OMG 03 หาย
หลังจากที่ตกลงกับเพื่อนเรียบร้อย ผมก็กลับออกมาเลย ไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนั้น
ให้ผมไปสอนคนงั้นเหรอ ถึงผมจะเรียนเก่ง แต่ใช่ว่าจะอยากเป็นอาจารย์ไหมวะ เซ็งครับ พูดได้คำเดียวว่าเซ็ง ผมขับรถมาเรื่อย ๆ ด้วยความเบื่อ แล้วรถก็จอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ เมื่อก่อนบ้านหลังนี้มีแต่ความอึมครึม เจ้าของบ้านเป็นคนน่ากลัว แต่ว่าเดี๋ยวนี้ดูอบอุ่นน่าอยู่มากเลยล่ะ
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง
“เห่าอะไรไอ้ทิ เดี๋ยวมึงจะโดน” ผมถามไอ้หมาหน้ามึนของเจ้าของบ้านที่เดี๋ยวนี้ไอ้หน้ามึนมันได้เลื่อนขั้นเป็นลูกรักไปแล้ว มันนอนอยู่บนโซฟา จ้องหน้าผมก่อนจะเมินไปทางอื่น
“อาเรซขู่พี่ทิทำไม” อาทิตย์ลูกชายของเฮียทิวเดินมาหาผม เด็กน้อยวัยเจ็ดแปดขวบเดินมาหยุดยืนมองหน้าผมด้วยหน้าตาไม่พอใจที่ผมต่อว่าหมากะทิ
“อาไม่ได้ขู่ อาแค่พูดกับมัน ป๊าทิวอยู่ไหม”
“อยู่ครับ ในห้องทำงาน” อาทิตย์เป็นเด็กพูดพูดจาฉะฉาน ผมวางมือที่ศีรษะของน้องอาทิตย์ด้วยความเอ็นดู เจ้าเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาถามผมอีกครั้ง “อาเรซไม่ได้ขู่พี่ทิจริง ๆ ใช่ไหมครับ”
“ไม่ได้ขู่ครับ ใครจะกล้าขู่ลูกรักของป๊าทิว งั้นอาไปหาป๊าทิวก่อนนะครับ”
“ครับ” น้องอาทิตย์เดินไปนั่งดูทีวีข้างกะทิลูกรักของเฮียทิว ผมจึงเดินมาที่ห้องทำงาน ห้องที่เมื่อก่อนผมมาบ่อยมากบางทีก็นอนค้างที่นี่เป็นเดือน ๆ แต่เดี๋ยวนี้นาน ๆ จะเข้ามาทีเพราะเกรงใจพี่สะใภ้แล้วน้องอาทิตย์น้องตะวัน
ต่อให้ยึดมั่นและเคารพรักมากแค่ไหน แต่ถ้าเสาที่เรายึดมีครอบครัว เราก็ควรปล่อยและเดินออกมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ติ๊ด เสียงประตูเปิดผมเดินเข้ามาในห้องทำงาน ผู้ชายอายุเข้าเลขสี่แต่ใบหน้าดูเด็กกว่าอายุมากกำลังนั่งหลังพิงพนักเก้าอี้ ขายกพาดขึ้นมาบนโต๊ะ สายตามองจ้องมาที่ผม
“หวัดดีเฮีย” ผมเป็นฝ่ายเอ่ยทักก่อนเพราะว่าเฮียมองหน้าผมนิ่งมาก จากที่ผมคลุกคลีกับเฮียมาตั้งแต่เด็ก ๆ อาการแบบนี้คือไม่พอใจผมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
“ทำไมไม่กลับไปหาอาโรสบ้าง” อืม เรื่องนี้สินะ
“พ่อบอกเฮีย?”
“ก็ลูกชายคนเดียวอาเนมก็ต้องห่วงสิ ตอนนี้เรซทำอะไรอยู่รู้ตัวบ้างไหม” เฮียทิวกำลังพูดอย่างใจเย็น
“ทำอะไรเฮีย” ผมเดินมานั่งเก้าอี้ข้างโต๊ะทำงานของเฮียทิว รู้สึกว่าวันนี้จะมาผิดที่ซะแล้วสิ
“เฮียผิดเองที่ให้ท้ายเรซแบบนี้ ส่งเสริมเรซแบบผิด ๆ เลี้ยงเรซให้เป็นแบบนี้” เฮียมาสำนึกผิดอะไรว้า เรซไม่เข้าใจ
“...”
