ตอนที่ 2
เมื่อป่านลากเดลเข้ามาในห้องก็จัดการล็อกประตูแล้วเหวี่ยงเพื่อนสนิทไปที่เตียงของตัวเองทันที
“ ไอเดล มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้นะว่ามึงคิดจะทำอะไรกันแน่ถึงได้แสดงท่าทีประหลาดๆ แล้วก็ทำตัวอินโนเซ้นออกมาแบบนี้ “ ป่านกอดอกมองหน้าเพื่อนอย่างคาดคั้น เดลกรอกตามองบนแล้วถอนหายใจออกมานิดๆ
“ กูชอบพ่อมึง กูจะเอา แล้วมึงก็ห้ามขวางกูกับพ่อมึงด้วย “ เดลบอกออกมาตรงๆตามที่ตัวเองรู้สึก
“ กูไม่ได้จะขวาง แต่กูอยากจะถามว่ามึงถามป๊ารึยังว่าเขาจะเอามึงมั้ย มึงอย่าลืมนะว่าป๊ากูเขาไม่ได้ชอบผู้ชายแบบมึงแล้วก็แบบกู เพราะเขาไม่ได้เป็นเกย์ “ ป่านเตือน เดลไหวไหล่นิดๆ
“ แล้วไง กูเองก็ไม่ได้จะบังคับพ่อมึงให้มาชอบกูนี่ แต่กูจะทำทุกอย่างให้พ่อมึงสนใจกูแล้วก็ชอบกูจนได้ “ เดลมองหน้าป่านอย่างจริงจัง
“ ป๊ากูเป็นนักธุรกิจ มีศัตรูมากมายเต็มไปหมด เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างนักหรอกนะ ไหนจะต้องทำงาน พบลูกค้าแล้วก็ต้องมาระแวงศัตรูของตัวเองอีก มึงเองจะโอเคหรอ “ ป่านนั่งลงข้างๆเดลแล้วมองหน้าเพื่อนสนิทเพื่อรอฟังคำตอบ
“ กูไม่รู้ว่ากูจะโอเคมั้ย แต่กูชอบพ่อมึงกูรู้แค่นั้น “ เดลยักคิ้วใส่ป่านยิ้มๆ
“ เออ แต่กูมีคำถามอยากจะถามมึง “ เดลมองหน้าเพื่อนอย่างจริงจัง
“ อะไร? “ ป่านเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ มึงรับได้มั้ยถ้ากู..จีบพ่อมึง “ เดลถามด้วยความไม่มั่นใจ เพราะเขาพึ่งนึกได้ว่าเพื่อนของเขาจะรู้สึกดีหรือไม่ที่เขาจะบุกจีบพ่อของเพื่อนแบบนี้
คำพูดของเดลทำให้ป่านถอนหายใจออกมานิดๆ
“ ถ้ากูไม่โอเค กูหักหน้ามึงต่อหน้าป๊ากูไปแล้วไอเดล “ ป่านบอกเพื่อนยิ้มๆ เดลเองก็ยิ้มออกมาเมื่อได้ฟัง
“ งั้นกูก็สบายใจแล้ว ว่าถ้ากูเดินหน้าจีบพ่อมึง กูก็จะจีบโดยที่ไม่มีลูกเลี้ยงอย่างมึงมาขัดขวางแม่เลี้ยงอย่างกู “ เดลยิ้มกว้างด้วยความสบายใจ
“ ให้มันน้อยๆหน่อยไอเดล มึงยังจีบป๊ากูไม่ติดครับ อย่ามาอวยตัวเองว่าเป็นแม่เลี้ยงกู “ ป่านผลักหน้าเดลไม่จริงจังด้วยความหมั่นไส้
“ เอาหน่า ก็ซ้อมๆไว้ก่อนไง พอถึงเวลาจริงๆจะได้พูดคล่องๆ “
“ ไปๆๆเอาเสื้อผ้าไปไว้ในตู้กูได้ละ จะได้ลงไปกินนข้าวกับป๊ากู “ ป่านบอก เดลพยักหน้าพร้อมกับหยิบกระเป๋าตัวเองไปวางไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าของเพื่อนแล้วเปิดออกเพื่อที่จะเอาเสื้อผ้าของตัวเองออกมา
