ตอนที่ 4
[ที่ทำงานของปลายฟ้า]
17:30 น.
มือเรียวหยิบจับข้าวของลงกระเป๋าอย่างคล่องแคล้วก่อนจะรีบเดินทางกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวสำหรับคืนนี้
รถโดนสารประจำทางถูกยกมือโบกเรียกก่อนที่ร่างเพรียวของปลายฟ้าจะกระโดดขึ้นไป
จากที่ทำงานจนถึงบ้านเธอเป็นระยะที่แค่นั่งรถเมล์เพียง 5 ป้ายเท่านั้น แต่อุปสรรคหลัก ๆ ของการเดินทางก็คงไม่พ้นการจราจรที่ติดขัดในช่วงเย็นวันศุกร์แบบนี้
แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ถึงบ้านในเวลาไม่ถึงชั่วโมง นี่นับเป็นข้อดีอีกข้อของการทำงานที่บริษัทแห่งนี้
“อ้าว เจ้ ทำไมวันนี้กลับเร็วจังอ่ะ”
เมฆเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่สาวคนสวยกลับมาเร็วกว่าปกติ ดวงตาคมของเด็กหนุ่มมองพี่สาวตนเองที่อารมณ์ดีกว่าทุกวันด้วยความสงสัย ก่อนจะยิ่งงุนงงยิ่งกว่าเดิมเมื่อปลายฟ้าเดินเลยผ่านตนขึ้นห้องไป
ปลายฟ้าที่จิตใจอยู่กับงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ในวันนี้ของเธอและเพื่อน ๆ เมินเฉยทุกสิ่งอย่างราวกับร่างกายที่ถูกใช้งานอย่างหนักมาตลอดสองเดือนกำลังสะกดจิตปลายฟ้าให้สนใจแค่เรื่องพักผ่อนและออกเที่ยวเท่านั้น
หญิงสาวร่างเพรียวบางลองชุดในตู้เสื้อผ้าของตนเองตัวแล้วตัวเล่า ก่อนจะค่อย ๆ คัดเอาเสื้อโทนสีขาวออกมาว่างเรียงพร้อมกับกางเกง กระโปรง โดยไม่ลืมแยกเดรสเอาไว้ต่างหาก ก่อนจะจับมาแมทช์กันอีกครั้งเพื่อที่จะหาชุดจะใส่จริง ๆ 1 ชุด
ที่เธอเลือกสีขาวนั่นเป็นเพราะ สกายชอบสีขาวหรือสีโทนสว่าง
เหมือนชื่อของชายหนุ่มที่แปลว่าท้องฟ้าที่สดใสนั่นละ
ปลายฟ้าเลือกชุดจนลืมเวลา ลืมแม้แต่อาหารเย็นของบิดาและน้องชาย เดือดร้อนเมฆต้องขึ้นมาตามพี่สาวของตนให้ลงไปทำอาหารเพราะในบ้านนี้นอกจากมารดาที่เสียไปแล้วก็ไม่มีใครทำอาหารเป็นอีกนอกจากปลายฟ้า
ถึงทำเป็นก็สุนัขไม่รับประทาน...อย่างตัวเมฆเองที่แค่ทอดไข่เจียวง่าย ๆ ยังไหม้...
ส่วนพ่อ แม้จะทำร้านอาหารแต่รสชาติอาหารที่ทินกรทานประจำนั่นจืดสนิท ชนิดที่เมฆยอมกินน้ำเปล่าดีกว่าทานอาหาร น่าตาน่าทานแต่ไร้รสชาติผู้เป็นพ่อ
เพราะงั้นหน้าที่ทำอาหารในบ้านสมควรเป็นของปลายฟ้านั้นถูกต้องแล้ว
“พี่ฟ้า พี่~ ครับ~ ผมหิวข้าว ลงไปทำกับข้าวให้หน่อยยย”
เสียงร้องครวญครางคล้ายสุนัขออดอ้อนเจ้าของดังขึ้นไม่ถึง 3 นาที ปลายฟ้าในลุคสวยหวานก็ออกจากห้องมาพร้อมกับเงินสดในมือ
“อ่ะ นี่เงินเอาไปซื้อร้านใกล้ ๆ มากินกับพ่อนะ”
“อ่ะ ได้ น้อมรับไว้ ว่าแต่พี่จะไปไหนอ่ะ” เมฆเอ่ยถามพี่สาวตาใส พลางสำรวจปลายฟ้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกลับมาที่ดวงหน้าหวานที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องประทินโฉมราคาหลักร้อยกลาง ๆ ด้วยความสงสัย
แต่งชุดสวย แต่งหน้า ทำผมนิดหน่อย นี่พี่เราจะไปออกเดทเหรอ?
