค่เข้ามาช่วยตามสัญชาตญาณเท่านั้น
“วันนี้เป็นวันรับปริญญาของคุณเหรอ” โอบทำลายความเงียบลงหลังจากที่นั่งรถของเธอมาสักพัก
“ค่ะ”
น่าแปลกที่เป็นวันรับปริญญาแต่หญิงสาวกับอยู่ตัวคนเดียว แถมยังมีเวลาว่างมาช่วยเขาและพาไปส่งโรงพยาบาลอีก วันดีๆ แบบนี้เขาไม่ต้องเลี้ยงฉลองกับครอบครัวหรอกเหรอ
“ยินดีด้วยนะครับ” เสียงทุ่มต่ำระรื่นหูทำเอาคนขับรถถึงกับหายใจสะดุด ก่อนจะเบนหน้ากลับมามองอีกฝ่ายที่กำลังยกยิ้มมุมปากบางๆ
“ขอบคุณค่ะ” เธอพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ เบนหน้ากลับมาสนใจถนนข้างหน้า
@โรงพยาบาลเมืองเปโดร
ที่นี่เป็นโรงพยาบาลประจำของรัฐเปโดร เมืองหลวงประเทศเบคาเทีย
“ถ้าคุณปลอดภัยแล้ว งั้นฉันขอตัวก่อนค่ะ” นับดาวหันหลังเดินออกมาแต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงเรียกจากข้างหลัง
“เดี๋ยวสิครับ” คนบาดเจ็บเอ่ยเรียกพลางเดินตามร่างบางมาด้วย
เธอมาส่งเขาที่โรงพยาบาล รอจนเขาทำแผลเสร็จแล้วจะขอตัวกลับโดยไม่ติดจะทำความรู้จักกันไว้เลยเหรอ
ปกติเขาไม่ใช่คนชอบวอแวกับใคร แต่สำหรับคนตรงหน้าเขากลับรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยให้เธอผ่านไป
“มีอะไรคะ”
“ถ้าผมอยากจะขอช่องทางติดต่อคุณได้มั้ย”
“เพื่ออะไรคะ”
“ผมอยากจะขอบคุณที่...”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ต่อให้เป็นคนอื่นฉันก็เข้าไปช่วยเหมือนกัน”
“เอ่อ...ผมโอบนะครับ”
ถึงจะไม่ได้ช่องทางติดต่อ ได้รู้ชื่อของเธอก็ยังดีเพราะหลังจากนั้นคงไม่ยากสำหรับคนอย่างเขาที่จะหาข้อมูลเองได้
“นับดาวค่ะ” ส่งรอยยิ้มบางๆ ที่แทบมองไม่ทันก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“นับดาว” ริมฝีปากอิ่มน้ำทวนชื่อเธออีกครั้งพลางอมยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงดวงหน้าสวยหวานละมุนตาแต่กลับดูเย่อหยิ่งอยู่ในที
งานฉลองครบหนึ่งพันสาขาของธนาคารกิจธาดาหรือK-Bank ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โตในห้องจัดเลี้ยงโรงแรมดังกลางเมือง
ห้องบอลรูมของโรงแรมตกแต่งด้วยธีมสีทองและเงินเพื่อความเรียบหรู ด้านหน้างานมีการขอตรวจดูบัตรเชิญ แสดงให้เห็นถึงความพิเศษของแขกที่ต้องถูกเจาะจงเลือกมาเฉพาะเท่านั้น
กลิ่มหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ที่ประดับในงานผสานเข้ากลับกลิ่นอาหารเลิศรสชวนยั่วน้ำลายสอ
“กว่ายี่สิบห้าปีที่ธนาคารกิจธาดาได้รับการสนับสนุนจากทุกท่าน จนปัจจุบันเรามีสาขาอยู่ในความดูแลถึงหนึ่งพันสาขาทั่วประเทศไทยและก้าวที่ยี่สิบหกของเรา ท่านจะได้พบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เคแบงค์จะขอยกระดับการบริการที่เป็นมากกว่าธนาคารเพราะเราใส่ใจทุกท่านดุจญาติมิตรของตัวเอง”
เสียงปรบมือดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง หลังจากที่นายภวัต กิจธาดาวงศ์ ผู้ก่อตั้งธนาคารกิจธาดากล่าวแถลงในพิธีเปิด
บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความยินดีปรีดาทั้งของเจ้าภาพในการจัดงานและแขกที่ได้รับเชิญ ช่างแตกต่างกับบรรยากาศของบ้านทาวน์โฮมสองชั้นในเมืองเปโดรประเทศเบคาเทียเสียเหลือเกิน
โจนส์ มอร์แกน เบอร์เรล นั่งกำรีโมตโทรทัศน์อยู่บนรถเข็นวีลแชร์ที่ใช้สำหรับอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
“อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้คุณภวัตประสบความสำเร็จคะ” เสียงนักข่าวในโทรทัศน์เอ่ยถาม ขณะสัมภาษณ์เจ้าภาพผู้จัดงานในวันนี้
“ครอบครัวผมครับ ก็คือภรรยาและลูกครับ” ฝ่ามือใหญ่ตบลงเบาๆ ตรงมือของภรรยาที่ควงแขนอยู่
มนทิรา กิจธาดาวงศ์ หันไปส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผู้เป็นสามี
“และนี่คือภาพความสำเร็จครบรอบยี่สิบห้าปีของธนาคารกิจธาดา ภายใต้การบริหารของคุณภวัต กิจธาดาวงศ์ค่ะ”
ผู้ป่วยที่นั่งอยู่บนวีลแชร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือข้างซ้ายกำที่พักแขนไว้แน่น สายตาอาฆาตแค้นเปี่ยมด้วยไอสังหาร รังสีอำมหิตแผ่ออกจากร่าง
‘ผมขอยกเลิกโครงการทั้งหมดที่ตกลงกันไว้ มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว’
ภาพความทรงจำในอดีตฉายชัดขึ้นตรงหน้า ความเจ็บแค้นที่ผ่านมาสิบหกปีไม่เคยจางหาย ยิ่งได้เห็นความสำเร็จของมันเขายิ่งทำใจยอมรับไม่ได้
‘ไม่นะ! คุณจะยกเลิกกลางคันแบบนี้ไม่ได้ ทุกอย่างกำลังจะสำเร็จ!’
