EP 4 คนที่ไม่อยากเจอ 1 (1)
อลิซ
“ลันไม่เปลี่ยนใจไปกับลิซจริงๆ เหรอ” ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่สนามบินโดยมี อลัน แด๊ดและก็มัมมาส่ง ฉันกำลังส่งสายตาอ้อนๆ ให้กับอลันเพื่อขอให้มันเปลี่ยนใจไปเมืองไทยกับฉันด้วย
“ไม่อ่ะ ดูแลตัวเองด้วย ลันเสร็จงานเมื่อไหร่จะรีบตามไป” เห็นไหม ถึงฉันจะอ้อนมันแค่ไหนมันก็ไม่ใจอ่อนมันเห็นงานสำคัญกว่าฉัน มันเดินเข้ามากอดฉันตบหัวฉันเบาๆ ฉันก็อ้าแขนกอดเอวมัน
“สัญญานะว่าจะรีบตามไป”
“ครับ” มันหลอกล้อฉันด้วยคำพูดที่ทำให้ฉันตายใจ
“หยุดอ้อนเพื่อนได้แล้ว มาให้มัมกอดหน่อย ให้อลันห่างตัวบ้างเหอะ” มัมดุฉันนิดหน่อยที่ฉันเอาแต่อ้อนอลันให้มันตามไปด้วย ฉันเดินเข้าไปหามัมแล้วกอดพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวา มันกับแด๊ดของฉันไว้ใจอลันมาก เพราะครอบครัวของเราเองก็รู้จักกัน ท่านถึงไว้ใจให้อลันดูแลฉัน
“มัมก็ กอดแด๊ดบ้างดีกว่า” ฉันทำปากยู่แล้วก็เดินไปกอดแด๊ดบ้าง ก็ได้รับอ้อมกอดอบอุ่นกลับมาท่านลูบหัวฉันเบาๆ
“ไปถึงโน่นก็ไปหาพี่เขาก็ได้นะลูก แด๊ดติดต่อไว้ให้แล้ว” แด๊ดฉันพูดฉันก็พยักหน้าเข้าใจ ที่ติดต่อที่ว่านี่ก็คือพี่เจสันลูกชายเพื่อนแด๊ดกับมัมฉัน
“ค่ะแด๊ด แต่ลิซคิดว่าจะไม่ไปรบกวนพี่เขาดีกว่าค่ะ ลิซอยากออกมาอยู่เองลันเขาหาโรงแรมไว้ให้แล้วค่ะ อีกอย่างก็ไปไม่นานก็กลับมาแล้ว”
“แล้วแต่ลูกเลย แต่แวะเข้าไปหาพี่เขาหน่อย” เมื่อท่านเห็นฉันพูดแบบนั้นเลยไม่ได้ว่าอะไรอีก
“ค่ะ ลิซจะแวะเข้าไปถ้าว่างนะ” ฉันรับปาก
“งั้นลิซไปนะคะ” ฉันโบกมือลาทั้งสามคน ฉันรู้สึกว่าการไปเมืองไทยครั้งนี้ของฉันมันรู้สึกแปลกๆ เหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้นที่นั่น
ประเทศไทย
ตอนนี้ฉันอยู่ในสนามบินมองหาคนที่จะมารับ อลันบอกว่าพอถึงสนามบินแล้วจะมีคนมารับเป็นคนของบริษัทที่เขาจ้างฉันเป็นพีเซนเตอร์ แต่ตอนนี้ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงา ฉันยืนทำหน้าเซ็งมองซ้ายมองขวา
“ใช่คุณอลิซรึเปล่าครับ” แต่ก็ไม่นานก็มีคนมาเรียกจากด้านข้าง ฉันหันไปมองก็เจอเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่เหมือนมีรูปถ่ายอยู่ในมือกำลังมองหน้าฉัน ไม่ต้องสงสัยนั่นคงเป็นรูปฉัน ผู้ชายคนนี้ดูดีมาก เขาอยู่ในชุดสูทที่เรียบกริบทุกระเบียบนิ้ว จะเนียบไปไหน
“อ่อ ใช่ค่ะ” ฉันเผลอสำรวจเขานานไปหน่อยพอได้สติก็ตอบรับออกไป
“งั้นเชิญเลยครับ ผมจะพาไปส่งที่โรงแรม” เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือเชิญ เดินมาลากกระเป๋าให้ฉัน
