บท
ตั้งค่า

Neighbor 05

“ขวัญ คือพี่ไม่ได้..”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจใช่มั้ยคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ขวัญเข้าใจ”

ฉันรู้ว่าพี่คินจะพูดว่าไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปอย่างงั้น ที่เขาพูดคงเพราะแค่ไม่อยากให้ฉันเจอเหตุการณ์อันตรายแค่นั้นเอง เขาก็แค่เป็นห่วงฉันที่เป็นเพื่อนกับน้องสาวของเขาก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมากนักหรอก

“ขวัญพี่..”

“พี่คินไม่ต้องขอโทษขวัญหรอกค่ะ ขวัญไม่ได้คิดมาก”

ฉันสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่อีกครั้ง พยายามเรียกความเข้มแข็งของตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม จะมาน้ำตาคลอไม่ได้นะยัยขวัญ!

“โถ่เว้ย! ฟังพี่หน่อยสิ”

พี่คินสบถออกมาเสียงเข้มต่ำดุดันจนฉันสะดุ้งตกใจ ฉันไม่เคยเห็นเขาดูหงุดหงิดมากขนาดนี้มาก่อนเลย คิ้วเขมขมวดมุ่นพร้อมกับสายตาคมดุดันจ้องมองใบหน้าของฉันอย่างหัวเสีย แต่แววตาของพี่คินกลับดูสับสนปนกังวลเรื่องอะไรบางอย่างอยู่เล็กน้อย

“พี่คินจะมาอารมณ์เสียใส่..อื้อ!”

ฉันยืนนิ่งอึ้ง เบิกตาโพรง และสมองมึนเบลอไปชั่วขณะทันทีที่ร่างสูงใหญ่ดึงตัวฉันเข้าไปประกบริมฝีปากโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว พี่คินกำลังจูบฉันอย่างงั้นเหรอ?! นี่เขาหงุดหงิดจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไงกันน่ะ!

“ทำไมถึงไม่ฟังพี่”

พี่คินถอนจูบออกแล้วนิ้วเรียวยาวก็จับปลายคางของฉันให้เงยใบหน้าขึ้นไปสบกับสายตาคมของเขาอย่างแผ่วเบา ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบเอวบางไว้แน่น นี่มันอะไรกัน พี่คินเป็นอะไรของเขา ฉันมึนเบลอจนทำตัวไม่ถูกไปหมดแล้วนะ

“พะ..พี่คิน”

ฉันพูดตะกุกตะกัก เสียงกลืนหายเข้าไปในลำคอจนแทบไม่ได้ยิน ใบหน้าก็รู้สึกร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้ ฉันเม้มริมฝีปากเอาไว้เล็กน้อย เพราะยังรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นร้อนจากริมฝีปากชมพูติดคล้ำของร่างสูงใหญ่ไม่หาย…

”ทำไมถึงไม่กลับบ้านพร้อมแคท”

พี่คินยังคงสบสายตากับนิ่งฉันด้วยแววตาดุดันเช่นเคย ส่วนฉันก็เหมือนคนขาดสติไปแล้ว สมองเบลอและนึกคิดอะไรไม่ทันสักอย่าง มันยังคงมึนงงกับการกระทำของเขาไม่หาย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันนึกว่ากำลังฝันไป หรือฉันมโนไปเองหรือเปล่าเนี่ย!

“คือว่าขวัญ..”

“ถ้าพี่ไม่บังเอิญเจอเข้าจะเป็นยังไงรู้บ้างมั้ย”

เสียงทุ้มต่ำอ่อนลง พี่คินคลายอ้อมแขนออกจากเอวบางของฉัน แล้วร่างสุงใหญ่ก็ยืนพิงรถหรูของเขาพร้อมกับจ้องใบหน้าของฉันนิ่ง จนฉันต้องรีบหลบสายตาคมดุดันที่ทันที ให้ตายสิ ตอนนี้พี่คินน่ากลัวชะมัดเลย

“ขวัญไม่เป็นไรค่ะ...”