เพล้ง!
รีโมตในมือถูกเขวี้ยงไปที่หน้าจอโทรทัศน์จนแตกละเอียดและดับลงทันที
“คุณโจนส์! เกิดอะไรขึ้นคะ” พยาบาลพิเศษรีบวิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“ไอ้ภวัต! มึง!” ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างคับแค้น มือทั้งสองข้างกำขากางเกงแน่น
“พ่อ! ป้าฮันน่าพ่อเป็นอะไรคะ” นับดาวเปิดประตูบ้านเข้ามาเห็นสภาพของโทรทัศน์ที่หน้าจอแตกและมีควันลอยออกมาถึงกับชะงัก ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามานั่งตรงหน้าผู้เป็นพ่อ
“ป้าไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณนับ ป้าเตรียมอาหารค่ำอยู่ในครัว” พยาบาลพิเศษรีบบอกเหตุผลของเธอออกไปเพราะกลัวจะโดนดุที่ไม่ดูแลคนไข้ให้ดี
“พ่อใจเย็นๆ นะคะ มีอะไรบอกนับนะ” หญิงสาวยื่นมือไปลูบเบาๆ ที่ต้นแขนทั้งสองข้างของผู้เป็นพ่อ
ความอาฆาตแค้นยังปรากฏอยู่ในแววตา เบนหน้ากลับมามองลูกสาวที่กำลังนั่งคลุกเข่าอยู่ตรงหน้า ชั่วแวบหนึ่งแววตาทอประกายความสมเพชแต่ก็เลือนลางไปอย่างรวดเร็ว
“นับว่าพ่อไปพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวนับพาไปนะ” ร่างบางพูดพลางลุกขึ้นเดินอ้อมไปข้างหลังวีลแชร์ พาผู้เป็นเพ่อตรงไปยังห้องนอน
“พักผ่อนนะคะ หลังจากนี้นับจะดูแลพ่อเอง นับเรียน...”
“นับดาว” เสียงของความเหนื่อยล้าเล่นเอาหัวใจของลูกสาวถึงกับกระตุกวูบ
“คะพ่อ”
“วันไหนที่พ่อไม่อยู่แล้ว นับต้องดูแลตัวเองดีๆ นะลูก” มือเหี่ยวย่นจนเห็นกระดูกยกขึ้นลูบศีรษะคนตรงหน้าอย่างเบามือ
“ไม่พูดแบบนั้นนะคะ พ่อยังแข็งแรงดี ต้องอยู่กับนับไปอีกนานเลย” หยดน้ำใสเริ่มเอ่อล้นที่ขอบตา แต่ก็ต้องพยายามสกัดกลั้นเอาไว้เพราะผู้เป็นพ่อสอนว่าอย่าอ่อนแอและเขาไม่ชอบน้ำตาของเธอ
นับดาวนั่งรออยู่ข้างเตียงนอนจนผู้เป็นพ่อหลับไป เธอจึงเดินออกจากห้องนอนแล้วตรงไปในห้องครัว
“ยินดีด้วยนะคะคุณนับดาว”
ฮันน่า พยาบาลพิเศษที่คอยดูแลคุณพ่อมาเกือบสิบปี จนเป็นเหมือนญาติคนสนิทของนับดาวไปด้วย
"ขอบคุณค่ะป้าฮันน่า" ร่างบางปั้นหน้ายิ้มอย่างยากลำบาก อุตส่าห์คิดเอาไว้ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของเธอ จะได้ฉลองเรียนจบกับผู้เป็นพ่อ
“คุณโจนส์คงมีเรื่องเครียดค่ะ”
“นับไม่เป็นไรค่ะป้าฮันน่า แค่วันธรรมดาวันนึงนั่นแหละค่ะ”
“ถ้างั้นกินอะไรหน่อยนะคะ ป้าเตรียมไว้ให้เยอะเลย”
“ขอบคุณนะคะ”