“เลิกอาชีพขายตัวซะ” ผมมองหน้าเฮียทิวทันที เรื่องนี้เฮียทิวไม่รู้ ไม่เคยระแคะระคาย คิดแค่ว่าผมเจ้าชู้และไอ้นาฟก็ไม่เคยบอกหรือพูดเรื่องนี้ แต่ถ้าเฮียทิวอยากจะรู้ขึ้นมามันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้ เพราะสำหรับเฮียทิวทุกเรื่องที่เฮียอยากรู้คือเรื่องง่ายเสมอ ไม่มีอะไรเกินความสามารถเฮีย
“...”
“เฮียมองเรซเป็นน้องคนหนึ่งมาตั้งแต่เรซเกิด เฮียรับไม่ได้ถ้าน้องชายของเฮียจะขายร่างกายตัวเอง”
“...” ผมรู้ เพราะเฮียเป็นคนหวงร่างกาย
“ถ้าเรซขาดเงิน มาเอาที่เฮีย” เฮียก็ใจดีกับผมตลอด ไม่เคยมองว่าผมโตแล้ว
“เรซโตแล้ว จะให้มาขอเฮียตลอดได้ไง”
“แต่เฮียไม่ได้อยากให้เรซทำแบบนี้ หุ้นที่เฮียแบ่งให้กับงานที่เฮียให้เรซทำมันไม่พอใช้เหรอ ทำไมเรซทำแบบนั้น”
“ไม่ใช่เพราะเงิน เรซทำเพราะอยากทำ” ผมไม่ได้ร้อนเงิน ไม่ได้ขาดเงิน ที่เฮียทิวให้มาน่ะผมใช้ไม่มีวันหมดอยู่แล้ว
เฮียทิวมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม ซึ่งผมก็ไม่ได้หลบตาเฮีย “เรื่องนั้น?”
“...” แล้วเฮียก็พูดถึงบางเรื่อง เรื่องที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของผม
“ถ้าเป็นเรื่องนั้น เฮียก็เข้าใจว่าเรซเจ็บแค่ไหน แต่สักวันเรซก็ต้องมีครอบครัว อย่าให้อดีตมาทำลายปัจจุบันและอนาคตดิเรซ ที่เฮียพูดเนี่ยเพราะเป็นห่วง”
“นี่พ่อมาปรับทุกข์กับเฮียเยอะเลยใช่ไหม เฮียถึงได้ขรึมใส่เรซแบบนี้”
“อาเนมยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เรซเหลวแหลกแบบนี้ เฮียรู้ดีว่าเรื่องนั้นมันเป็นความลับ เฮียถึงทำเป็นไม่รู้เวลาที่อาเนมถามตลอด”
“...” ถ้าพ่อรู้คงได้อกแตกตาย ไม่รู้น่ะดีแล้ว
“เฮียอยากให้เรซลืมเรื่องนั้นไปซะ มันเป็นสิบปีแล้วเรซ ปล่อยให้ความลับมันตายไปซะ”
“เรซไม่ได้อยากจำ แต่มันไม่เคยลืม”
“ผู้หญิงคนนั้นพร้อมจะเริ่มใหม่กับผู้ชายคนอื่นเสมอ แล้วทำไมเรซถึงไม่เริ่มใหม่บ้าง ทำตัวจมอยู่กับอดีต คอยตามไปขู่ฆ่าผู้ชายคนนั้นทีคนนี้ที เรซไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”
“...” เฮียก็เคยทำไหมวะ ทำลืมไปได้ เมื่อก่อนเฮียบ้าจะตายชัก ใครสบตาหน่อยเชือดทิ้งไม่มีเหลือ
“ถ้ามันใช่ มันใช่ไปนานแล้วเรซ ไม่ต้องมารอเป็นสิบปีแบบนี้ เฮียขอนะ พอเถอะ เลิกทำร้ายตัวเอง”
“...” ผมนั่งเงียบ ปล่อยให้เฮียทิวพูดไปครับ เถียงในใจก็พอ คนพูดอะง่าย แต่คนทำอย่างผมมันช่างยากเย็น
