ตอนที่ 3 มือที่สาม
ต่อกๆๆ
เสียงรองเท้าส้นสูงกระแทกพื้นมาแต่ไกล... รู้เลยว่าใคร
“ทำอะไรอยู่เหรอ” เสียงยัยกระปุกดังขึ้นพร้อมท่อนแขนหนักๆ เกยทับไหล่ของฉัน ฉันปัดแขนกระปุกออกแล้วมองด้วยสายตาหงุดหงิด
“คิดว่าแขนตัวเองเบานักหรือไง”
“จิ๊! เล่นด้วยก็ไม่ได้ นับวันเธอยิ่งโหดขึ้นเรื่อยๆ นะ ระวังจะไม่มีผู้ชายกล้าเข้าใกล้”
“เหอะ! ช่างสิ”
“แล้วนั่นดูอะไรอยู่เหรอ” ยัยกระปุกทิ้งตัวลงนั่งข้างฉัน
“บทน่ะ”
“ว้าวๆ”
“แค่มิวสิควิดีโอ ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้”
“กรี๊ด! เธอได้เล่นกับวงโซแบดเหรอ โหนี่สุดยอดเลยอะ ความฝันของฉันเลยรู้เปล่า หวายเปลี่ยนตัวกันนะ” ยัยกระปุกกระดี๊กระด๊ากุมมือฉันใหญ่ อะไรของเธอเนี่ย! ถ้าอยากเล่นขนาดนั้นทำไมไม่ไปออดิชันล่ะยะ
“ถ้าฉันไม่ติดแคสงานละครนะฉันไปแล้ว”
“แล้วเป็นยังไง ได้ไหม”
“ได้ก็บ้าแล้ว เด็กเส้นเยอะจะตายไป เสร่อตัวคนเดียวอย่างฉันจะไปผ่านได้ไง” ยัยกระปุกทำหน้ามุ่ย
“อ้าว เห็นบอกว่าแคสหานักแสดงใหม่นึกว่าจะได้งานซะอีก”
“ใช่ คนอื่นได้ไปแล้วแต่”
“แต่?”
“ฉันถูกผู้กำกับเรียกไปแคสบทใหม่น่ะ”
“โห สุดยอดเลยไม่ใช่เหรอ”
“ฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะไปดีไหม”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สิ ฉันว่าผู้กำกับดูแปลกๆ ไม่น่าไว้ใจ”
“คิดมากไปหรือเปล่า”
“ไม่เลย เพราะมีฉันแค่คนเดียวที่ถูกเรียกไป”
“งั้นก็อย่าเสี่ยงเลย”
“แต่ว่าถ้าเกิดเขาเรียกไปแคสงานจริงๆ ล่ะ ฉันไม่พลาดเหรอ”
“....” แล้วแกจะมานั่งบ่นให้ฉันฟังเพื่อ? อยากไปก็ลุยเลยดิวะ
“นี่ๆ หวาย ช่วยไรฉันหน่อยสิ”
“อะไร” ฉันเหล่มองยัยกระปุกอย่างไม่ไว้ใจ
“ช่วยขอร้องแฟรงก์ให้ไปเป็นเพื่อนฉันที”
“หา!”
“พลีสสสสส”
“...”
เพราะแบบนั้นฉันจึงต้องมาวิ่งอยู่บนลู่วิ่งที่ฟิตเนสของมหาวิทยาลัย ที่จริงจะรอคุยตอนอยู่ห้องก็ได้แต่ว่ายัยกระปุกต้องให้คำตอบผู้กำกับภายในวันนี้ ยัยนั่นจึงคะยั้นคะยอให้ฉันมาคุยกับแฟรงก์โดยเร็วที่สุด
ประมาณบ่ายสองของทุกวันถ้าวันไหนไม่มีเรียนหมอนั่นจะมาเข้าฟิตเนส ส่วนตอนเช้าๆ ก็จะแหกขี้ตาตื่นเพื่อลงไปเล่นฟิตเนสของหอพัก แบบว่ารักการออกกำลังกายสุดๆ หุ่นก็เลยงามแบบเพอร์เฟคเหมือนกัน
แฮ่กๆ เหนื่อยว้อยยยย
“โว้ววว ท่าวิ่งก็ยังเซ็กซี่เหมือนเดิม” ไอ้แฟรงก์! แกอยากให้ฉันเอาผ้าซับเหงื่อยัดปากไหมฮะ!