“ ปะ เสร็จละ “ เดลหันไปบอกเพื่อนตัวเอง
เมื่อทั้งสองคนพากันเดินมาข้างล่างก็พบกับพ่อของป่านกำลังนั่งจิบกาแฟพร้อมกับดูอะไรบางอย่างในแท็บเล็ต
“ ป๊าทำอะไรอยู่หรอครับ “ ป่านเอ่ยทักผู้เป็นพ่อ พร้อมกับเดินมานั่งข้างๆ เดลเองก็
“ อ่อ ป๊ากำลังดูหุ้นอยู่ครับ เรากับเพื่อนหิวกันรึยังละ “ เขาหันไปตอบลูกชายยิ้มๆ
“ เดลหิวแล้วครับคุณอา “ เสียงของเดลแทรกขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งตรงข้ามกับเพื่อน ป่านได้แต่ถอนหายใจให้กับการเอาหน้าของเพื่อนสนิท
“ แล้วเดลอยากจะทานอะไรดีละ อาจะได้สั่งให้แม่ครัวทำให้ “ เขาหันไปพูดกับเพื่อนลูกชายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ ตามใจคุณอาเลยครับ เดลทานอะไรก็ได้ “ เดลท้าวคางมองพ่อของเพื่อนด้วยรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มนี้ที่เพื่อนของลูกชายมอบให้เขามันก็ทำให้พิธารู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
“ หึหึ งั้น..อาสั่งสเต็กให้นะแต่อาไม่รู้ว่าเดลชอบหรือเปล่า “ พิธาเอ่ยถามเพื่อนของลูกชายยิ้มๆ
“ ชอบครับ..ชอบมาก คุณอาสั่งอะไรมาให้เดลทาน เดลก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ “ เขาพูดพร้อมแฝงความนัยบางอย่างส่งไปให้อีกฝ่ายได้รู้ ซึ่งแน่นอนว่าพิธาเองก็รับรู้ในสิ่งที่เดลสื่อไปให้เขา
“ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวอาสั่งให้นะ ป่านทานด้วยมั้ยลูก หรือว่าจะทานข้าวผัดของโปรดของลูกดี “ พิธาหันไปถามลูกชายที่นั่งอยู่อีกทางด้านนึงด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น พร้อมกับลูบหัวเล็กของลูกชายด้วยความอ่อนโยน
“ เอาข้าวผัดเหมือนเดิมก็ได้ครับป๊า “ ป่านตอบผู้เป็นพ่อยิ้มๆ
เดลที่เห็นพ่อกับลูกยิ้มให้แก่กันก็เกิดความรู้สึกน้อยใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไรนัก เพราะพ่อของเขาก็ทำแบบที่พิธาทำกับป่านเหมือนกัน
“ งั้นป่านทานข้าวผัด ส่วนเดลก็ทานสเต็กนะ “ เขาถามย้ำกับเด็กทั้งสองคน ทั้งคู่ก็พยักหน้าให้กับพิธายิ้มๆ
“ งั้นเดี๋ยวป๊ามานะครับ “ พูดจบเขาก็ลุกขึ้นไนปทางห้องครัวเพื่อไปบอกแม่บ้านที่กำลังเตรียมทำอาหารอยู่ทางด้านในว่าให้เปลี่ยนเมนู ภายในโต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงแค่เพื่อนสนิททั้งสองคนนั่งอยู่เพียงเท่านั้น
“ มึงออกอาการชัดไปนะไอเดล ระวังป๊ากูดูออกนะมึง “ ป่านเอ่ยเตือน แต่แทนที่เดลจะสลดหรือกลัว เขากลับยิ้มกว้างกลับไปให้เพื่อนสนิท