“เอ่อ คุณ” ฉันก็อยากจะรู้บ้างว่าใครเป็นคนมารับ ถ้าไปกับคนแปลกหน้าสุ่มสี่สุ่มห้ามันก็ไม่ใช่
“ผมเป็นคนของบริษัทที่จ้างคุณมาเป็นพีเซนเตอร์ครับ” เมื่อเขาบอกแบบนั้นฉันก็พยักหน้าเข้าใจ
“อ่อ เชิญนำไปก่อนเลยค่ะ” ฉันบอกเขาและให้เขานำไป ฉันจะไปรู้ได้ไงว่ารถเขาจอดอยู่ตรงไหน พอเขาเห็นฉันพูดแบบนั้นก็เดินนำออกไปโดยไม่พูดไม่จา จะขรึมไปไหนพ่อคุณ พอเดินมาถึงรถเขาก็เปิดประตูให้ฉันเข้าไปนั่งแล้วตัวเขาก็เอากระเป๋าฉันไปเก็บ ฉันก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนคนหน้าขรึมก็เดินไปทำหน้าที่คนขับแล้วก็ขับรถออกไปเงียบๆ ฉันเองก็เงียบมองดูทิวทัศน์ข้างทาง หลายปีมาแล้วที่ฉันไม่ได้มาประเทศไทย ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก คนไทยเป็นคนที่ยิ้มแย้มเก่งและมีวัฒนธรรมที่สวยงามอย่างเช่นการไหว้และคงยังมีอีกหลายอย่างที่ฉันยังไม่ได้เรียนรู้
แต่ฉันก็ได้เรียนรู้มาบ้างเพราะมัมของฉันคอยสอนอยู่ตลอดเรื่องวัฒนธรรมของคนไทย ทั้งรอยยิ้มที่สวยงามและก็การไหว้ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอาหารไทยที่ฉันได้กินอยู่บ่อยครั้งเมื่อกลับบ้าน มัมจะเป็นคนทำให้กิน ซึ่งมันอร่อยมาก
“ถึงแล้วครับ” ฉันที่มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ คนขับรถหน้าขรึมก็เอ่ยขึ้นว่าถึงที่หมายแล้ว ฉันจึงหันหน้าไปมองก็เห็นโรงแรมสุดหรูอยู่ตรงหน้า ฉันเดินลงจากรถแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองความสูงของมัน
“เชิญตามมาเลยครับผมจะเรียกเด็กมายกกระเป๋าให้” เขาพูดก่อนจะเดินนำหน้าฉันเข้าไป ส่วนฉันก็เดินตาม พอก้าวเข้ามาข้างในก็เห็นความหรูหราของมัน มีบ้างบางคนที่หันมามองทางฉันแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ อาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่มีคนจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงไม่ค่อยมีความกระดากอายสักเท่าไหร่เดินไปอย่างมั่นใจเหมือนเดินอยู่บนรันเวย์เลยก็ว่าได้ เพราะอาชีพนางแบบเราต้องมีความมั่นใจไม่งั้นจะไม่มีวันเฉิดฉายอยู่บนเวทีได้
