พื้นที่ระวังรัก ที่ 5 : ไม่ต้องมีใครได้นอน
“ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าบอสของแอซเซอร์จะเป็นแบบนี้ พวกเรารู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ที่บ้านไม่สอนเรื่องการพูดกับคนที่อายุมากกว่าเหรอคะ” ผู้หญิงที่เคยยืนอยู่ข้างเขาเดินลงมาจากระเบียง ตรงมาหยุดยืนตรงหน้าฉัน
ผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้น ๆ นะ...ถ้าจำไม่ผิด เธอชื่อเซนิต ลูกสาวมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงอยู่ในระดับหนึ่งเลย
“สอนค่ะ แต่จะเลือกใช้กับใครก็อีกเรื่องหนึ่ง” ฉันยังคงพูดอย่างใจเย็น ถึงแม้ว่าความจริงในใจมันจะตรงกันข้ามก็ตาม
ส่วนไอ้คนที่จะแย่งห้องพักฉัน ยังคงยืนมองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แม้แต่จะเปิดปากพูด ในขณะที่พวกเพื่อนต่างพากันปกป้อง ซึ่งฉันไม่ได้อยากมีปัญหากับคนอื่นไง! เป้าหมายเดียวก็มีแค่เขานั่นแหละ!
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ควรจะใช้ทันทีกับเขานะ ไม่ควรลืมนะว่าเขาเป็นใคร” ฉันไม่เคยลืมว่าเขาเป็นใครและเพราะแบบนี้ไง เลยไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้
“ไม่ลืมค่ะ”
“งั้นก็ต้องให้ห้องพักเขา” ปัญหาของเรื่องนี้มันอยู่แค่ที่ห้องพักของฉันสินะ
“....” เอายังไงดีนะ ถ้าเอาแต่เถียงกันอยู่แบบนี้เรื่องไม่จบง่ายแน่
“บอกแล้วไงครับ ว่าทางเรารับผิดชอบเต็มที่” ผู้ชายที่เป็นลูกผู้ถือหุ้นรายใหญ่ช่วยพูดย้ำอีกรอบ
“....” สายตาของฉันยังคงมองเพียงคนต้นเรื่อง เขาไม่คิดจะพูดอะไรกับฉันเลยจริง ๆ แววตามองมานั่นก็ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดจนเข้าใกล้ขีดสุด
“บอสแอซเซอร์กำลังจะมีปัญหากับตระกูลคาร์พาเธียจริง ๆ เหรอคะ” ผู้หญิงที่ชื่อเซนิตยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เธอรู้ดีว่าไม่มีใครกล้าแตะต้องตระกูลที่เป็นรองราชวงศ์ได้ แล้วยิ่งแม่ของเขาเป็นถึงอดีตเชื้อพระวงศ์ด้วยใครจะอยากมีปัญหาด้วย
แต่ฉันก็มีมาตลอด ตั้งแต่ที่เขาเข้าใจผิดว่าแอบติดตาม เรา 2 คนก็เจอกันจนน่ารำคาญ
“หรือว่าจะมี” ในที่สุดตัวต้นเรื่องก็เปิดปากพูด สายตาของเราจ้องมองกันและกัน
“....” และเป็นฉันบ้างที่เงียบ
“ให้คนของทางโรงแรมช่วยเก็บของนะครับ แล้วผมจะให้คนไปส่งยังโรงแรมที่จัดเตรียมเอาไว้ให้” เพื่อนของเขาสรุปทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนจะหันไปสั่งงานลูกน้องตัวเอง
นี่ฉันต้องเปลี่ยนโรงแรมตอนเวลาเที่ยงคืนจริงเหรอเนี่ย...
