

2 ทายาท เลโอนาร์ด
วันต่อมา
แสงไฟภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตกแต่งด้วยศิลปะโบราณสไตล์ฮ่องกงดั้งเดิม สะท้อนความเคร่งขรึมและทรงอำนาจ
คฤหาสน์เลโอนาร์ดตั้งตระหง่านอยู่ในเขตหรูของเกาะฮ่องกง มูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองที่พอนับได้ราวหมื่นล้าน ถือเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของเอเชีย
ทุกสารทิศรอบตัวเต็มไปด้วยเหล่าลูกน้องในชุดสูทดำเรียงรายรอคอยการมาของชายผู้ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งแทนบิดา
การแต่งตั้งครั้งนี้เป็นพิธีที่จัดขึ้นอย่างเงียบขรึม แต่เต็มไปด้วยความกดดันและการจับตามองจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายพันธมิตรและศัตรู
รามสูร หัวหน้าแก๊งเลโอนาร์ด ผู้ที่เป็นตำนานในวงการมาเฟียยังคงนั่งสงบนิ่งที่หัวโต๊ะด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
ถึงแม้ว่าจะถอนตัวออกจากการบริหารงานไปครบหนึ่งปีเต็มแล้ว แต่ลูกน้องทุกคนยังคงเคารพและยำเกรงเขามาก ๆ
“พิธีจะเริ่มตอนเก้าโมงตรง แต่นี่จะแปดโมงครึ่งแล้วนะ...ลูกยังไม่มาเลยนะคะ” พิมพ์มาดาเดินตรงมาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้าง ๆ สามีของเธอและถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวลูกก็มานะคุณ ไม่เห็นต้องกังวลเลย” รามสูรหันมามองภรรยาของเขา จากสายตาที่เคร่งขรึมค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในทันที มีเพียงแค่ภรรยากับลูกสาวของเขาเพียงเท่านั้น ที่จะได้รับสายตาที่แสนอบอุ่นนี้
“แต่ว่า...” คนเป็นแม่ยังคงกังวลใจเพราะกลัวว่าลูกชายจะมาไม่ทันฤกษ์ยามที่ซินแสของตระกูลเก่า ที่ท่านเป็นคนกำหนดเอาไว้ให้
รามสูรยกมุมปากเล็กน้อย “ไลออนจะมาทันเวลาแน่นอน...เชื่อเถอะ” คนเป็นพ่อก็เชื่อมั่นในตัวลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเสมอ
ในช่วงเวลาเกือบ ๆ สิบนาทีสุดท้าย บรรดาลูกน้องในงานก็เริ่มกระซิบกันเบา ๆ
เมื่อหัวหน้าแก๊งคนใหม่ยังไม่ปรากฏตัวทั้งที่ในอีกไม่กี่นาทีพิธีก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว และยังมีอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งไลออนขึ้นเป็นหัวหน้า
โดยเฉพาะบางกลุ่มที่มองว่าเขายังเด็กเกินไป แม้ว่าผลงานการบริหารงานต่าง ๆ ในฮ่องกงจะออกมาดีมากกว่าที่รามสูรเคยทำเอาไว้
บางคนยังคงมองว่า ไลออน คือมาเฟียหนุ่มที่นับว่าอ่อนประสบการณ์มาก ๆ สำหรับการที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าที่ควบคุมทุกอย่าง แต่สำหรับรามสูร ลูกชายของเขาโตมากพอที่จะรับผิดชอบทุกอย่างแล้ว... ในวัยสามสิบปีบริบูรณ์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแก๊งเลโอนาร์ดเองก็มีธุรกิจมืดอีกหลายอย่างที่ไม่ได้มีแค่ในฮ่องกง แต่ยังคงมีธุรกิจที่ต้องเกี่ยวข้องกับประเทศไทยอีก
ซึ่งมันจึงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากหากไลออนยังไม่สามารถจะเข้าไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เพราะตัวของเขายังคงมีคดีติดตัวอยู่ ทั้งเรื่องฆ่าคนตายโดยเจตนา ทั้งเรื่องเปิดผับเถื่อน และธุรกิจมืดในไทยถูกศัตรูและอดีตเพื่อนสนิทหักหลัง
แม้ว่าจะยัดเงินช่วยให้หลุดคดี และเดินทางกลับมาฮ่องกงได้ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเดินทางกลับเข้าไปในประเทศไทยได้แม้จะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม
บรื้น บรื้น บรื้นนน ~ ~
เสียงเครื่องยนต์ซูเปอร์คาร์คันหรูค่อย ๆ หยุดลงที่หน้าคฤหาสน์
ชายหนุ่มร่างกำยำ ในชุดสูทสีดำสนิทก้าวลงมาจากรถด้วยท่วงท่าสง่างาม
สายตาคมกริบถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดแต่มันกลับไม่สามารถบดบังรังสีความอำมหิต ดุดัน ที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเขาได้เลย
ทันทีที่ไลออนเขาเดินเข้ามาภายในห้องโถงกว้าง เขายกมือไหว้พ่อกับแม่ทันทีที่เจอหน้า
แม้จะมีนิสัยดิบ ห่ามแค่ไหน แต่กับพ่อแม่ไลออนก็ยังคงให้ความเคารพพวกท่านอยู่เสมอ
“ดูที่คอลูกชายคุณสิ มีรอยลิปสติก รอยดูดติดมาไม่ซ้ำที่เลย” พิมพ์มาดามองลูกชายด้วยความหนักใจ เธอส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
ไลออนเดินไปทักทายแขกคนสำคัญในงาน ที่มีทั้งหัวหน้าแก๊งและตัวแทนจากแก๊งอื่น ๆ รวมไปถึงนักธุรกิจในวงการสีเทาต่าง ๆ ของทั้งในฮ่องกงและประเทศอื่น ๆ ที่คบค้าสมาคมด้วยกันมา
“คุณคะ...นี่ฉันชักจะทนให้ลูกใช้ชีวิตเสเพลแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ”
“คุณช่วยพูดอะไรกับลูกบ้างสิ” พิมพ์มาดาหันไปปรึกษากับทางรามสูรด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจ
รามสูรยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “ไม่เอาน่าคุณ ชีวิตลูกก็ให้ลูกได้คิดและตัดสินใจเองเถอะ”
“อีกอย่างในเรื่องงานไอ้ไลออนมันก็ไม่เคยบกพร่องเลย”
“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปซะทุกเรื่องหรอกนะ”
“คิดถึงใจคนเป็นแม่บ้างสิ ฉันรับไม่ได้หรอกนะที่ลูกชายคนเดียวของฉันจะรักสนุก เสเพล ติดเหล้า ติดสาวมั่วไปวัน ๆ แบบนี้!”
“มันก็...คือชีวิตแบบลูกผู้ชายน่ะคุณ!” รามสูรพยายามหาทางแก้ตัวช่วยลูกชายคนโปรด เพราะตัวของเขาเองก่อนจะหยุดที่ภรรยาได้ ก็ผ่านอะไรมามากมายไม่แพ้กัน
“ชีวิตลูกผู้ชาย!” พิมพ์มาดาเม้มปากและเอ่ยทวนคำพูดของสามีเบา ๆ
“ใช่สิ!...ลูกคุณก็เหมือนคุณหมดทุกอย่างจริง ๆ นะ” พิมพ์มาดาถอนหายใจอย่างท้อแท้ และมองลูกชายด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น
“ไม่เอาน่า งานมงคลนะ อย่ามาทะเลาะกันเลยที่รัก” รามสูรโอบไหล่ของภรรยาและกระซิบข้างหูให้เธอผ่อนคลายมากขึ้น
เวลา 09:00 นาฬิกา
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา บรรยากาศเงียบขรึมและเต็มไปด้วยความเคารพ แม้ว่าจะมีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นตำแหน่งของเขา แต่ไม่มีใครกล้าท้าทายหรือปริปากพูดอะไร
“เริ่มกันเลยไหมครับพ่อ?” ไลออนเดินกลับมาหาพ่อกับแม่ของเขาและเอ่ยถามผู้เป็นพ่อด้วยความยำเกรง
“อืม...ได้เวลาพอดี” รามสูรพูดก่อนจะพยักหน้าให้ลูกชายทำพิธีไหว้บรรพบุรุษ
สองร่างสูงเดินตรงไปยังโต๊ะบูชา เคารพบรรพบุรุษตามธรรมเนียม ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาเต็มไปด้วยความสง่างามและการสืบทอดอำนาจที่ส่งผ่านกันแบบรุ่นสู่รุ่น
พิธีดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด ทุกสายตาจับจ้องไลออนขณะทำพิธี
ในวินาทีที่รามสูรถอดแหวนเงินตราสัญญาลักษณ์แก๊งเลโอนาร์ดและมอบให้กับทายาท ผู้สืบสกุลของเขา
“พ่อเชื่อ...ว่าลูกพ่อจะสามารถดูแล … เลโอนาร์ดของเรา ให้ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร และมีอำนาจ ได้มากกว่าที่พ่อเคยทำเอาไว้” รามสูรจ้องมองลูกชายของเขาอย่างเชื่อใจ