”ไม่เป็นไรตรงไหน เมื่อกี้เกือบโดนฉุดไปแล้วรู้ตัวรึเปล่า!”

ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจทันทีที่ได้ยิน เสียงเข้มต่ำของร่างสูงใหญ่ตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน ฉันยืนนิ่งแล้วสูดหายใจเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อรวบรวมสติและเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาคมอีกครั้ง

“ขวัญ...”

ฉันยังคงไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เพราะฉันไม่เคยเห็นพี่คินเป็นแบบนี้มาก่อน เขาไม่เคยเข้ามาใกล้ชิดกับฉันมากขนาดนี้ ไม่เคยทำท่าทางเหมือนเป็นห่วงฉัน หรือไม่เคยโมโหใส่ฉันเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ทำไมพี่คินถึงได้...

”ห้ามมาที่สนามแข่งอีก มาคนเดียวยิ่งห้ามมา เข้าใจที่พี่พูดมั้ยขวัญ”

“แต่ว่า...”

”ไม่มีแต่ พี่ห้าม”

พี่คินทำเหมือนฉันเป็นเด็กที่เขาต้องคอยดุตลอดเลย ให้ตายสิ ถึงฉันจะเพิ่งไปเจอเรื่องน่ากลัวอย่างเมื่อกี้มา แต่มันก็ไม่จำเป็นถึงขั้นที่เขาจะต้องห้ามไม่ให้ฉันมาที่นี่อีกซะหน่อย ถ้าฉันอยากมาหาเพ้นท์ หรือมีธุระที่ต้องมาที่สนามแข่งก็ไม่ได้เลยหรือไงกันล่ะ เอ่อ...แต่ฉันคงไม่มีธุระอะไรกับที่นี่เท่าไหร่หรอกมั้ง ก็แค่เผื่อไว้ไง เผื่อมีธุระเฉยๆ น่ะ!

“เฮ้อ… กลับบ้านกันเถอะค่ะ ขวัญง่วงแล้ว”

ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ และได้ไม่ตอบพี่คิน จากนั้นฉันก็รีบหันหลังและจะเดินไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แต่ฝ่ามือใหญ่ก็จับข้อมือของฉันเอาไว้ซะก่อน

หมับ!

”ตอบพี่ก่อน”

ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าหล่อคมคายของพี่คิน ร่างสูงใหญ่ขมวดคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างหงุดหงิด ดวงตาคมกริบก็จ้องมาที่ฉันอย่างดุดันอย่างคาดคั้นรอฟังคำตอบจากฉัน ทำไมล่ะ...ทำไมฉันต้องตอบพี่คินด้วย ในเมื่อเขาไม่คิดจะตอบคำถามที่ฉันถามไปด้วยซ้ำ…

ฉันยืนสบสายตาคมนิ่ง ฝ่ามือใหญ่ยังคงจับข้อมือบางของฉันเอาไว้แน่น พี่คินกำลังหงุดหงิด อันนี้ฉันรู้ดีเลยล่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องหงุดหงิดฉันขนาดนี้ด้วย ฉันไม่ข้าใจจริงๆ ให้ตายเถอะ!

ฉันแอบชอบพี่คินมานานมาก นานจนฉันจำแทบไม่ได้และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าชอบเขาตั้งแต่ตอนไหน วันที่เท่าไหร่ กี่วัน หรือกี่ปี ทุกครั้งที่ฉันเห็นพี่คิน ทุกครั้งที่ฉันเห็นเขากลับมาที่บ้าน ถึงเราสองคนจะได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค หัวใจของฉันมันก็พองโตเหมือนเด็กวัยรุ่นที่มีความรักครั้งแรก มันเต้นรัวเร็วไม่เป็นจังหวะ และตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อฉันได้อยู่ใกล้พี่คิน…

แต่พอฉันเห็นว่าเขาทำกับฉันเหมือนเป็นได้แค่น้องสาวคนหนึ่ง เขาแสดงท่าทางว่าฉันคงเป็นได้แค่นี้เท่านั้น ในใจของฉันมันก็ดิ่งลงเหว มันเจ็บจริงๆ นะ ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน…