“ นี่แหละที่กูต้องการ กูไม่ชอบรอหยอดในตอนที่เหยื่อไม่รู้ตัว กูชอบบอกเหยื่อออกไปตรงๆเลยมากกว่า “ เดลยักคิ้วใส่ป่านอย่างกวนๆ
“ ระวังป่านกูไล่กระทืบนะมึง “ ป่านถลึงตาใส่เพื่อนนิดๆ
“ พ่อมึงอ่อนโยนจะตาย ไม่มีทางไล่กระทืบกูหรอก แล้วอีกอย่างนะไอป่าน..มึงจะให้พ่อมึงไล่กระทืบกูงั้นสิ “ เดลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ จิ๊! มึงเนี้ยนะ เตือนห่าอะไรไม่เคยฟัง “ ป่านถอนหายใจออกมาหนักๆเมื่อเพื่อนสนิทดูดื้อกว่าที่เขาคิด
“ กูมีมึงเป็นเกาะกำบังทั้งคน กูจะกลัวอะไรละจริงมั้ย “ เดลพูดกับเพื่อนสนิทยิ้มๆ
“ กูละเบื่อมึงจริงๆไอเดล “ ป่านกรอกตามองบนด้วยความเอือมละอา เดลลุกขึ้นแล้วมากอดเอวป่านอย่างออดอ้อน
“ แต่กูรักมึงน้าาาาเพื่อนรักของกู “ พูดจบเขาก็ก้มลงไปหอมแก้มเพื่อนสนิททันที ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เดลจะมากอดเขาแบบนี้ เพราะนิสัยของเดลนั้นก็เป็นคนที่ขี้อ้อนอยู่แล้ว และก็ชอบอ้อนเขาอยู่บ่อยๆในตอนที่อยู่มหาลัย
“ ทำอะไรกันเด็กๆ “ เสียงของพิธาดังขึ้นทางด้านหลังของทั้งสองคน ทำให้เดลผละออกห่างจากป่านทันทีแล้วหันไปมองทางด้านหลังด้วยความตกใจ
“ เอ่อ..คุณอามาเมื่อไหร่ครับ “ เดลหันไปถามด้วยความตกใจ พิธาเดินมาหาทั้งคู่พร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง
“ มาตอนที่เห็นเราสองคนกำลังกอดกันนั่นแหละ “ เขาเอ่ยขึ้นยิ้มๆ เดลและป่านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเพราะพวกเขากลัวว่าพ่อของป่านจะมาได้ยินในสิ่งที่เดลพูดในตอนแรก
“ ดูรักกันดีนะ “ พิธาพูดขึ้นยิ้มๆ เดลและป่านหันมองหน้ากันทันที
“ เอ่อ… มันก็เป็นแบบนี้แหละป๊า ปกติตอนอยู่ที่มอนะมันชอบเข้ามากอดป่านอยู่เรื่อยเลย “ ป่านพูดกับพ่อตัวเองยิ้มๆ พิธาหันไปมองเพื่อนของลูกชายที่ค่อยๆเดินไปนั่งที่ของตัวเอง
“ จริงหรอ “ เขาถามด้วยรอยยิ้ม เดลส่งยิ้มแห้งๆให้กับพ่อของเพื่อน
“ ก็..ครับ “
“ วันหลังก็มากอดอาก็ได้นะถ้าเจ้าป่านไม่อยู่ เราจะได้รู้อบอุ่นแล้วก็..ปลอดภัย “ พิธาพูดเสียงนุ่มพร้อมกับมองเดลด้วยแววตาที่อบอุ่น
เดลและป่านนิ่งอึ้งเมื่อได้ยิน
“ คะ..ครับ “ เดลกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย พิธายกยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ หนูเดล หนูป่าน ได้แล้วค่ะ “ หญิงสาวร่างท้วมคนนึงเดินมาพร้อมกับเด็กสาวสองคนที่ถือจานมาให้กับเจ้านายน้อยทั้งสอง