“นี่ไม่ต้องมาแซว ฉันแค่มีเรื่องอยากจะคุย” ฉันหันไปจิกสายตาใส่หมอนั่นที่วิ่งอยู่ข้างๆ
“สำคัญมากเลยเหรอ” แฟรงก์มองหน้าประมาณว่าไม่เห็นจะต้องลงทุนมาวิ่งข้างๆ เขาแบบนี้เลยก็ได้
“เออ สำคัญมาก เรื่องของยัยกระปุก”
“กระปุก?” อะไรกันยะ ทำไมต้องทำหน้าผิดหวังแบบนั้นด้วย
“อยากให้นายช่วยไปเป็นเพื่อนแคสงานของยัยนั่นหน่อย”
“ทำไมต้องเป็นฉัน”
“ก็นายเป็นเพื่อนฉันน่ะสิ”
“ขอปฏิเสธ”
ว่าแล้ว! หมอนี่ไม่มีปรานีเลย
“น่านะแฟรงก์ ขอร้องล่ะ ฉันมีนาย”
“ว้าย”
ระหว่างที่ฉันกำลังคุยเรื่องสำคัญกับแฟรงก์ก็มีเสียงดังขึ้นข้างๆ ยัยผู้หญิงผมยาวสีดำสลวยคนหนึ่งลื่นตกลู่วิ่ง
“นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” แฟรงก์รีบปิดเครื่องแล้วลงไปดูอาการของยัยนั่นทันทีท่ามกลางสายตาของผู้คนที่ต่างหันมามองด้วยความสนอกสนใจและหัวเราะเยาะ ฉันซึ่งก็เป็นพลเมืองดีเหมือนกันจึงทนนิ่งดูดายไม่ได้ ต้องหยุดเครื่องแล้วเข้าไปดูดำดูแดงคนที่เพิ่งเซ่อซ่าตกเครื่องออกกำลังกาย
“โอ๊ย! ไม่... ไม่เป็นอะไรค่ะ”
“ข้อเท้าพลิกหรือเปล่าน่ะ” ฉันเหลือบมองข้อเท้าแดงๆ ของยัยนั่นอย่างเป็นห่วง
“โห แดงเถือกเลยลุกไหวไหม”
“โอ๊ย!!” ยัยนั่นพยายามลุกแต่ก็ล้มพับอย่างไม่เป็นท่า “ขอโทษนะคะ ช่วยพาฉันไปที่ห้องพยาบาลที” เธอก้มหน้าก้มตาพูดอย่างอายๆ ฉันว่าฉันเข้าใจความรู้สึกเธอนะ ก็เลยหันไปพูดกับแฟรงก์
“นี่นายช่วยเค้าหน่อยสิ”
“อืมๆ แล้วเธอมีของอะไรหรือเปล่า” แฟรงก์หันไปพูดกับยัยนั่น
“ค่ะ อยู่ในล็อกเกอร์” แล้วยัยเซ่อซ่าก็ยื่นกุญแจมาให้ฉัน เอ้า! สรุปฉันต้องเป็นคนไปเอาของให้เธอใช่ไหม?
“ฝากด้วยนะหวาย” แฟรงก์หันมามองฉันก่อนจะช้อนร่างยัยนั่นขึ้นอุ้มออกไป
“...”
อาทิตย์ต่อมา...