เขาพาฉันเดินเข้ามาในลิฟต์แล้วก็กดชั้นที่เราจะไป เป็นชั้น 40 ฉันขมวดคิ้วนิดหน่อย เพราะมันเป็นชั้นบนสุด ทำไมถึงรู้เพราะหมายเลขที่อยู่ในลิฟต์มันมีให้กดแค่นั้นหน่ะสิ แต่ฉันก็ไม่ถามมาก เมื่อถึงที่หมายฉันก็เดินตามเขาออกมาเงียบๆ เขาก็พามาหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่งฉันเห็นว่าชั้นนี้มันมีแค่สามห้อง และห้องที่เขาพาฉันมาก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เชิญด้านในครับ” ฉันยังไม่ทันได้สำรวจอะไรมาก เขาก็เชิญฉันเข้าไปในห้องโดยเขาเดินนำเข้าไปก่อน ฉันไม่ชินที่จะอยู่กับคนแปลกหน้าในที่ส่วนตัวแบบนี้เลยเดินห่างจากเขามากพอสมควรและยังไม่ปิดประตูห้องด้วย
“ห้องนั้นจะเป็นห้องของคุณ ส่วนอีกห้องไม่ต้องไปยุ่งนะครับ” ฉันสำรวจห้องที่อยู่ในโทนขาวดำซะส่วนใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ก็หรูหราในห้องนี่มีห้องนอนสองห้อง และเขาก็บอกแล้วว่าหนึ่งในนี้เป็นห้องของฉัน แต่ฉันกำลังทำหน้างงกับคำว่าไม่ต้องไปยุ่งของคนตรงหน้า มีใครอยู่ที่นี่นอกจากฉันงั้นเหรอ ฉันไม่ถามอะไรเขาอีก เพราะเด็กยกกระเป๋าเข้ามาซะก่อนเขายื่นทริปให้กับพนักงานแล้วก็เดินตามหลังพนักงานไปหน้าห้อง
“ผมไปก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะมารับแต่เช้า” แล้วเขาหันมาพูดกับฉันแล้วก็เดินออกไปเลย ฉันยืนงงอยู่พักหนึ่งก็ได้สติยกกระเป๋าของตัวเองเดินเข้าห้องที่ผู้ชายคนเมื่อกี้บอกว่าเป็นห้องของฉัน
พูดถึงอลันส่งข้อความบอกมันหน่อยดีกว่า แด๊ดกับมัมด้วย ว่าแล้วฉันก็จัดการส่งข้อความไปหาทั้งสองคน แล้วก็ถือผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ออกมาก็เห็นว่าเป็นอลันที่โทรมา
“ลัน คิดถึงจังเลย” ฉันเอ่ยขึ้นเสียงหวานออดอ้อนคนที่อยู่ปลายสาย
“ไม่ต้องมาอ้อน เป็นไงที่อยู่พออยู่ได้ไหม”
“ได้ สบายมาก เมื่อไหร่ลันจะมาหาลิซอ่ะ” ฉันบอกมันแล้วก็งอแงใส่มันนิดหน่อย
“นี่ยัยคุณหนู พูดไม่รู้เรื่อง พักผ่อนนะ ลันทำงานก่อน ว่างจะโทรหา”
“ลันอ่ะ ก็คนมันคิดถึงนี่นา” ฉันงอแงนิดหน่อยก็ฉันคิดถึงมันจริงๆ นั่นแหละ หลายปีมานี่ไม่เคยห่างจากมันเลย จะว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ได้เพราะเหตุผลหนึ่งที่มันไม่มีแฟนคงเป็นเพราะฉัน
“อืม คิดถึงเหมือนกันดูแลตัวเองดีๆ ละ พรุ่งนี้ต้องเข้าไปคุยงานนะอย่าตื่นสาย” เห็นไหมมันหน่ะรู้รายละเอียดทุกอย่างแต่ไม่ยอมมาด้วยให้ฉันมาคนเดียว
“รู้แล้ว แต่ลันเหมือนมีอะไรปิดบังลิซเลยนะ” ฉันถามด้วยความสงสัยเพราะมันมีพิรุธให้ฉันเห็นหลายอย่างตั้งแต่เรื่องที่รับงานนี่แล้ว
“ไม่มีหรอกน่า คิดมาก ตั้งใจทำงาน ลันเสร็จงานแล้วจะรีบไปหา แค่นี้นะ”
“ก็ได้ แค่นี้แหละ คริสนะ” มันบอกว่าไม่มีฉันก็จะเชื่อ ฉันส่งจูบผ่านโทรศัพท์แล้วก็ว่างสายไป เดินไปใส่เสื้อผ้า แล้วก็กลับมาล้มตัวลงนอน พรุ่งนี้ต้องเจออะไรบ้างเนี้ย