“พรุ่งนี้เรามาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นกันมั้ย ฉันเอากระเป๋าของSSSมาด้วยนะ ที่มีแค่สามสิบใบในโลกน่ะ” เสียงพูดคุยของผู้หญิงคนอื่นในกลุ่มเพื่อนดังลอดมาให้ได้ยิน
“ทำไมตัดหน้าฉันไปได้ ลูกน้องพ่อไม่ได้เรื่องเลย” ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องของแบรนด์เนมทั้งหลายที่ขนกันมาเตรียมเพื่อถ่ายรูปอวดกัน
ของพวกนั้นอยู่ในห้องพักสินะ หึ!
30นาทีต่อมา
“ของทั้งหมดถูกนำไปไว้ที่รถเรียบร้อยแล้วค่ะ”
พนักงานโรงแรมพูดกับฉันด้วยสีหน้ารู้สึกผิด เพราะแขกพิเศษและเจ้านายพวกเขาสร้างความลำบากใจให้ ซึ่งคนที่รับหน้าก็ต้องเป็นพวกพนักงาน
“เหนื่อยมั้ยคะ” ฉันถามเธอด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ นะคะ” พนักงานก้มหัวขอโทษด้วยความรู้สึกผิดอีกครั้ง
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันเข้าใจว่าคุณต้องทำตามสิ่งที่เจ้านายสั่ง”
“....” เธอดูแลแขกพิเศษมากมาย แล้วเรื่องแบบนี้มันคงพึ่งเคยเกิดขึ้นแน่นอน เธอจึงดูรู้สึกผิดอย่างมาก
“ฉันขอเช็กของในห้องอีกรอบนะคะ แล้วจะตามออกไป”
“ค่ะ” พูดจบพนักงานสาวก็เดินออกจากไปตรงนั้นทันที
ที่นี่เป็นโรงแรมที่ 1 ห้องพักจะเท่ากับ 1 ชั้น ให้ความรู้สึกคล้ายเพนต์เฮาส์สุดหรู ฉันเดินเข้าไปในห้องพักอีกครั้งเพื่อสำรวจ ตรวจเช็กของก่อนจะออกไปจากที่นี่ เป็นการจบปัญหาด้วยการยอมย้ายโรงแรม
ซึ่งมันไม่ได้จบง่ายขนาดนั้น...
เมื่อตรวจทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากห้อง สองเท้าก้าวเดินด้วยความเร็วปกติ เส้นผมสีชมพูพลิ้วไหวตามการเคลื่อนตัว สายตาเพ่งมองไปยังตู้ดับเพลิงสีแดงที่ติดอยู่ข้างผนังตรงหน้า
ปึก!
มือเล็กยกแท่งเหล็กรูปทรงคล้ายปากกาขึ้นมา แล้วดึงปลอกส่วนหัวออกจากนั้นก็กดจี้เข้ากับกระจกเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้กระจกแตกละเอียดและเมื่อถอยเหล็กออกมา เศษแก้วก็ค่อย ๆ ล้วงลงบนพื้น
ทุกอย่างเดินขึ้นเงียบ ๆ ซึ่งฉันไม่สนใจกล้องวงจรปิดที่กำลังจับภาพ ร่างบางหยุดยืนมองปุ่มที่อยู่ภายในตู้ แล้วจึงใช้กำปั้นเล็กทุบลงบนปุ่มสัญญาณสีแดงเต็มแรง
ปึก! กริ้ง!!! ซ่า!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เสียงกริ่งดังไปทั่วโรงแรมพร้อมกับสัญญาณไฟสีแดงกระพริบรัวเป็นจังหวะถี่รัว และจากนั้นท่อน้ำก็ปล่อยของเหลวลงมา พรมราคาแพงเปียกชุ่มด้วยน้ำยาบวกการสารเคมีดับเพลิง ที่ไม่เป็นอันตรายต่อคน แต่ส่งผลต่อวัตถุสิ่งของทั่วทั้งโรงแรม
