ตอนที่ 4 พรหมลิขิต
ตอนที่ 4 พรหมลิขิต
ใกล้เลิกงาน โนรินยังคงนั่งเคลียร์งานตรงหน้าอย่างไม่มีที่ว่ามันจะหมด
เฮ้อ…เมื่อไหร่จะเสร็จเนี่ย
เธอนั่งบ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะยกมือขึ้นมาท้าวค้างแบบเซ็ง ๆ สายตาเหลือบไปมองปฎิทินที่วงกลมสีแดงตัวใหญ่ 14 กุมภาพันธ์
ใช่ 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์ของทุกคน!
แต่ก็นั่นแหละ วันแห่งความรักแล้วไง มันก็แค่วันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับสาวโสดไม่เคยมีอะไรที่เป็นพิเศษ จะพิเศษกว่าหน่อยก็คือเป็นวันเดียวกับวันเกิดของเธอที่จะครบอายุสามสิบในปีนี้
โนรินนั่งเหม่อ สายตามองจ้องไปที่ปฏิทินวงกลมสีแดง เมื่อนึกถึงวาเลนไทน์ปีที่แล้ว....
ดอกกุหลาบสีแดงช่อมหึมาถูก Line Man เอาส่งมาหน้าตึกที่แต่เช้าตรู่ ท่ามกลางความกรี๊ดกร๊าดของคนในออฟฟิศว่าสาวน้อยที่โชคดีที่ได้รับเซอร์ไพรส์จากแฟนหนุ่มคือใคร
“มีดอกไม้มาส่งครับ”
โนรินที่เพิ่งใส่บาตรเสร็จ เดินกลับเข้ามาอยู่หน้าตึกพอดี ถึงกับยิ้มเขินตัวบิดเมื่ออยู่ ๆ ไลน์แมนก็มาบอกว่ามีดอกไม้มาส่ง เธอรีบยิ้มมือไปรับอย่างเขินอาย
“อุ้ย…ของใครส่งมาให้คะเนี่ย”
“ของคุณปีเตอร์ครับ”
เอ๋....มีผู้ชายที่ไหนมาซุ่มแอบชอบเธออยู่อย่างงั้นเหรอ งื้อ...ไม่นะ แค่คิดหัวใจก็พองโตเมื่อรู้ว่าตัวเองก็มีเสน่ห์มากพอที่จะทำให้มีผู้ชายแอบชอบ
-อุตส่าห์แอบเหงามาหลายปี อยู่ดี ๆ มีคนมาแอบชอบ เขินนะเนี่ย-
“งื้อ ขอบ…”
“ส่งมาให้คุณแววนิลครับ ไม่ทราบว่าคุณแววนิลมาทำงานหรือยังครับ พอดีผมพยายามโทรหาเธอไม่ติด”
เพล้งงงงง เสียงแก้วที่ไหนไม่รู้แตกละเอียด โนรินมองซ้ายมองขวา เดาว่าน่าจะเป็นแม่บ้านอาจจะทำแก้วที่ไหนหล่นแตกแน่ ๆ คงไม่ใช่หน้าบนใบหน้าของเธอที่แตกละเอียดหรอก
“แล้วก็ไม่พูดให้รวดเดียวจบจะเว้นจังหวะทำเพื่อ...” โนรินค้อนประหลับประเหลือกให้พนักงานส่งช่อดอกไม้
“อ่า ขอโทษครับพอดีผมกำลังก้มอ่านชื่อ”
“ค้า...น้องแววนิลยังไม่มาถึงที่ทำงานหรอกค่ะ แต่รออีกสิบนาทีเดี๋ยวก็มา” โนรินชักมือกลับ ก่อนขยับแว่นแก้เก้อ
เสียงซุบซิบที่เพิ่งจะกรี๊ดกร๊าดด้วยความอิจฉาโนรินที่คิดว่าเธอกำลังจะได้ดอกกุหลาบช่อใหญ่ กลายเป็นเสียงหัวเราะคิกคักตามด้วยเสียงซุบซิบกันทันที
“ว้าย ฉันก็นึกว่าของคุณโนริน”
“ได้ข่าวว่าจะสามสิบยังโสด”
“สามสิบก็วัยใกล้จะขึ้นคานแล้วแหละ”
โนรินหันไปมองขวับ ทำเอาเสียงนินทารีบปั้นหน้าหันมายิ้มหวานให้ เธอละอยากจะแหม สามสิบเหรอ! สามสิบแล้วไงยะ! ถ้าให้เอาหนังหนาของคนอายุสามสิบอย่างเธอมาเทียบกับพวกนั้น บอกเลยพวกนั้นหน้านำอายุไปกว่าเธอมากนัก
ที่สำคัญคอยดูนะก่อนคืนวาเลนไทน์ปีหน้าเธอจะหาสามีให้ได้!