”ขวัญรับปากไม่ได้หรอกค่ะ ถึงพี่คินจะห้ามไม่ให้ขวัญมาที่นี่ก็ตาม”

“ดื้ออีกแล้วนะ”

เสียงทุ้มเข้มต่ำลง พี่คินจับข้อมือบางของฉันแรงมากขึ้นกว่าเดิมจนฉันเริ่มเจ็บ แต่ฉันก็ไม่ได้โวยวายอะไรหรอก เพราะตอนนี้ข้างในอกข้างซ้ายของฉันมันเจ็บกว่านี้อีก เหอะ!

“ขวัญไม่ได้...อ๊ะ!”

หมับ

”เด็กดื้อต้องถูกลงโทษรู้มั้ย”

“ละ… ลงโทษอะไรคะ พี่คินจะทำอะไร”

ฉันมองพี่คินหน้าตาตื่นตกใจทันทีที่ฝ่ามือใหญ่ดึงฉันเข้าไปใกล้เขามากขึ้น และตกใจได้ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็โน้มใบหน้าหล่อคมคายลงมาอีกครั้งโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันถอยหลังหนีจนแผ่นหลังชนเข้ากับข้างรถยนต์ราคาแพงของพี่คิน ก่อนที่ฉันจะต้องสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อท่อนแขนแข็งแรงกักขังร่างกายของฉันเอาไว้ไม่ให้หนีรอดไปไหนได้อีก เขาจะทำอะไรเนี่ย...

ถึงตอนนี้จะเป็นโอกาสที่ฉันจะได้อ่อยพี่คินให้ติดกับดักมารยาหญิงก็ตาม แต่พอเอาเข้าจริงใจหัวใจของฉันกลับเต้นตึกตักรุนแรง สมองมึนงงและไม่รู้จะทำตัวแบบไหนไปหมดแล้ว...

ขอโทษนะพี่เจ การอ่อยที่พี่สั่งสอนมาขวัญทำมันไม่ได้หรอก โดยเฉพาะมีพี่คินมาอยู่ใกล้ๆจนลมหายใจอุ่นร้อนของเขาสัมผัสกับผิวแก้มใสของฉันนผะแผ่วแบบนี้ ฉันยิ่งทำไม่ได้ ให้ตายสิ!

”ถ้าขวัญผลักพี่ออกได้ พี่จะไม่ห้ามเรื่องนี้อีก แต่ถ้าทำไม่ได้..”

จู่ๆ เสียงทุ้มเข้มก็เงียบไป ฉันเงยหน้าและกะพริบตาปริบๆ สบกับสายตาคมด้วยความสงสัย แล้วก็ต้องรีบก้มลงมองปลายเท้าของตัวเองทันทีที่เขายกยิ้มมุมปากขึ้นล็กน้อย ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาจนรู้สึกได้ ใกล้ชะมัด พี่คินจะใกล้ฉันเกินไปแล้วนะ!

“ถ้าทำไม่ได้...ทำไมคะ”

“หึ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ฉันกำมือบางของตัวเองเอาไว้แน่นด้วยความประหม่า แล้วทำไมสายตาคมของพี่คินถึงดูเหมือนเสือกำลังจะขย้ำเหยื่อแบบนี้กันล่ะเนี่ย ให้ตายสิ!

”พี่คินอย่าแกล้งขวัญแบบนี้นะคะ”

“พี่ไม่ได้แกล้ง”

ฉันรวบรวมความกล้ายกมือบางขึ้นไปดันแผงอกกำยำให้ออกห่างเล็กน้อย แต่ร่างสูงใหญ่กลับไม่ขยับสักนิดเดียว จากนั้นเสียงเข้มต่ำที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็ทำให้ฉันต้องรีบหันหน้าหนีไปอีกทางด้วยความรวดเร็วเมื่อปลายจมูกโด่งได้รูปเฉียดกับปลายจมูกของฉัน หัวใจฉันเต้นรัวเร็วเหมือนมีคนมาตีกลองอยู่ข้างในจนกลัวว่าพี่คินได้ยิน แถมตอนนี้ใบหน้าของฉันต้องแดงมากแน่ๆ เพราะรู้สึกร้อนๆ ที่หน้าชะมัดเลย!

