บทที่ 1 เด็กสาวกำพร้า
โครม ! เพล้ง !
จานกระเบื้องปลิวหวือจากมือสาวใหญ่ไปโดนต้นแขนเรียวของเด็กสาววัยสิบหกปีแล้วตกกระทบพื้นแตกออกเป็นเสี่ยงด้วยแรงโทสะของอารีผู้เป็นแม่เลี้ยง
“ นังเรน อีเด็กโง่ แกนี่มันโง่ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ตั้งเวลาแค่สามสิบนาทีทำไมไม่จำใส่กะโหลกกลวง ๆ ของแกไว้บ้าง งั้นวันนี้แกก็กินขนมปังไหม้นี่แทนข้าวก็แล้วกัน ”
“ หนูขอโทษค่ะน้าแต่หนูได้ยินว่าน้าบอกให้อบสี่สิบนาทีนี่คะ ” เธอพยายามอธิบายตามที่ได้ยินคำสั่ง มือเรียวบางลูบต้นแขนที่โดนจานกระเบื้องปาใส่ รู้สึกเจ็บเหมือนกันแต่ก็ชินชาเสียแล้วกับความเจ็บปวดที่โดนอยู่แทบทุกวัน นี่ถ้าน้าอารีกับพ่อมีลูกด้วยกันเธอป่านนี้เธอคงถูกไล่ออกจากบ้านไปแล้ว แต่ถึงจะได้อยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้ที่ได้เพียงแค่อาหารประทังชีวิต
“ นี่แกเถียงฉันอย่างงั้นรึนังเรน ” ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มจนหนาเตอะหันขวับมาจ้องตาเขม็งใส่ลูกเลี้ยงอย่างเอาเรื่องพลางเดินมาจิ้มนิ้วชี้ที่ทาเล็บสีแดงแป๊ดเข้าตรงหน้าผากเธอแล้วดันจนใบหน้ารูปไข่ผงะหงายไปด้านหลัง
“ เปล่าค่ะหนูแค่จะอธิบาย ” เรนก้มหน้างุดมือกำแน่นด้วยความอัดอั้นตันใจ จำต้องหุบปากเงียบเอาไว้ขืนพูดอะไรออกไปคงได้โดนตีอีกแน่นอน
“ ไม่ต้องมาแก้ตัว อบเค้กนี่ใหม่แล้วเก็บล้างข้าวของให้เรียบร้อย คืนนี้ก็แต่งหน้าเค้กที่ลูกค้าเขาสั่งไว้ให้เสร็จด้วย ฉันมีนัดไปกินข้าวนอกบ้าน ส่วนแกก็กินขนมปังไหม้นี่ไปก็แล้วกันโทษฐานที่แกทำมันไหม้ทำฉันขาดทุน ไม่โดนตีจนขาแตกก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไปล่ะ ถ้าฉันกลับมาแล้วงานยังไม่เสร็จแกโดนแน่ ” สั่งเสร็จแม่เลี้ยงยังสาวก็เดินสะบัดก้นงอนออกจากร้านไปขึ้นรถเก๋งคันหรูที่จอดรออยู่ด้านหน้าแล้วคนขับก็เคลื่อนรถออกไปทันที
“ เฮ้อ ที่ไม่โดนตีมากกว่านี้คงเพราะรีบไปดินเนอร์กับผู้ชายสินะ ” เรน หรือ น้ำฝน ตั้งตระการ บ่นพึมพำพลางเดินผละออกจากริมหน้าต่างที่ส่องมองแม่เลี้ยงเมื่อครู่ ก้มลงไปเก็บเศษจานกระเบื้องที่แตกใส่ถุงพลาสติกแล้วเอาไม้กวาดมากวาดเศษเล็กเศษน้อยใส่ที่ตักขยะ เก็บกวาดจนเรียบร้อยแล้วมายืนถอนลมหายใจอยู่ตรงหน้าขนมปังไหม้ก้อนกลมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรกินวะ ” เรนเอามีดปลายแหลมที่ใช้ตัดแต่งเค้กมาตัดส่วนที่ไหม้ด้านนอกออกแล้วตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ ขนมเค้กสองปอนที่ลูกค้าสั่งไว้ว่าจะมาเอาพรุ่งนี้ตอนเย็น เธอต้องอบใหม่และแต่งหน้าเค้กให้เสร็จในคืนนี้
นี่ถ้าพ่อยังอยู่เธอคงจะไม่โดนกดขี่แบบนี้ พ่อรถคว่ำตายตอนเธออายุได้สิบสี่ปี ส่วนแม่แท้ ๆ ก็แยกทางกับพ่อตั้งแต่เธอยังจำหน้าแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ พ่อแต่งงานใหม่กับน้าอารีตอนเธอหกขวบเท่านั้น ตอนพ่อยังอยู่แม่เลี้ยงก็ไม่กล้าร้ายกับเธอมากนักแต่พอสิ้นพ่อทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด
น้าอารีให้เธอหยุดเรียนตั้งแต่จบมัธยมต้นแล้วมาช่วยงานที่ร้านเบเกอรี่ของนาง บอกว่าถ้าอยากเรียนก็เก็บเงินไปเรียนเอง
“ ฉันไม่มีปัญญาส่งควายอย่างแกเรียนหรอกนะ เรียนแค่มอสามก็พอแล้ว หน้าตาสวย ๆ หาผัวรวย ๆ สบายกว่า เรียนไปก็เสียเงินเปล่า ๆ แกต้องมาช่วยงานฉันที่ร้านไม่งั้นก็ออกจากบ้านฉันไปเลย พ่อแกโอนทุกอย่างเป็นชื่อฉันหมดถือว่าทำงานแลกข้าวแลกที่ซุกหัวนอนก็แล้วกัน หึหึ ”
แล้วเด็กอายุสิบสี่ไม่มีญาติพี่น้องอย่างเธอจะไปไหนได้ล่ะ ก็ต้องอดทนอยู่ให้แม่เลี้ยงสับโขกใช้งานในร้านมาจนกระทั่งปัจจุบัน
ร้านเค้กอารี เป็นร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ทำขนมปังส่งขายตามร้านต่าง ๆ ในตัวเมือง พวกขนมปังปอนด์ และรับทำเค้กในโอกาศต่าง ๆ ตามที่ลูกค้ามาสั่ง แต่ก่อนมีลูกน้องมาช่วยงานอีกสองคน แต่พอเธอมาช่วยงานน้าอารีก็ไล่ลูกน้องออกเหลือเพียงเธอกับชมพู่เด็กสาววัยไล่เลี่ยกับเธออีกคนเท่านั้น ชมพู่เลิกงานห้าโมงเย็น หลังจากนั้นเรนต้องทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จเพียงลำพัง
“ เอ้า ฝนตกอีกแล้ว ” ร่างบางชะเง้อมองไปนอกหน้าต่างขณะเอาแป้งขนมปังใส่พิมแล้วเอาเข้าเตาอบตั้งเวลาครึ่งชั่วโมง
เรนเปิดประตูวิ่งออกไปเก็บผ้าที่ราวตากผ้าด้านหลังร้าน มือเรียวคว้าผ้ารวบไว้ในอ้อมแขน และเมื่อเธอเก็บผ้าเช็ดตัวผืนสุดท้ายออกจากราวผ้าก็ต้องตกใจ เผลอร้องอุทานสุดเสียง เมื่อเห็นผู้ชายผอมโซดูสกปรกคนหนึ่งนั่งคุดคู้หลับอยู่ข้างแท็งก์น้ำ