ตริ๊ง ผมล้วงสมาร์ทโฟนขึ้นมาดู
(โมเสก: โอกาสเหมาะแล้วครับพี่)
(เรซ: ส่งโลมา)
ผมพิมพ์กลับไปพร้อมลุกขึ้นยืน “กลับก่อนนะเฮีย เอาไว้ว่างจะแวะเข้ามาหาใหม่ ส่วนเรื่องงานเฮียให้คนของเฮียสั่งมาได้เลย เรซพร้อมตลอด” ผมทำหูทวนลมกับเรื่องที่เฮียทิวพูดมาทั้งหมด
ผมกำลังจะเอื้อมมือเปิดประตู เสียงของเฮียทิวทำให้ผมหยุดชะงัก “ถ้าเรซยังทำร้ายตัวเองอยู่แบบนี้ บางทีเฮียอาจจะต้องทำให้ต้นเหตุของเรื่องหายไปซะ”
หาย ในความหมายของเฮียทิวเท่ากับเก็บกวาดลมหายใจคนคนนั้น
ผมตอบกลับไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าเฮีย “เรซทำอยู่ทุกวันนี้เพราะเกลียดและแค้น ความรักเป็นแบบไหน เรซไม่เคยรู้จัก”
ทิ้งท้ายไว้แบบนั้น แล้วผมเดินออกมาจากห้อง ระหว่างทางเดินได้สวนทางกับพี่สะใภ้ “อ้าวเรซ จะกลับแล้วเหรอ กำลังจะเอาขนมไปให้เลย”
“มีธุระครับ” ผมบอกพร้อมกับหยิบคุกกี้ในถาดขึ้นมากินหนึ่งชิ้น “อร่อยเหมือนเดิมครับ เอาไว้เรซว่างจะแวะเข้ากินอีกนะครับ”
“จ้ะ ๆ เดินทางปลอดภัยน้า” เธอร่ำลาด้วยรอยยิ้ม ผมจึงเดินต่อ เธอเป็นรักแรกของเฮียทิว เป็นเมียคนแรก และเมียคนเดียวของเฮียด้วย เฮียทิวที่โรคจิตคนนั้นหายไปครึ่งหนึ่งหลังจากที่แต่งงานมีลูก แต่ก็ใช่ว่าเฮียจะเป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์
ไม่มีใครสีขาวล้วนหรอกครับ ทุกคนมีหลากหลายสี ซึ่งตัวผมกำลังจะกลายเป็นสีดำในอีกไม่นาน เพราะสีบนตัวผมมันมากเกินไปจนใกล้จะหลอมรวมเป็นสีดำสีเดียว
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง ไอ้ลูกรักของเฮียทิวเห่าทักผมอีกแล้ว อาทิตย์ลูกเฮียทิวหายไปไหนแล้วไม่รู้ เห็นแต่ไอ้ลูกรักที่นอนบนโซฟาเหมือนเดิม
“กลับแล้วไอ้ทิ ดูแลบ้านดี ๆ อะ” พูดกับมันครับ เพราะเวลาผมมาผมพูดกับมันตลอด มันก็ไม่ค่อยอะไรกับผมเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับไอ้นาฟที่พร้อมจะไล่งับกัน
โฮ่ง! เห่ามาหนึ่งทีแล้วเมินหน้าหนีผม มันก็ค่อนข้างติสเหมือนเจ้าของมันอะครับ เป็นหมาฉลาด หมารู้งาน เฮียทิวที่เกลียดอะไรพวกนี้ถึงได้หลงรักหนักหนา
ผมขับรถออกมาจากบ้านของเฮียทิวด้วยความเร็วเมื่อได้โลเคชั่นตามที่ได้บอกเอาไว้ เป็นสถานที่ที่ใกล้กับสถานที่อีกแห่งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็ได้ไปเหยียบ ถือว่าไปขับรถเชยชมเอาไว้ก่อนแล้วกัน