และ...นั่นเป็นความคิดของคิดโนรินในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้จวนจะถึงวาเลนไทน์อีกรอบในไม่กี่วัน เธอก็ยังโสดอยู่เหมือนเดิม
ก็นะ…มันก็จริงที่ว่า ผู้ชายไม่ใช่ส่วนสำคัญของชีวิต
แต่…ติดไว้นิดเป็นสีสีรรก็จะดี เพราะงั้นคอยดูคืนนี้แม่จะต้องหาผู้ชายดี ๆ สักคนเป็นสามีให้ได้!
เธอทำท่าหมายมั่น ก็จะนั่งท้าวค้างแล้วถอนหายใจยาว ๆ ออกมา
เฮ้อออออ…
คิดแล้วเป็นท้อ พูดยังกับจะหาสามีกันได้ง่าย ๆ
เสียงถอนหายใจยาว ๆ ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่โนรินจะตัดสินใจปิดคอมที่ทำงาน
shut down!!
สามทุ่ม
สาวสวยในชุดรัดรูปสีขาวกลับผมดัดเป็นลอนสีน้ำตาลอ่อนดวงตาคู่สวยที่เคยปกปิดด้วยแว่นหนาเตอะถูกถอดออกมากองอยู่ข้างโต๊ะ มือเรียวหยิบคอนเทคเลนส์สีน้ำตาลวอลนัทออกมาติดเข้าไปในดวงตา ก่อนที่ปัดมาสคาร่าจนดวงตาคู่หวานใสดูกลมโตเข้าไปอีก ตามด้วยริมฝีปากที่ทาด้วยลิปสติกสียอดฮิต เธอเม้มปากเบา ๆ เพื่อเช็คลิสต์ความเรียบร้อยของตัวเอง
“เลิศ”
“เออ เลิศจ้าแม่ เลิศมาก แต่หล่อนคงลืมเนาะ ว่าหล่อนนัดฉันสามทุ่ม แต่งหน้าอีกร่วมชั่วโมง ไหนหล่อนว่าจะแต่งตัวเบา ๆ ไง”
เสียงมะลิเพื่อนรักนั่งกอดอกถอนหายใจอยู่ปลายเตียง มองเหล่เพื่อนสาวที่ตอนนี้ยังคงหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจก
“แหม…แค่สี่สิบนาทียี่สิบห้าวินาทีเองยังไม่ถึงชั่วโมงเลย ว่าแต่ตัวจะไปทำไมหัวค่ำนักล่ะ เที่ยวกลางคืนมันก็ต้องไปดึก ๆ หน่อยสิจริงไหม”
“หรา”
“อีกอย่างวันนี้ก็เบาที่สุดแล้วย่ะ”
“จ้าแม่คุณ เบามากกกก”
มะลิมองเพื่อนสาวที่แต่งชุดรัดรูปสีขาวที่มีเว้าโชว์ตรงช่วงเอวเอสเผยให้เห็นสะโพกขยายที่เข้ารูป หุ่นฟ้าประทานแบบนี้เกิดจากการมีวินัยในการออกกำลังกายของโนรินล้วน ๆ แต่แต่งแบบนี้มันคือเบาตรงไหนก้อน
“ก็ เบา เบา แต่สวยม้าก มาก”
โนรินยักคิ้วพลางส่งทำท่าส่งจูบให้เพื่อนรัก
“ป่ะฉันพร้อมล่ะ ป่านนี้พวกยัยสายป่านกับยัยมิมิวรอกันแย่แล้ว”
“แหม เพิ่งรู้เนาะว่าเพื่อนรอ”
“อย่าบ่นน่าคนสวย ถ้าบ่นบ่อยหน้าแก่ฉันไม่รู้ด้วยนะ”
“อะเคร ให้อภัยตรงที่ชมว่าฉันสวย เพราะฉันรู้ว่าแกไม่โกหก”
“แต่ก็มีบางวันที่โกหกได้ เช่นวันนี้”
“ยัยโนริน!”