“ระ... เรากลับกันเถอะค่ะ นะคะพี่คิน”

ฉันพูดเสียงอุบอิบขาดห้วง และเบาหวิวจนตัวเองยังแทบไม่ได้ยินด้วยซ้ำ บ้าจริง แล้วไหนความอ่อย ไหนมารยาที่ฉันเคยพูดไว้ว่าจะเอาออกมาอ่อยพี่คิน มันไปอยู่ตรงไหน?! ทำไมตอนนี้มีแต่ความประหม่า อายและเขินที่ถูกเขาใกล้ชิดแบบนี้เนี่ย!

”ผลักพี่ออกสิ”

“พี่คิน”

”หืม ว่าไง”

ฉันขยับเท้าถอยหลังหนีจนตัวจะสิงติดไปกับรถหรูของเขาอยู่แล้ว และเสียงทุ้มเข้มที่ดังข้างใบหูยิ่งทำให้ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวมากกว่าเดิมซะอีก หัวใจก็เต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะอย่างหน้าอาย ให้ตาย หัวใจจะวายตายอยู่แล้วนะ

”ขวัญ... อึก อื้อ”

พอฉันหันไปสบสายตาคมของร่างสูงใหญ่ เขาก็โน้มลงมาประกบริมฝีปากของฉันด้วยความรวดเร็ว ฉันเบิกตาโพรงอย่างตกใจ และเผลอยกมือบางไปกุมเสื้อยืดของพี่คินเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว…

ร่างสูงใหญ่ผละริมฝีปากออกเล็กน้อยเหมือนกำลังดูท่าทีของฉัน แล้วสักพักพอเขาเห็นว่าฉันไม่ได้ผลักไส หรือต่อต้านอะไรพี่คินก็ยกยิ้มมุมปากและโน้มลงมาจูบฉันอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ขยับจูบอย่างช่ำชอง ทำให้ฉันแอบขุ่นเคืองเขาเล็กน้อย เมื่อคิดได้ว่าเขาคงเคยจูบกับผู้หญิงอื่นมาเยอะมากแน่ๆ

แต่ไม่นานความขุ่นเคืองของฉันก็เริ่มหายไปเมื่อฝ่ามือใหญ่ที่กำลังลูบไล้ยังรอบเอวบางไปมาแผ่วเบา สัมผัสอบอุ่นของพี่คินทำให้ฉันต้องหลับตาลงแล้วเริ่มจูบตอบ ฉันค่อยๆ ขยับริมฝีปากชมพูอิ่มอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้…

และฉันต้องเบิกตาโพรงเมื่อลิ้นเปียกชื้นไล้เลียริมฝีปากล่างของฉัน แล้วทันทีที่ฉันเผยอปากออกเล็กน้อยอย่างตกใจลิ้นร้อนก็สอดแทรกเข้ามาตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กไปมาจนฉันมึนหัวไปหมด มือบางที่กำเสิ้อยืดตรงแผงอกกำยำอยู่ก็เปลี่ยนเป็นจับบ่ากว้างของพี่คินไว้แทน ก่อนที่มืออีกข้างจะเผลอยกขึ้นไปลูบไล้ตรงลำคอแกร่งไว้แน่นอย่างมึนเบลอหน่อยๆ

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมฉันมายืนจูบกับพี่คินตรงที่จอดรถของสนามแข่งเนี่ย ให้ตายสิ ถึงตรงนี้จะไม่มีคนเพราะเป็นที่จอดเฉพาะสำหรับนักแข่ง แต่มันก็น่าอายเหมือนกันนั่นแหละ โถ่ ยัยขวัญ!