ในที่สุดฉันก็เกลี้ยกล่อมแฟรงก์สำเร็จ ตอนนี้เราสองคนกำลังรอยัยกระปุกที่หน้าหอพัก ที่จริงแล้ววันนี้ฉันเองก็มีถ่าย MV แต่เผอิญว่าสตูดิโอที่ฉันจะไปเป็นที่เดียวกับของยัยกระปุก
“หวาย แฟรงก์ รอนานไหม” กระปุกโบกไม้โบกมือมาแต่ไกล พร้อมกับเดินกึ่งวิ่งด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างรีบร้อน ในมือถือหนังสือเล่มสีฟ้าๆ คล้ายวารสารของมหาวิทยาลัย ยัยนั่นยกมันขึ้นโบกไปมาเหมือนมีเรื่องจะพูด
“ไหนบอกว่าห้ามสายไง” แฟรงก์แขวะยัยกระปุกที่โอ้เอ้ที่สุด
“ฉันรีบสุดๆ แล้วนะ”
“เออๆ แฟรงก์นายไปเอารถมาได้แล้ว” ฉันหันไปบอกแฟรงก์ หมอนั่นจึงตัดใจจากการต่อว่ายัยกระปุกแล้วเดินไปเอารถที่ลานจอด
“นี่หวาย ดูนี่สิ” ยัยกระปุกชี้ให้ฉันดูพาดหัวข่าวบนวารสารของมหาวิทยาลัย วารสารของมหาวิทยาลัยจริงๆ ด้วย นั่นมันอะไรน่ะ...
‘มือที่สามระหว่างแฟรงก์กับหวาย เธอเป็นใครกัน?’
แล้วก็มีรูปถ่ายตอนที่แฟรงก์กำลังอุ้มผู้หญิงคนหนึ่งโดยมีฉันหอบกระเป๋าวิ่งไล่ตาม เอ่อ... ฉันหน้าชาเหมือนโดนน้ำเย็นสาด
“ยัยนี่เป็นใครเหรอ ตั้งแต่เธอเลิกกับไมค์เสียงซุบซิบเรื่องเธอกับแฟรงก์ก็หนาหูขึ้นเรื่อยๆ รู้หรือเปล่า”
“...อืมแค่ข่าวลืออย่าไปสนใจเลย ผู้หญิงนั่นก็คนที่ตกลู่วิ่งแล้วแฟรงก์ก็ช่วยพาไปห้องพยาบาลที่ฉันเล่าให้เธอฟังไง”
“อุ้มกันแบบนี้เลยเหรอ เธอไม่เห็นบอกฉันเรื่องนี้เลย” ยัยกระปุกทำหน้าเหมือนพลาดเรื่องสำคัญไป “นี่ๆ แล้วได้ข่าวไมค์บ้างไหม เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงก็เลิกกันแล้ว” ฉันมองหน้ายัยกระปุกอย่างแปลกๆ บ้าหรือเปล่า ทำไมฉันจะต้องคอยติดตามสถานะของแฟนเก่าด้วย ไม่ใส่สโตรกเกอร์สักหน่อย
ปี๊บๆ
แฟรงก์เอารถออกมาพอดี ฉันจึงรีบก้าวขึ้นรถเพื่อตัดบทสนทนาที่กวนใจนั่น
ตั้งแต่วันที่ฉันบอกเลิกไมค์ หลังจากที่เขากระหน่ำโทรเข้าโทรศัพท์มือถือเพื่อขอคุยกับฉัน จนฉันเปลี่ยนเบอร์ ก็ไม่ได้ยินข่าวของเขาอีกเลย เหมือนไมค์หายเข้ากลีบเมฆอย่างไรอย่างนั้น หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันนะ ไม่สิ! จะมีอะไรเกิดขึ้นได้ไง อกหักไม่ทำให้ใครตายได้หรอกน่า หมอนั่นคงต้องกำลังทำใจอยู่แน่ๆ ...ฉันย้ำบอกตัวเองแบบนั้น