“ครับ! ผมจะไม่ทำให้พ่อต้องผิดหวัง” ไลออนสบสายตาของพ่อด้วยความมุ่งมั่น ก่อนจะรับแหวนเงินรูปสิงโตคำราม และมีดพกตราสัญญาลักษณ์ของตระกูลมาถือทาบที่กลางอก
ไลออนหันหน้ากลับไปโค้งให้กับแขกคนสำคัญทุกคนที่มารวมเป็นสักขีพยาน การรับตำแหน่งหัวหน้าของเขา
เมื่อพิธีเสร็จสิ้น เสียงปรบมือดังก้องในห้องโถงใหญ่ ไลออนได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าแก๊งเลโอนาร์ดอย่างเป็นทางการ
“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้” ไลออนกล่าวขอบคุณทุกคนเสียงเข้มกังวาน ฟังชัดทุกถ้อยคำ สายตาคมคายกวาดสายตามองไปยังแขกทุกคนตรงหน้านิ่ง ๆ
“ดื่ม!” ไลออนยกแก้วเหล้าขึ้นมาชวนให้ทุกคนได้ร่วมดื่มฉลองไปกับตำแหน่งใหม่ของเขา
ก่อนที่งานเฉลิมฉลองสุดอลังการจะเริ่มต้นขึ้น ภายในห้องโถงกว้างมีทั้งอาหารเครื่องดื่มไม่มีอั้น
บนโต๊ะอาหารของคนในครอบครัว เลโอนาร์ด
“ไลลาไม่มาเหรอพ่อ?” ไลออนเอ่ยถามถึงพี่สาวของเขา ในตอนที่เดินมานั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกันภายในครอบครัว
“พี่เราเขาตั้งท้องอ่อน ๆ น่ะ แม่เลยยังไม่อยากให้เขาเดินทางไป ๆ มา ๆ”
“ตั้งท้อง? ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย” ไลออนเบิกตาอย่างตกใจแต่ก็นับเป็นข่าวดีมาก ๆ เช่นกัน
“พ่อกับแม่ก็เพิ่งรู้ไม่กี่วันนี่เองแหละ เดี๋ยวไว้รับตำแหน่งเสร็จว่างเมื่อไหร่ ค่อยบินไปหาเขาที่อิตาลีแทน” พ่อเอ่ยอธิบายพร้อมกับตบไหล่ลูกชายเบา ๆ ก่อนจะชนแก้วนั่งจิบเหล้ากันไปพลาง ๆ
“อ๋อ...แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน” ไลออนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ส่วนตัวแล้วเขากับพี่สาวแทบไม่ค่อยได้เจอหน้ากันสักเท่าไร ด้วยอายุที่ห่างกันพอสมควร
แต่ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไลออนเองก็ยังรักและเคารพเธอเหมือนเดิม
“ทางนี้เลยค่ะ ๆ” เสียงของคนเป็นแม่ที่เดินนำทางชายสูงวัยคนหนึ่งมาทางโต๊ะของทั้งสองพ่อลูก
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ นายท่าน” สายตาของซินแสมองตรงไปยังรามสูรก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ซินแสจิว สบายดีนะ” รามสูรเอ่ยทักทายกลับไปด้วยท่าทีเรียบเฉย ซึ่งไลออนเองก็มองชายแปลกหน้าคนนั้นนิ่ง ๆ อย่างไม่ได้พูดคุยอะไร
“ก่อนอื่นผม ต้องขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าแก๊งคนใหม่ด้วยนะครับ” ซินแสหันมายิ้ม ๆ ให้กับไลออนแต่สายตาของเขามันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่
“ครับ” ไลออนพยักหน้ารับไปตามมารยาท
“ก็คนนี้แหละค่ะ ที่ซินแสจิว คนที่เคยทำนายเรื่องลูกเอาไว้ ตั้งแต่ตอนที่พ่อกับแม่ยังไม่มีลูกคนที่สองเลยน่ะ” แม่ของไลออนรีบพูดไปก็ลูบไหล่ของลูกชายไปด้วย
“…” ไลออนพยักหน้ารับไปด้วยสายตาที่เรียบเฉย เพราะเขาไม่ได้เชื่อในเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่กล้าจะขัดใจแม่จึงนั่งฟังไปอย่างเงียบ ๆ
ซินแสก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความลึกลับ ดวงตาของเขาแวววับขณะที่จ้องมองไปยังร่างสูงของไลออนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ร่างที่สะท้อนถึงอำนาจและความน่าเกรงขาม รอยยิ้มนั้นหายไปในพริบตา ซินแสถอนหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มก้อง
“ใบหน้า รูปลักษณ์งดงามดุจดั่งราชสีห์จริง ๆ ตามที่เคยเห็นในนิมิต” ซินแสจ้องมองดวงตาที่ดุดันคู่นั้นและเอ่ยทักขึ้นในทันที