”อึก...อื้อ”

“หึ รู้ยังว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ฉันดันร่างสูงใหญ่ให้ออกห่างเบาๆ เมื่อหายใจไม่ทัน พี่คินถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง โดยที่ฉันรีบหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดด้วยความรวดเร็ว เกือบขาดอากาศหายใจตาย และพอฉันเริ่มตั้งสติได้อีกครั้งก็ต้องหลบสายตาคมดุดันที่กำลังจ้องมองมาด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวไปหมด แววตาวาววับอย่างเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้ฉันได้แต่อึกอักและไม่รู้จะพูดอะไรตอบกลับไป ตอนนี้ในหัวของฉันยังคงมึนงงกับการกระทำของพี่คินอยู่เลย บ้าชะมัด พี่คินจะจูบดุเดือดเกินไปแล้วนะ!

”เอ่อ...”

“ตกลงรับปากพี่ได้มั้ยว่าจะไม่มาที่นี่อีก”

เสียงทุ้มเข้มและสายตาคมที่ดูจริงจังมากกว่าปกติของพี่คินทำให้ฉันได้แต่ยืนนิ่งเงียบ ฉันจะทำยังไงดีล่ะ จะบอกพี่คินว่ายังไงดี ถ้ารับปากเขาแล้วฉันมาที่นี่อีกล่ะ พี่คินจะทำอะไรกับฉันก็ไม่รู้ด้วยสิ ให้ตายเถอะ…

”...”

”หรือต้องให้ลงโทษแบบเมื่อกี้...”

”กะ...ก็ได้ค่ะ ขวัญไม่มาที่นี่อีกก็ได้”

ฉันกัดริมฝีปากล่างแล้วรีบตอบเขาไปทันทีที่พี่คินเริ่มขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ นี่แกเป็นบ้าเหรอยัยขวัญ ไหนบอกว่าชอบพี่คินนักหนาไงแล้วจะหนีเขาเพื่ออะไรล่ะยัยบ้า! ฉันเม้มริมฝีปากล่าง แล้วก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ บ้าจริง!

พรึบ!

”หึ ทำตัวน่ารักๆ แบบนี้ตั้งแต่ทีแรกก็จบ”

“กลับกันได้ยังคะ”

ฝ่ามือใหญ่ลูบหัวฉันไปมาสองสามที แล้วพี่คินก็ผละออกไปยืนห่างจากฉันอีกเล็กน้อย ฉันหลบสายตาคมแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา รู้สึกดีชะมัดตอนที่พี่คินจูบฉัน แต่พอเขาลูบหัวฉันไปมาแถมยังทิ้งระยะห่างแบบนี้มันก็ทำให้ไม่เข้าใจพี่คินมากกว่าเดิมซะอีก สายตาคมดุดันที่มองฉันเมื่อกี้มันเหมือนกับว่าพี่คินกำลังรู้สึกผิด หรือไม่เขาก็กำลังสับสนกับอะไรบางอย่างอยู่ และนั่นยิ่งทำให้จิตใจที่กำลังดี๊ด๊าของฉันค่อยๆ หม่นลงอีกครั้ง…

“อือ ขึ้นรถสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

@PH bar

หลังจากเหตการณ์ที่พี่คินจูบฉัน และเมื่อเขาขับรถไปส่งฉันที่บ้าน นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้วที่จูบแบบมึนงงนั่นทำให้ฉันเอาแต่คิดวกไปวนมาเหมือนเป็นบ้าอยู่คนเดียว พอจะถามเขาเรื่องจูบฉันก็คิดว่ามันคงดูจะแปลกๆ แต่พี่คินเห็นฉันเป็นแค่น้องสาวไม่ใช่หรือไง แล้วเขาจะมาจูบฉันทำไม ถ้าพี่คินคิดแบบนั้นกับฉันแล้วเราจูบกันได้ด้วยงั้นเหรอ?! โอ๊ย อยากจะบ้าโว้ย