“ เอ่อ..คุณพิธาคะ ป้าลืมแนะนำตัวไป นังสองคนนี้เป็นหลานของป้าเองนะคะ ชื่อรินกับแก้วค่ะ “ เธอเอ่ยแนะนำหลานสาวทั้งสองคน ส่วนรินและแก้วนั้นก็เงยหน้ามองเจ้านายของเธอด้วยแววตาที่เบิกกว้าง เพราะความหล่อของพิธานั้นเข้าตาพวกเธออย่างแรง
เดลและป่านมองหน้ากันแล้วสื่อสารผ่านสายตา เดลหันไปมองทั้งสองแล้วหันไปมองป่านพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ว่าเพื่อนของเขาเห็นเหมือนที่เขาเห็นหรือเปล่า เพราะสายตาของเด็กสาวทั้งสองไม่ได้ปิดบังเลยสักนิดว่าสนใจในตัวของพิธาอยู่ ซึ่งป่านเองก็พยักหน้าให้กับเพื่อนสนิท เพราะเขาเองก็เห็นเหมือนกัน เดลจึงขมวดคิ้วแล้วจ้องมองป่านเขม็งเพื่อถามว่าจะเอายังไงต่อไป ป่านนิ่งไปนิดพร้อมกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยิบโทรศัพท์เพื่อพิมพ์บอกอะไรกับเพื่อนสนิท
สายป่าน อยู่ไหน “ ไอเดล มึงต้องขัดขวางเวลาที่สองคนนี้เข้ามาใกล้กับป๊ากูนะเว้ย ไม่งั้นกูไม่ยกป๊ากูให้มึงแน่ “
เดลต้าที่หน้าสวยๆ “ กูก็ไม่คิดจะปล่อยให้ยัยสองคนนี้ให้อยู่ใกล้พ่อมึงอยู่แล้วมั้ยละ ยังไงพ่อมึงก็ต้องเป็นของกู “
สายป่าน อยู่ไหน“ อย่ามั่นมาก กูมองก็รู้ว่ายัยสองคนนี้มันเด็กกว่าเรา เพราะฉะนั้นมึงห้ามประมาท “
เดลต้าที่หน้าสวยๆ “ มึงเองก็ต้องช่วยกูด้วย กูไม่อยากแสดงสันดานกูจริงๆออกมา เดี๋ยวพ่อมึงรับกูไม่ได้ “
สายป่าน อยู่ไหน“ แล้วมึงคิดว่ามึงจะปิดนิสัยตัวเองได้นานแค่ไหน ปล่อยๆไปเถอะไอนิสัยร้ายๆแรงๆของมึงเนี้ย เก็บไว้ไม่อกแตกตายรึไงมึง “
เดลต้าที่หน้าสวยๆ “ เออแม่ง กูเอานิสัยกูออกมาก็ได้วะ อย่ามาขวางกูแล้วกัน “
สายป่าน อยู่ไหน“ กูสายซัพพอร์ทอยู่แล้วนะ เผื่อมึงลืม
เมื่อทั้งคู่พิมพ์จบก็เงยหน้ามองกันพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างร้ายๆ
“ หนูขอฝากเนื้อ ฝากตัวให้คุณท่านดูแลด้วยนะคะ “ รินเอ่ยอย่างมีจริต ส่วนแก้วนั้นเธอก็เดินเข้าไปใกล้กับพิธาพร้อมกับยกมือไหว้ไปที่ไหล่ของพิธา จนพิธาต้องรับยกมือขึ้นมารองมือของหญิงสาวเพื่อไม่ให้ไหว้เขา
“ หนูเองก็ต้องขอฝากตัวกับคุณท่านด้วยอีกคนนะคะ “ แก้วช้อนตามองพิธาพร้อมกับสื่อผ่านสายตาว่าเธอนั้นต้องการชายหนุ่มมากแค่ไหน
“ ฝากตัวพอได้นะครับน้องแก้วน้องริน แต่ฝากอย่างอื่น..พี่ว่ามันคงไม่เหมาะเท่าไหร่หรอกมั้งครับ “ เดลยกยิ้มมุมปากนิดๆ ป่านเองก็กอดอกแล้วมองหน้าหญิงสาวทั้งสองนิ่งๆ
