บทที่ 5 ทนเห็นภาพบาดตาไม่ไหว
“ อือ เขาก็ใส่ถุงยางอยู่ แต่ว่าฉันเพลียมากเลยแก ปวดท้องน้อยด้วยขอนอนก่อนนะ ” พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไปอย่างง่ายดาย
“ หือ ถึงกับปวดท้องน้อยเลยรึแก…” แพรวส่ายหน้า ถอนลมหายใจยาว มองใบหน้าเพื่อนสาวด้วยความห่วงใยพลางดึงผ้าห่มขึ้นไปคลุมร่างให้
หนึ่งเดือนต่อมา
ปัง !!
เสียงประตูห้องพักถูกเปิดออกและกระแทกปิดอย่างแรงจนแพรวที่กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนโซฟาถึงกับสะดุ้งตกใจหันขวับมามองตามที่มาของเสียง ดวงยี่หวาเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงตรงมาที่เตียงพร้อมทั้งขว้างกระเป๋าสะพายลงไปบนที่นอนด้วยความอัดอั้นตันใจแล้วทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าร้องไห้ มือก็ทุบลงบนหมอนราวกับระบายความคับแค้นใจ
“ ฮัลโหลค่ะพี่ทัพเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้ายังไงเดี๋ยวแพรวจะช่วย ๆ ดูให้ค่ะ ” แพรวรีบกดวางสายจากพี่ชายซึ่งเป็นลูกของป้าใหญ่แล้วหันมาถามเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง
“ แกเป็นอะไรอีกยี่หวา ไหนว่าทำใจได้แล้วไงวะ ” ยี่หวาสูดน้ำมูกเช็ดน้ำตาก่อนจะลุกขึ้นมาตอบเพื่อนด้วยน้ำตานองหน้า
“ ก็คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่ว่าแกคิดดูฉันต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจทุกวัน เด็กนั่นจงใจมาสวีทกับพี่เชนต่อหน้าฉันเหมือนจะเยาะเย้ย ยัง ยังไม่พอ แกดูนี่ ” ดวงยี่หวาล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายหยิบซองสีชมพูหวานแหววออกมาให้เพื่อนดู
“ อะไรฮึ นี่มันการ์ดแต่งงานนี่ ของพี่เชนกับนังเด็กนั่นรึ ”
“ ก็ใช่น่ะสิ มันเอามาให้ฉันเองกับมือ เชิญฉันไปงานมันด้วยนะ ฉันต้องปั้นหน้ายิ้มแสดงความยินดีกับพี่เชนกับมันทั้ง ๆ ที่อยากจะแจกยันต์ให้พวกมันทั้งสองคนเต็มที ฮือ ๆ ๆ ” เล่าเสร็จก็ฉีกการ์ดแต่งงานของอดีตคนรักออกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วฟุบหน้าลงกับหมอนร้องไห้ฟูมฟายต่อ ผมที่ถูกมวยไว้ตรงท้ายทอยหลุดลุ่ยออกมายุ่งเหยิงไปหมด เธอทำงานเป็นเลขาของคเชนทร์ที่บริษัทออกแบบโฆษณาแห่งหนึ่ง ด้วยความใกล้ชิดทำให้เธอและคเชนทร์ตกหลุมรักกันแต่ด้วยความที่เธอเป็นคนค่อนข้างจะหัวโบราณเปิ่น ๆ แต่งตัวมิดชิดและที่สำคัญเธออ้อนไม่เป็นโรแมนติกไม่เก่ง ถูกเนื้อต้องตัวเกินเลยไม่ได้ เลยทำให้คเชนทร์เบื่อและไปคว้าเอาเด็กฝึกงานที่ขี้อ้อนแถมไวไฟถึงเนื้อถึงตัวมาแทนที่ ความดีของดวงยี่หวาตกกระป๋องไม่มีค่าในสายตาเขาอีกต่อไป
“ แล้ว เอ่อ แกจะไปมั้ยล่ะ ” แพรวถามหยั่งเชิงเพื่อน ดวงยี่หวาหันขวับมาส่ายหน้าอย่างแรงจนผมกระจาย
“ เรื่องอะไรจะไปให้อายวะ ฉันลาออกแล้วแก ทางเดียวที่จะทำให้ฉันลืมมันได้คือฉันต้องไม่เห็นมันสองคนอีกแกเข้าใจมั้ย ฮึก ๆ ๆ ” เธอตะโกนราวกับจะระบายความเจ็บปวดผ่านเสียงสะอื้น มือเรียวคว้าแว่นที่เปื้อนคราบน้ำตาออกมาจากใบหน้าแล้วเหวี่ยงมันลงบนที่นอน อยากจะขว้างลงพื้นก็กลัวมันจะแตกเดี๋ยวจะพาลเสียเงินโดยใช่เหตุไปอีก
“ เออ ๆ ใจเย็น ๆ ฮะ อะไรนะลาออก! แล้วแกจะไปทำงานอะไรวะช่วงนี้หางานยากจะตาย เงินเดือนตั้งสองหมื่นปลาย ๆ เลยนะโบนัสปลายปีก็จะออกแล้วด้วยไอ้หวาเอ้ย อีแค่ผู้ชายแกหาใหม่ง่ายกว่าหางานอีกนะ ” แพรวทวนคำสีหน้าตกใจบ่นเตือนสติเพื่อนสาวยาวเหยียด
“ ช่างมันถ้าไม่มีงานฉันก็จะกลับไปทำไร่อ้อยที่บ้านป้าก็ได้ ” เธอเชิดหน้าตอบเพื่อนอย่างมีทิฐิ
“ อ้าว แกลืมไปแล้วรึว่าลุงเขยแกน่ะมันหื่นกามจะปล้ำเอาจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาอยู่กับฉันเนี่ย แล้วจะกลับไปอยู่กับป้าแกได้ไง ” นี่เป็นอีกเรื่องที่แพรวเตือนสติเธออีกแล้ว
“ ไม่รู้ล่ะแกแต่ฉันอยู่ไม่ไหวจริง ๆ ไว้แกช่วยฉันหางานก็ได้ตอนนี้ยังพอมีเงินเก็บอยู่ งานอะไรก็ได้ฉันทำได้หมดแหละขอแค่อย่าให้กลับไปเจอพี่เชนอีกเลย ” ดวงยี่หวาโผเข้าไปกอดเพื่อนรัก ตอนนี้เหมือนแพรวจะเป็นที่พักใจและที่พึ่งสุดท้ายสำหรับเธอจริง ๆ
“ เออ ๆ เอางั้นก็ได้ เออพูดถึงเรื่องงานเมื่อกี๊ลูกพี่ลูกน้องฉันเพิ่งโทรมาให้ช่วยหาคนให้พอดี แต่ว่า…แกจะทำได้รึเปล่าเนี่ยแหละปัญหา ” พอพูดถึงเรื่องงานแพรวก็นึกขึ้นได้ว่าพี่ชายให้ช่วยหาคนมาดูแลแม่ซึ่งเป็นคุณป้าใหญ่ของเธอพอดี แต่นิสัยส่วนตัวคุณป้าเธอนี่สิไม่รู้ว่าดวงยี่หวาจะรับได้หรือทนอยู่ไหวรึเปล่า เรื่องเงินเดือนไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้วสำหรับพี่ชายเธอ
“ งานอะไรอ่ะ ” เงยหน้าขึ้นมาป้ายเช็ดน้ำตาแล้วถามด้วยความสนใจ
