พื้นที่ระวังรัก ที่1 : การพักผ่อน
(เวย์)
ณ ห้องนอนส่วนตัว คฤหาสน์ตระกูลคาร์พาเธีย
(ยังมีเรื่องกับหนูซินเซียอยู่หรือเปล่าเวย์)
เสียงหวานใสของผู้เป็นแม่ดังจากปลายสาย คำถามแรกที่จะได้รับจะต้องมีชื่อของผู้หญิงคนนี้เข้ามาก่อนทุกครั้ง ซินเซียที่แม่ถามถึงคือลูกสาวคนเล็กบ้านมัสชิโม่ ลูกสาวของป้าเฮเลนเพื่อนสนิทของพ่อ
“ไม่มีครับ”
(แล้วตอนงานแต่งของลูก้าล่ะ) เรื่องนี้ถึงหูแม่จนได้สินะ
“....” ไม่มีคำแก้ตัว แต่นั่นมันก็แค่การถกเถียงเรื่องรถใครจะออกก่อนก็แค่นั้น
(เจอกันไม่ได้เลยจริง ๆ นะเวย์ ปกติเราไม่ใช่คนใจร้อนอะไรนี่ แล้วทำไมกับซินเซียไม่เอ็นดูน้องหน่อยล่ะ)
ใช่...เราสองคนเจอกันไม่ได้จริง ๆ ทั้งที่เขาไม่ได้ต้องการเจอเธอสักนิด
การกลับมาอยู่อิตาลีถาวรครั้งนี้ก็เพราะคำสั่งของพ่อ ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของตระกูล 'คาร์พาเธีย' ตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่เป็นรองเพียงราชวงศ์ ผู้มีอิทธิพลและอำนาจอยู่เบื้องหลังรัฐบาล
แล้วเมื่อพ่อได้แต่งงานกับแม่ ที่เป็นถึงเจ้าหญิงลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อิตาลี ก็ยิ่งทำให้อิทธิพลของตระกูลมันชัดเจนมากขึ้น ถึงแม่จะลาออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ แต่ก็ยังมีคนเกรงกลัวในอำนาจของฝ่ายแม่อยู่เช่นเดิม
และถึงแม้ว่าเขาจะยอมกลับมาตามคำสั่ง แต่ก็เป็นการทำตามที่ไม่เต็มใจนัก เพราะตั้งแต่กลับมาก็รู้สึกได้ว่าโดนติดตามอยู่ตลอด แล้วเมื่อมองกลับไปฝั่งตระกูลมัสชิโม่ที่ได้สิทธิ์อำนาจจากราชวงศ์ ก็ย่อมมีการไม่พอใจทางเขาอยู่บ้าง แล้วเมื่อเปลี่ยนรุ่นแล้วความสัมพันธ์ยิ่งแตกต่างจากพวกผู้ใหญ่อย่างชัดเจน
เพราะถือว่าเป็นตระกูลอำนาจที่เท่าเทียมกัน แต่ไม่สามารถแตะต้องหรือทำอะไรได้ อาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ด้วย ที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นวนเวียนอยู่ใกล้ตัว แอบติดตามและเมื่อจับได้ก็จะบอกว่า...ไม่ได้ตาม
“ก่อนจะให้เอ็นดู ไปบอกให้เธอเลิกตามผมก่อนสิครับ” เจอจนน่ารำคาญ
(เวย์ ใจดีกับน้องหน่อย)
“ทำไมแม่ดูพยายามให้ผมใจดีกับเธอ ทั้งที่อีกฝ่ายทำตัวน่ารำคาญ” พูดออกมาจากใจและไม่ใช่ครั้งแรกที่บอกแม่แบบนี้
(ก็อยากให้เวย์เอ็นดูน้องซินเซียเยอะ ๆ)
“มีอะไรอยากจะบอกหรือเปล่าครับ” ซึ่งลางสังหรณ์ของเขากำลังบอกว่ามีเรื่องบางอย่างที่แม่ไม่ยอมพูด
(ไม่มี) และคนในสายก็ยังตอบกลับคำเดิมอย่างเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
“แน่ใจนะครับ”
(วันนี้รู้มาว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนใช่มั้ย เที่ยวให้สนุกนะลูกชายสุดหล่อของแม่ ติ้ด!) แม่ชิงพูดตัดบททุกอย่าง แล้วกดวางสายไปทันที มือหนายกโทรศัพท์ห่างออกจากหู สายตาจ้องมองรายชื่อของผู้เป็นแม่ที่ปรากฏบนรายการผู้โทรเข้า
ที่บังคับให้เขากลับมาที่อิตาลี ไม่ได้มีแค่เรื่องการดูแลธุรกิจของตระกูลสินะ มีอย่างอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย แต่ช่างเถอะ คิดไปก็ปวดหัวแค่นี้เรื่องวุ่นวายก็มากพอแล้ว
ถนนเข้าสู่เมือง Italian Riviera
ประเทศอิตาลี เวลา 21.45 น.
(ไปปีนเขาคนเดียว?)