“พี่จะไปเดทเหรอ?” เมฆถือคติ คิดไปก็เท่านั้น สู้เอ่ยถามตรงๆเลยดีกว่า เอ่ยปากถามพี่สาวของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
“ไม่ใช่เดทหรอก พี่แค่ออกไปเจอเพื่อนเอง ไปละนะ บอกพ่อด้วยว่าวันนี้พี่กลับดึก ไม่ต้องรอ แล้วข้าวนะอย่าลืมกินล่ะ”
ปลายฟ้าพูดจบก็เดินไปใส่รองเท้าคู่โปรดแล้วเดินออกจากบ้านไปโดยไม่รอฟังคำถามถัดไปของน้องชายเลยแม้แต่คำเดียว
เธอเร่งรีบวิ่งไปที่ป้ายรถโดยสารก่อนจะยกมือเรียกแท็กซี่ที่นาน ๆ ครั้งเธอจะใช้บริการเพราะราคาที่แพงแสนแพง แต่วันนี้ต่างออกไป เธออยากรีบไปเจอเพื่อนและสกายที่อาจจะมารอที่ร้านแล้วอย่างกระตือรือร้น
ระหว่างนั่งรถไปที่ร้านของอคิน ปลายฟ้าก็อดนึกไม่ได้ว่าวันนี้สกายจะใส่ชุดอะไรมา
‘จะเป็นสีโทนสว่างอย่าง ขาว ฟ้า หรือ โทนดาร์กอย่าง สีดำ หรือ สีกรมนะ’
‘ให้ตายสิ เดาอยากชะมัด ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเลือกสีขาวละนะ...’
เธอรู้เรื่องที่สกายชอบและไม่ชอบทุกอย่าง ตั้งแต่อาหาร คู่สี จนถึงสิ่งของ เพราะเธอแอบรักชายหนุ่มมาตลอด แอบรักมาตั้งแต่ปี 1 จนเรียนจบแยกย้ายกันไปทำงานเธอก็ยังรักและอยู่เคียงข้างสกายมาตลอดไม่เคยคิดอยากจะไปไหน
และเธอมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนใจเธอได้แน่นอน
...
เอี๊ยด!
เสียงล้อรถเบียดเข้ากับพื้นถนนก่อนที่ประตูแท็กซี่สีน้ำเงินเข้มจะถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างเพรียวบางของปลายฟ้าที่อยู่ภายใน เธอทำการจ่ายเงินค่าโดยสารแล้วเดินลงจากรถด้วยท่าทีมั่นใจ
แต่เมื่อมาถึงก็ได้เห็นว่าเพื่อน ๆ มารอเธออยู่แล้วพร้อมกับเสียงของลินดาที่ตะโกนเรียกอคินจากหน้าร้าน ปลายฟ้ารีบเดินตรงเข้าไปก่อนจะเอ่ยถามกับเก้าที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด
“ร้านปิดเหรอเก้า”
“อื้อ เหมือนว่าเฮียจะเหนื่อยเกินเลยปิดร้าน 1 วันนะ”
ปลายฟ้าส่งเสียงอ่อ ก่อนจะเดินไปทักทายโชและสกายปล่อยให้
ลินดาแหกปากเรียกเฮียคินของพวกเขาต่อไป
เพราะที่เฮียคินใจอ่อนด้วยที่สุดคือลินดาไม่ใช่พวกเธอ
“เฮียขาาาาาาา เฮียเปิดประตูให้พวกหนูเถอะน้า น้า นะคะเฮียยย” สิ้นคำคะขาของลินดาประตูไม้โอ๊กเนื้อดีก็ถูกเปิดออก พร้อมสีหน้าง่วงงุน
ของอคินที่มองมาทางพวกเข้าด้วยแววตาไม่สบอารมณ์
“พวกมึงนี่ ไปร้านอื่นกันไม่เป็นรึไงวะ กะจะไม่ให้ร้านกูปิดเลยว่างั้น?”
น้ำเสียงทุ่มดุ ติดไปทางแหบเอ่ยขึ้น ปลายฟ้ามองดวงตาลึกโบ่นั้นด้วยสีหน้าเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยทักอะไรโชก็เอ่ยขึ้น
“เอ่อ แล้วทำไมต้องร้านเฮียวะ คือมึงเก็ทป่ะ ว่าเราสามารถลากคุณผู้ชายและคุณหนูฟ้าไปกินกันที่อื่นก็ได้นิ” โชเอ่ยขึ้นก่อนที่ทุกคนจะหันมองกันไปมาอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะสับสนว่าใครเป็นคนเสนอไอเดียเรื่องเฮียคินกันแน่
โชหันมองที่สกายคนแรก
“ไม่ใช่กู” สกายเอ่ยดัก
ดวงตาคมเฉียวเปลี่ยนไปมองที่สาวน้อยน่ารักของกลุ่มแต่ก็โดนปลายฟ้าเอ่ยปฎิเสธ
“ไม่ใช่เราเหมือนกัน” ปลายฟ้าเอ่ยตอบทันทีที่โชมองมาที่ตน
“อีเก้า”
“ไม่ใช่กูครับคุณโช อย่ามั่วๆ”
“อ่ะ งั้นก็มึงละอีลิน” โชหันไปคาดโทษลินดาที่ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ใกล้ ๆ อคิน ทีแรกลินดาจะบอกปัด แต่เมื่อโดนต้อนจนจนมุมสาวแซ่บของกลุ่มก็ตอบปัด ๆ ออกมาทันที
“ร้านเฮียมันทำไม ก็...พวกมึงชอบมาร้านนี้กันไม่ใช่ไง?”