“ลูกชายของพิมพ์เกิดปีเสือ ตรงกับที่ซินแสเคยทำนายไว้ด้วยนะคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น เพราะคำทำนายของซินแสตรงแม่นแทบจะทุกเรื่องจริง ๆ
“หึ หึ ผู้ที่ถือกำเนิด เกิดในปีเสือ ตามนักษัตรจีนแล้ว” ซินแสจิวพยักหน้ารับพลางอมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเกริ่นถึงดวงชะตาของ มาเฟียหนุ่มรูปงามตรงหน้าด้วยสายตาที่แน่นิ่ง
“เสือและสิงห์ เป็นสัตว์ที่ไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น มันคือราชันแห่งป่า เป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจ มีความดุร้าย กล้าหาญ และเหี้ยมโหด แพ้ใครไม่เป็น”
สายตาของเขาจ้องไปยังไลออนที่นั่งจิบเหล้าไปฟังไป ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ราวกับจะประเมินทุกคำพูดที่เอ่ยออกมา
“อิทธิพลและอำนาจจะขยายออกไปไม่รู้จบตราบใดที่ท่านยังคงอยู่ในเส้นทางนี้”
“แต่...” ซินแสหยุดพูดและสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หากวันใดที่ควบคุมในอำนาจที่มีไม่ได้… ราชาแห่งป่าจะกลายเป็นสัตว์ที่ถูกล่าแทนก็ได้นะ” เสียงของซินแสเบาลงขณะที่เขามองตรงไปยังไลออน
“ที่พูดมาหมายความว่ายังไง?” รามสูรที่นั่งฟังอยู่ด้วย พอได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วโพล่งถามขึ้นกลางคัน
“อย่าบอกนะ...ว่าพ่อก็เชื่อที่ตาแก่เพ้อเจ้ออยู่นะ” ไลออนโน้มตัวไปกระซิบถามพ่อตัวเองเบา ๆ
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ได้ทั้งนั้นแหละ นายท่าน”
“ซินแสเองก็แค่คนทำนายทายทัก ที่อาจจะแม่นหรือไม่แม่นก็เป็นได้ทั้งนั้น” ซินแสหัวเราะตอบกลับไปเบา ๆ เหมือนเขารู้อยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่มีทางที่จะเชื่อในคำทำนายทายทักของเขาแน่
“หมายความว่า ถ้ารับตำแหน่งแล้ว...ไลออนจะเป็นอันตรายเหรอคะ ซินแสจิว?” คนเป็นแม่หน้าเสียไปทันทีกับคำทำนายนั้น
“มันก็ขึ้นอยู่กับตัวของเขาเองนั่นแหละ”
“แต่ในฐานะที่ตัวผมเป็นซินแสประจำตระกูลเลโอนาร์ดมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าของคุณ...ผมอยากจะเตือนด้วยความหวังดีว่า...เลโอนาร์ดที่ยิ่งใหญ่อาจจะถึงคราวสิ้นสุดลง ถ้าหากไม่มีผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลและต้องเป็นผู้ที่เกิดในปีที่แข็งเท่านั้น!”
“หมายถึงทายาทคนต่อไปใช่ไหม?” รามสูรถามสวนกลับไปแบบตรง ๆ
“ใช่” ซินแสพยักหน้ารับทันที
“ลูกชายของพวกท่านต้องมีทายาทให้ทันปีมังกร!”
“และต้องเกิดจากสาวบริสุทธิ์ และต้องประกอบไปด้วยความสวยจากรูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน”
“ถ้าหากไม่สามารถมีทายาทได้ภายในปีมังกรที่จะถึงนี้...เลโอนาร์ดก็คงจะสิ้นสุดลงที่ตัวของเขา” ซินแสถอนหายใจและเหลือบมองไปทางไลออนเล็กน้อย
“หุบปาก...แล้วไปให้พ้นซะ!” ไลออนทุบโต๊ะ พร้อมกับชี้นิ้วไล่ซินแสตรงหน้าอย่างสุดจะทน
“ถ้าเราไม่เชื่อก็นั่งเงียบ ๆ ไป ซะ...ขอโทษซินแสจิว พูดต่อได้เลยค่ะ” พิมพ์มาดาหันไปว่าให้ลูกชาย พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษซินแสแทนลูกชายของเธอไปทันที
“แม่!” ไลออนขมวดคิ้วมองทางแม่ ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อแทน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าพ่อจะไม่ได้เห็นด้วยกับเขาเลยสักนิด
“แล้วเราจะหาผู้หญิงคนนั้นได้ที่ไหนคะ?” พิมพ์มาดาถามเสียงเบา
“ไม่ต้องหาหรอก” ซินแสพูดเรียบ ๆ
“เพราะเมื่อถึงเวลา ผู้หญิงคนนั้นจะมาเอง”