รินและแก้วจ้องมองเดลเขม็งโดยไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ คุณคะ ผู้ชายคนนี้ใครหรอคะ “ แก้วกะพริบตาถามพิธาเสียงหวานจนป่านและเดลต่างก็แอบแบะปากด้วยความหมั่นไส้
“ เพื่อนของลูกชายคุณพิธาน่ะครับ ไม่ทราบคุณแก้วกับคุณริน มีอะไรกับผมรึเปล่าครับ “ เดลมองหญิงสาวทั้งสองอย่างหาเรื่องพร้อมกับกอดอกมองหน้าหญิงสาวทั้งสองเขม็ง
“ ยัยแก้วยัยริน มานี่ “ หญิงชรารีบบอกหลานสาวของเธอให้มายืนข้างๆ เพราะเธอเองก็รู้นิสัยของเดลและป่านดีว่าร้ายมากแค่ไหน ซึ่งเธอนั้นก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไรเด็กทั้งสองเลย กลับกันเธอดันรู้สึกเอ็นดูหนุ่มน้อยทั้งสองมากเสียด้วยซ้ำ
แก้วและรินถอยมายืนข้างๆป้าของเธอตามที่ป้าเธอบอก เดลแบะปากด้วยความสะใจพร้อมกับหันมาทางป่าน ทั้งคู่ยักคิ้วใส่กันนิดๆ
“ เอาละ ทานกันเลยดีกว่านะ “ พิธาเอ่ยขึ้นเสียงนุ่มพร้อมกับมองทั้งสองคนสลับไปมา
“ ครับคุณอา “ เดลยิ้มหวานให้กับร่างสูง โดยที่สายตาของเขาได้เผื่อแผ่ไปยังหญิงสาวทั้งสองด้วย แต่ไม่ใช่สายตาที่ดีเท่าไหร่นัก เพราะมันคือสายตาแห่งการประกาศสงคราม..
“ เอ่อป๊าครับ ป๊าจะมาอยู่ที่นี่กี่วันหรอ “ ป่านเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ
“ สักสามเดือนนั่นแหละ พอดูงานที่นี่เสร็จป๊าก็ต้องกลับไปมาเลเซียต่อ “ พิธาตอบลูกชายยิ้มๆ เดลชะงักเมื่อได้ยิน
“ ต้องกลับไปเลยหรอครับ “ เขาแทรกขึ้นด้วยความรู้สึกใจหายเล็กน้อย พิธาหันมองไปทางเดลเล็กน้อย
“ ใช่ อาจะต้องไปดูบริษัทที่นั่นต่อ “
“ ไม่กลับไม่ได้หรอครับ “ เดลพูดขึ้นอีก ป่านเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะกลัวว่าพ่อของตัวเองจะรำคาญ แต่พิธาไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อยกลับกัน เขายังยิ้มให้กับความช่างพูดของเพื่อนลูกชายตัวเองด้วยซ้ำ
“ ทำไมละ อยากอยู่กับอางั้นหรอ “ พูดจบพิธาก็ลูบหัวเล็กด้วยความอ่อนโยน เดลมองหน้าร่างสูงด้วยแววตาอ้อนวอนโดยที่เจ้าของสายตานั้นก็ไม่ได้รู้ตัวว่ากำลังทำสายตาแบบไหนอยู่
“ อีกตั้งนานนะ อายังไม่รีบไปหรอก ไม่ต้องคิดมากละ ทานข้าวได้แล้วเดี๋ยวมันจะเย็นหมด “ เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น
เดลกินข้าวพร้อมกับมองใบหน้าของป่านนิ่งๆ เพราะการที่พิธามีกำหนดที่จะต้องกลับไป มันจึงทำให้เขาต้องรีบเร่งทำคะแนนให้ไวที่สุด