และพวกของแบรนด์เนมทั้งหลายของแขกพิเศษก็ย่อมโดนไปด้วย
ริมฝีปากแดงยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเดินตรงไปยังทางบันไดหนีไฟเพื่อลงไปยังชั้นล่างสุด
ฉันไม่ได้นอน ก็ไม่ต้องมีใครได้นอน
2 วันต่อมา
ณ คฤหาสน์ตระกูลมัสชิโม่
“เฟอร์นิเจอร์ของโรงแรมเสียหายทั้งหมด รวมไปถึงของใช้ส่วนตัวของแขกที่เข้าพักทั้งหมดด้วยครับ” คนของพ่อกำลังอ่านรายงานค่าความเสียหายจากทางโรงแรมทีละข้อ
“ (ยิ้มแฉ่ง) ” ในขณะที่ฉันนั่งยิ้มให้แก่พ่อกับแม่อย่างอารมณ์ดี
“และในวันเวลาที่คุณหนูไปพัก ผมได้รับแจ้งจากทางโรงแรมว่าคุณเวย์ก็อยู่ที่นั่นด้วยครับ” เมื่อได้ยินชื่อที่ไม่ต้องการได้ยินจากปากลูกน้องตัวเอง ดวงตากลมโตเพ่งมองไปด้วยความไม่พอใจ
“อย่าพูดชื่อเขาออกมาให้ฉันได้ยินนะ” คนโดนดุก้มหน้าหลบสายตาทันที แล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ซินเซีย” เสียงเรียกของแม่ทำให้ฉันต้องหันกลับไปมอง แล้วขานตอบด้วยความอารมณ์ดี
“ค่ะแม่”
“ค่าความเสียหายในครั้งนี้รู้มั้ยว่าเท่าไหร่”
“พอรู้บ้างค่ะ เดี๋ยวเซียจะไปอ้อนพี่เดลให้ช่วยจ่าย” ต้องใช้ลูกอ้อนใส่คนที่รวยที่สุดของบ้านสักหน่อย
“ไม่ต้องไปอ้อนพี่เขาเลย อะไรที่ก่อขึ้นมาก็รับผิดชอบเอง” พ่อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สายตาที่มองกลับมาทำให้ฉันรู้สึกกลัว
“พ่อ...” เสียงของฉันสั่นเครือ ริมฝีปากเบะเหมือนกำลังจะร้องไห้ นี่ฉันกำลังโดนพ่อดุเหรอเนี่ย! ถ้าเป็นแม่ดุจะชินชาไปแล้ว แต่นี่พ่อกำลังดุ!
“ไม่ต้องมาทำเสียงสั่นใส่พ่อเลย ไม่มีใครมาช่วยได้” แม่ก็ไม่เข้าข้าง ซึ่งปกติก็ไม่เข้าข้างลูกอยู่แล้ว ถ้ามีการทำผิดเกิดขึ้น
“แต่เขาแย่งห้องพักเซียนะ” ฉันพยายามอธิบายให้พ่อกับแม่เข้าใจ
“เรื่องนั้นเข้าใจดี แต่เรื่องที่พังโรงแรมล่ะ เปียกทั้งโรงแรมเลยไม่เหลือส่วนไหนเว้นว่างเลยด้วย” ระบบดับเพลิงของเขาดีจริง!
“....” ดวงตากลมกะพริบมองแม่ปริบ ๆ
“ไม่ต้องมาทำสายตาอ้อน แล้วเราก็มีเรื่องกับพี่เวย์ไม่เคยพัก ไม่มีใครยอมใคร เรื่องคดีที่ขับรถไล่กันตอนนั้นก็ถึงกำหนดบำเพ็ญประโยชน์ แล้วต้องไปเจอกันอีก”
“ไหนบอกเราอยู่เหนือกฎหมายไง...พ่อ” ฉันหันไปหาตัวช่วยที่พึ่งพาได้ที่สุดเสมอมา ลูกน้องเป็นหมื่นต่างฟังคำสั่งพ่อไม่มีใครเคยสั่งพ่อได้ ยกเว้นก็แต่...
“มาร์ชินเงียบ” แม่...ที่อยู่เหนือพ่ออีกที