“ก็ใช่ แต่ทำไมมันต้องร้านเฮียทุกทีเลยล่ะ” เก้าเอ่ยถามอีกครั้งแม้จะพอเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาก็ตาม แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่หยุดแกล้งเพื่อนสาวคนนี้
“แล้วจะไปรู้ไหมละ หึ ไม่รู้แล้ว! ใครไม่เข้าก็อย่าเข้า กูเข้าเอง!”
หญิงสาวที่เขินและหวาดกลัวว่าจะมีใครจับได้เรื่องที่เธอ ‘แอบชอบอคิน’ ก็แสร้งทำเขินแล้วเดินขึ้นชั้นสองไปอย่างไม่สนใจสายตาเพื่อนฝูงและรุ่นพี่ที่ยืนอยู่
“เอ้า อีนี่เขินปุบมารยาทหายปั๊บ ขอโทษแทนมันด้วยนะเฮีย เดี๋ยวหนูไปลาก-”
“ไม่ต้องอ่ะ พวกมึงขึ้น ๆ กันไปไป๊ กูให้พวกมึงกรณีพิเศษ แต่...อยากแดกไร อยากกินไร หยิบกันเอาเองนะ เพราะ กู จะ นอน!!”
อคินพูดอนุญาตพร้อมอธิบายตำแหน่งที่เก็บเครื่องดื่มและกับแกล้มจำพวกขนมให้รุ่นน้องเสร็จสรรพก่อนขอตัวไปนอน เพราะทำงานหนักแทนลูกน้องที่ไม่ได้มาเมื่อคืนจนตอนนี้แทบจะล้มทั้งยืนอยู่ร่อมร่อ
“ฟังทันนะ เค กูไปนอนละ บาย”
“คร้าบ เฮียคร้าบ ตามสบายครับ คิดซะว่าเป็นบ้านตัวเองนะครับเฮีย” เก้าเอ่ยแซวอคินก่อนจะได้รับนิ้วกลางกลับมา 1 นิ้วถ้วนเป็นรางวัลของการแซว ทั้งสามช่วยกันขนของกินที่ตัวเองพกมาขึ้นชั้นบนของอาคารที่มีลินดานั่งรออยู่ในเต็นท์
“มาช้า”
“ขอโทษค่า พอดีพวกกูมีของต้องขนเนาะ” โชเอ่ยตอบก่อนจะจัดแจงวางของที่ขนขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะเปรี้ยวปากอยากกระดกไวน์มานานหลายวัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกับการจัดแจงเครื่องดื่มตามใจตัวเองโดยไม่พึ่งเหล้าชงของโช ปลายฟ้าก็กำลังเจอกับปัญหาใหญ่หลวง
เธอกำลังคิดไม่ตกว่าจะแยกไปนั่งที่ชิงช้าดีหรือจะไปนั่งที่เบาะข้างสกายดี ถึงแม้ว่าที่นั่งทั้งสองจะอยู่ใกล้สกายทั้งคู่ แต่ถ้านั่งชิงช้าเธอยังมีบาเรียกั้นเป็นที่วางแขนและโซ่เหล็ก แต่ถ้านั่งเบาะเท่ากับตัวเธอจะใกล้ชิดสกายเต็ม ๆ
ไม่ใช่ไม่ยินดีที่ทุกอย่างดูเป็นใจให้เธอได้ใกล้ชิดสกาย แต่เพราะเธอกลัวว่ามันจะไม่เหมาะสม ด้วยเพราะสกายนั้นมีคนรักอยู่แล้ว ส่วนตัวเธอเองก็เป็นแค่เพื่อนสนิท ไปนั่งใกล้ ๆ ก็ดูกระไรอยู่...
ตรรกะเหตุผลในสมองของเธอกับความต้องการของหัวใจกำลังตีกันอย่างหนัก ชนิดที่ว่าราวกับมีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในหัวเธอเลยก็ว่าได้
เธออยากนั่งใจสกาย ใช่
แต่เธอก็กลัวเขาถูกมองไม่ดี ก็ใช่
ทำยังไงดีนะ....