“จ๋า… เอาน่าเพื่อนรักที่แสนสวย เพื่อนรักที่แสนดีของฉัน แต่วันนี้ฉันพูดจริงเพื่อแกสักวัน วันนี้เพื่อนสาวของฉันสวยมากกกก”
โนรินทำเสียงยายเข้าไปกอดเอวมะลิอย่างเอาใจ ดวงตาคู่สวยกะพริบตาปริบๆ ทำท่าอ้อน ก่อนมะลิจะถอนหายใจเพราะที่สุดแล้วเธอก็ยอมแพ้ลูกอ้อนของเพื่อนรัก
“ให้อภัยก็ได้”
“100% ?”
“99% พอ ข้อหาแกสวยเกินหน้าเกินตาฉัน”
“อะเครได้ ไปกัน”
ในที่สุด สองสาวก็พากันขับรถผ่าฝูงชนของการจราจรที่แน่นขนัดของวันศุกร์สุดสัปดาห์ กว่าจะมาถึงหน้าผับแองเจิลบาร์ตามนัดหมาย ครั้นมาถึงยังไม่วายยังต้องเดินฝ่าฝูงชนที่พากันโยกย้ายไปกับเสียงดนตรีดังกระหึ่มอีกไปหาเพื่อนรักอีกสองคนที่จองโต๊ะเอาไว้
“ทำไมแกสองคนมาดึกนัก”
“ก็ยัยโนรินสิกว่าจะแต่งตัวเสร็จ”
“แหมยัยรินกว่าจะมาได้ สรุปวันนี้ไม่ถือศีล?”
“เว้นหนึ่งวันจ้า เมาได้เต็มที่” โนรินขยิบตาก่อนรับแก้วเหล้าสีชาจากเพื่อนรักอีกคนที่ยื่นแก้วส่งมาให้เธอดื่ม
“เอ้า งั้นรออะไรละ ชนแก้ว…”
เสียงดนตรีเร้าใจ สี่สาวพากันยกแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าปาก เริ่มออกลวดลายเต้นกันอย่างเต็มที่
ใช่…วันศุกร์ของเดือนสำหรับโนริน มันก็จะเป็นแบบนี้แหละ เธอตั้งใจมาปลดปล่อยความเป็นนางฟ้าในตัว ครั้นจะให้เธอนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่หน้าหิ้งพระก็คงไม่มาเที่ยวกลางคืนแบบนี้หรอก
“ว่าไงโนริน ไหนแกว่าจะมีผู้ก่อนสามสิบ”
“นั่นสิ จะขึ้นคานแล้วนะแก” เสียงสายป่านกับมิมิวเอ่ยขึ้น หลังจากที่ได้ยินมะลิเล่าเรื่องท้าโนรินหาสามีให้ทันก่อนวันเกิดตัวเองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“พวกแกจะดูถูกฉันมากไปแล้วนะ คนอย่างฉันถ้าจะมีผู้จริง ๆ กระดิกนิ้วก็มาแล้ว” ความเบ่งแบบไม่ดูตัวเอง หาไม่รู้ไม่ว่ากำลังสร้างความเดือดร้อนไม่รู้ตัว
“กระดิกนิ้ว? พวกฉันละอยากจะแหม… งั้นไหนแกลองกระดิกนิ้วเรียกผู้ชายโต๊ะนั่นเป็นไง” มิมิวพยักหน้าให้โนรินหันไปมองตามสายตา
ในความมืดของแสงไฟที่สาดแสงวิบวับสลับกับเสียงดนตรีที่กำลังดังกระหึ่ม ทว่าเวลาสะท้อนกับแสงไฟวิบวับจากสถานบันเทิง มันจะเหมือนมีแสงจากสปอตไลต์ส่องมาที่ตัวคน ๆ ในความมืดจนเด่นชัด
โนรินอ้าปากค้างสายตาคู่หวานจ้องมองชายหนุ่มเชิ้ตสีขาวในท่านั่งสบาย ๆ กำลังยกแก้วเหล้านั่งมองกลุ่มเพื่อนของพวกเขาที่กำลังเต้นอยู่
ใช่!!!
ผู้ชายสุดหล่อเบ้าหน้าฟ้าประทานยังกับแจ็คสันหวัง คนนั้น!
คือผู้ชายที่เธอเจอหน้าวัดวันนั้นนี่!
ว่ากันว่าคนเราถ้าเจอกันแค่ครั้งเดียวเรียกว่าบังเอิญ ส่วนถ้าเจอครั้งที่สองเรียกว่าพรหมลิขิต และนี่ก็คงต้องเป็นความพรหมลิขิตของโนรินแน่ ๆ