เสียงหวานเอ่ยถามดังก้องภายในรถ โทรศัพท์ถูกเชื่อมกับจอมอนิเตอร์ในรถ ปรากฏใบหน้าหญิงสาวที่กำลังสนทนากับฉัน แต่ไม่ได้หันมามองกล้อง เธอทำเพียงตั้งโทรศัพท์หันเข้าหาตัวเอง แล้วนวดแป้งต่อด้วยความตั้งใจ ‘ยูรา’ เพื่อนสนิทที่สุดและเธอยังเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งของอิตาลี
“ใช่ แล้วก็มีโดดบันจี้จัมพ์หน้าผาที่สวยที่สุดของอิตาลีด้วย”
(ที่ปฏิเสธเพราะติดงานก็นึกว่าไม่มีเพื่อนแล้วแกจะไม่ไป แต่ที่ไหนได้เอาจริงนะเนี่ย สถานที่แบบนี้ต้องยอมแกเลยเซีย ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะทำ) นักเขียนที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องนอน ซึ่งแตกต่างกับฉันที่ไปโผล่ตามที่ต่าง ๆ
“ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นหรอก แล้วแกก็ไม่ชอบความลำบากอีกอย่างก็ติดงานด้วย ฉันจองเอาไว้ก็ต้องมาสิ” ว่าจะไปเซอร์ไพรส์เพื่อนแต่โดนเซอร์ไพรส์กลับเพราะยูราติดงาน จะยกเลิกก็ไปเสียดาย จองมาครึ่งปีกว่าจะได้!
(ใช่ ฉันไม่ชอบอะไรที่มันลำบากและวุ่นวาย แต่ก็ไม่ควรไปคนเดียวสิ!) ยูราหันมาจ้องหน้าจอโทรศัพท์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุ จากนั้นเธอก็ให้ความสนใจไปที่การนวดแป้งต่อ
“เอาน่า ไม่ชินหรือไง” มือเล็กหักเลี้ยวพวงมาลัยเข้าปั๊มแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ห่างไกลเมืองแบบนี้มันช่างไม่เหมาะกับการขับรถมาคนเดียว ถึงจะมีปั๊มแต่ก็ใช่ว่าปลอดภัย
(โคตรชินสุด ๆ ไปเลย แล้วบอสขับรถไปคนเดียวเหรอคะ?) ตอนนี้ยูราเริ่มให้ความสนใจฉันขึ้นมาแล้ว เธอหยุดการนวดแป้ง แล้วโน้มตัวเอาหน้ามาจ่อใกล้หน้าจอเพื่อเพ่งมองบรรยากาศรอบตัวฉัน
คำว่า ‘บอส’ ที่ยูราเรียกนั้นไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นสิ่งตกทอดมาจากพ่อแม่ที่ตัวเองต้องสืบต่อ ‘บอสตระกูลแอซเซอร์’ เป็นตระกูลฝ่ายแม่และยังเป็นตระกูลมาเฟียทรงอิทธิพลลำดับที่ 2 ของอิตาลี
ในฐานะบอสที่ขึ้นดูแลด้วยอายุเพียง 25 ปี ย่อมถูกพูดถึงในทางที่ไม่ดีและพูดถึงความสามารถเมื่อเทียบกับพี่ชายทั้ง 3 คน แล้วตัวเองก็ไม่ค่อยชอบอยู่กับที่ ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง แล้วหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าไปไหนอยู่บ่อย ๆ
แต่ฉันไม่สนใจพวกมีแค่ปากพูดพวกนั้นหรอก เสียเวลาเที่ยวหมด
“ใช่จ้า” เสียงสดใสตอบกลับเพื่อนในสาย
(ซินเซีย...ขับรถไปคนเดียว) เพื่อนของฉันถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ก็บอกว่ามาคนเดียว” พูดจบซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่หยุดนิ่งยังช่องเติมน้ำมัน ไม่นานนักก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องกระจกสีดำ บรรยากาศตอนนี้มีเพียงความมืดและความเงียบ ไม่มีผู้คนอยู่ในบริเวณนี้ ไม่มีแม้แต่รถวิ่งผ่านไปผ่านมา
(รู้ว่าไปคนเดียว แต่ไม่คิดว่าจะขับรถไปคนเดียวแบบนี้ด้วย ให้มันได้แบบนี้สิ...เฮ้อ) ยูราคงอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้
“แล้วเจอกันตอนกลับไปนะคะที่รัก ติ้ด!” ฉันชิงกดวางสายก่อนจะโดนยูราบ่นชุดใหญ่ บ่นตอนนี้หรือกลับไปเจอยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี เอาไว้รวบยอดทีเดียวเลยก็แล้วกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะกระจกดังขึ้นจากฝั่งคนขับ ฉันหันไปสบตากับผู้ชายที่ยืนมองเข้ามา ก่อนจะกดปุ่มเลื่อนกระจกลงมาครึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดว่าต้องการอะไร ปลายกระบอกปืนสีดำเงาถูกนำจ่อเข้าที่หัว
“ลงมา” เสียงดุดันของผู้ชายที่ใช้ปืนจ่อหัวพูดขึ้น มือเล็กเปิดประตูรถลงมาอย่างว่าง่าย แววตาหื่นกระหายจ้องมองไปทั่วเรือนร่างชวนขนลุก
“ปืนสวยดีนะคะ”
“ถอดเสื้อผ้าออก”
“ได้สิคะ ผู้ชายแบบคุณฉันชอบสุด ๆ ไปเลย”
เสียงหวานพร่าตอบกลับอย่างไม่มีความลังเลหรือความกลัวแสดงออกมา ทำเอาคนตรงหน้ายิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