บทที่ 10
กุมารแพทย์หนุ่มไม่ชอบอารมณ์ของตัวเองในตอนนี้นัก ปกติเขาใจเย็นเสมอ เด็ก ๆ ที่เข้ารับการรักษารวมถึงผู้ปกครองยืนยันเรื่องนั้นได้ แต่พอเห็นหน้าสวย ๆ ของสาวน้อยเอรินทร์อีกครั้ง ร่างกายของเขากลับเกิดปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรง อยากจะเอาชนะ ต้องการกักขังเธอไว้บนเตียง สานต่อเรื่องราวเมื่อสามปีก่อนให้สมบูรณ์
แค่ได้ยินเสียงหวาน ๆ ของเอรินทร์ เขาก็อยากกอดเธอจนแทบคลั่ง แต่ในเมื่อมันยังไม่ถึงเวลา อาหมอใจดีอย่างเขาก็ต้องหาทางเบี่ยงเบนความต้องการของตัวเองไปก่อน
เขาเสียงดังใส่เธอเพื่อข่มความปรารถนา ก่อนจะหนีกลับเข้าบ้านและอาบน้ำเย็นจัดเนิ่นนาน จนบังคับทุกอย่างให้สงบลงได้ในที่สุด
ก๊อก ก๊อก
“อาหมอคะ น้องรินทร์… รินทร์ไม่มีชุดนอนค่ะ” สาวน้อยยืนอยู่หน้าห้องนอนของเขา เธอยังไม่ยอมสบตา คงอายที่เห็นว่าอาหมอสวมกางเกงขายาวแค่ตัวเดียว
“หยิบเสื้อผ้าในตู้ตามสบาย แล้วไอ้ที่สวมอยู่นั่นก็ถอดใส่ตะกร้าไว้หน่อยแล้วกัน อาจะได้เอาไปซักให้ วันพรุ่งนี้จะได้มีใส่กลับบ้าน” เอรินทร์สวมชุดกระโปรงสั้นเหนือเข่าสีครีม เดาว่าคงเปลี่ยนก่อนที่พนักงานจะมาขนของกลับบ้านใจกลางเมืองกรุงเทพฯ
“รินทร์ซักเองก็ได้ค่ะ รินทร์ไม่อยากรบกวนคุณอา”
“แค่โยนเสื้อผ้าลงถังน่ะไม่เป็นไรหรอกนะ แต่เรื่องที่ทำให้อาต้องนั่งแท็กซี่ไปรับเรากลับ แถมยังพูดไม่เพราะใส่กัน อาว่ารินทร์น่าจะเก็บไปคิดหน่อยนะว่าทำถูกหรือเปล่า”
“รินทร์ขอโทษค่ะ”
“อย่าขอโทษแต่ปาก ไปคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูด รินทร์รีบเข้าไปอาบน้ำเถอะนะ อาจะได้พักจริง ๆ สักที” กองทัพขอตัวไปเตรียมอะไรง่าย ๆ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะหิว ส่วนเขานั้นดื่มนมอุ่น ๆ บวกกับขนมปังอีกชิ้นก็พอแล้ว
หลังจากหุงข้าวเรียบร้อย กองทัพก็ค้นของในตู้เย็นอยู่พักใหญ่ สรุปว่าคงทำอะไรไม่ได้มากเพราะในบ้านมีแค่ข้าวที่กำลังจะสุกกับไข่ไก่อีกสองฟองเท่านั้น
ข้าวต้มคือทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ เพราะเอรินทร์ยังไม่ควรจะกินอะไรหนัก ๆ เขาต้มน้ำจนเดือด ปรุงรสชาติตามมีตามเกิดด้วยของที่อยู่ในครัว พอนึกได้ว่าต้องโยนเสื้อผ้าของเอรินทร์เข้าเครื่อง เขาก็รีบปิดเตาและกลับขึ้นไปบนห้องทันที
แต่แค่เสี้ยววินาทีแรกที่เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง กองทัพก็ถึงกับต้องกลั้นหายใจ ยัยตัวแสบของเขาอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมยาวสลวยเปียกชุ่มจนน้ำหยดเป็นทาง ดวงหน้าสวยเก๋ของเธอดูสดชื่นต่างจากเมื่อยี่สิบนาทีที่ผ่านมามาก ราวกับว่าไม่ใช่คนเดียวกัน
หากเป็นสถานการณ์ปกติเขาคงโกรธที่เธอทำพื้นเปียก ทว่าตอนนี้เอรินทร์นุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนโต มองดูแล้วคงกำลังหาเสื้อผ้าสำหรับใส่นอน ไม่ได้รู้เลยว่ามีคนกำลังยืนมองอยู่ข้างหลัง
เธอโน้มตัวลงต่ำเพื่อหาของที่ต้องการ ทำให้มองเห็นต้นขาน่าสัมผัสสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั่นทำให้คนที่กำลังจะสติแตกต้องรีบส่งเสียงร้องเตือนก่อนที่จะได้เห็นอะไรดี ๆ
“รินทร์ แต่งตัวเสร็จก็ลงไปกินข้าวต้มซะนะ” เขาพูดราวกับไม่ได้มีเรื่องผิดแปลกอะไรเกิดขึ้น พาสองขาตรงไปหยิบตะกร้าเสื้อผ้าที่เธอถอดทุกอย่างไว้ตามสั่ง… รวมถึงชุดชั้นในครบเซตด้วย
ยัยตัวแสบตั้งใจยั่วกันหรือเปล่านะ…
เอรินทร์ประหม่าจนต้องกลั้นหายใจ เธอกุมผ้าเช็ดตัวไว้แน่นขณะยืนมองอาหมอที่เข้าไปในห้องน้ำครู่เดียวก็ถือตะกร้าหวายใบโตออกมา แต่แทนที่เขาจะรีบไปพ้น ๆ กลับยังยืนจ้องมองราวกับไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
“จำไม่ได้ว่าทำไว้เยอะขนาดนี้…” อาหมอคงหมายถึงรอยแดง ๆ ที่แต้มไว้จนทั่วเพื่อลงโทษเธอให้หลาบจำ เข็ดขยาดจนไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเครื่องดื่มหรือของมึนเมาอะไรอีก
“อาหมอออกไปก่อนได้ไหมคะ รินทร์ยังแต่งตัวไม่เสร็จ”
“ไปเช็ดผมรอนะ อาจะหยิบเสื้อผ้าให้” อาหมอไม่เคยฟังกันเลยจริง ๆ
เอรินทร์หัวใจเต้นโครมคราม เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้และค่อย ๆ ซับผมตัวเองให้แห้ง ไม่กล้าสบสายตาคนที่กำลังหยิบเสื้อผ้าในตู้ แค่ชั่วอึดใจเดียวอาหมอก็วางเสื้อตัวใหญ่สีขาวและกางเกงขาสั้นแบบผูกเชือกลงบนเตียงกว้าง แต่แทนที่จะให้เวลาส่วนตัวกับเธอ เขากลับเดินอ้อยอิ่งเข้ามาใกล้และใช้มือหนาดึงผ้าขนหนูผืนเล็กไปจากมือ
อาหมอเช็ดผมให้เธอ…