”แกเมาป่ะเนี่ย”

พี่เจหันมาพูดกับฉันด้วยใบหน้าที่ดูสงสัยว่าฉันเป็นอะไร ถึงต้องมานั่งทึ่งหัวตัวเองพร้อมกับกระดกแก้วเบียร์ในมือเหมือนเป็นลำยองอยู่แบบนี้

“ขวัญไม่ได้เมา”

“แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นวะ“

ฉันเป็นคนโทรไปลากตัวมาให้พี่เจออกมาดื่มเป็นเพื่อนเองแหละ วันนี้เขาแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงเท่ๆ และกำลังนั่งมองหน้าฉันพร้อมกับยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่ม นี่ถ้าไม่ติดว่าพี่เจชอบผู้ชายเหมือนฉันนะ ฉันคงชอบเขาไปแล้วแน่ๆ คนอะไรหล่อดูดีไปอีก ถึงว่าผู้มาติดเยอะ เชอะ!

“พี่ว่าคนที่คิดว่าผู้หญิงคนนึงเป็นน้องสาว แล้วไปจูบคนที่คิดว่าเป็นแค่น้องสาวเนี่ย เขาคิดอะไรอยู่อะ”

ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะร่ายยาวถามพี่เจที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างหงุดหงิด พี่เจมองหน้าฉันแล้วคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงงทันที

“อะไรของแกวะขวัญ ขออีกรอบดิ๊”

“ขวัญถามว่า ถ้าคนที่เขาคิดกับเราแค่น้องสาวแล้วเขามาจูบเราเนี่ย เขาคิดอะไรอยู่” ฉันถอนหายใจออกมาแล้วกระดกแก้วเบียร์ในมือจนหมด ก่อนจะหันไปถามพี่เจที่มองมาอย่างมึนงงไม่หายอีกครั้ง

”ฉันจะไปรู้เหรอ”

“เหรอ งั้น… ถ้าแบบพี่เจจูบขวัญ พี่รู้สึกยังไงถึงต้องจูบ”

ทันทีที่ฉันพูดจบพี่เจก็ขยับถอยหนีออกห่างจากฉันด้วยความรวดเร็ว แล้วเขาก็ยกมือขึ้นไปลูบแขนตัวเองสองสามทีพร้อมกับเบ้ปากใส่ฉันเล็กน้อย

“แกเลิกถามคำถามบ้าๆนี่เถอะ ฉันขนลุกว่ะ”

“ชิ พี่ชอบผู้เหมือนขวัญนี่นะ” ฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ แล้วเทเบียร์ใส่แก้วของตัวเองจนเกือบล้น จากนั้นก็ยกขึ้นกระดกหมดแก้วอย่างเซ็งๆ

“อย่าบอกนะว่าพี่คินจูบแก” แต่คำถามขอพี่เจทำให้ฉันต้องนั่งนิ่งสักพัก ก่อนที่ฉันจะหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง และพยักหน้าหงึกส่งไปให้แทนคำตอบ

“ก็ใช่น่ะสิ ขวัญถึงต้องมานั่งคิดจนเป็นบ้าแบบนี้”

“จริงดิ!” พี่เจมองฉันตาโตเท่าไข่ห่าน แล้วขยับเข้ามานั่งใกล้ฉันมากขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น และดูจะตื่นเต้นกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินสุดๆ

”อือ ถ้าอยู่ดีๆ พี่ก็โดนจูบแบบนั้นจะงงป่ะ ขวัญนี่งงมาก!”

ฉันถอนหายใจออกมาเฮือก แล้วหันไปหยิบแก้วเบียร์ของตัวเองที่วางอยู่หน้าเคาร์เตอร์บาร์กระดกอึกๆ ทันที แต่ทำไมแก้วนี้มันแสบคอชะมัดเลยอะ

“เฮ้ย นั่นมันเตกีลา!”

พี่เจมองแก้วในมือของฉันอย่างตกใจ พอฉันหันไปมองก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่หยิบแก้วมาผิด แต่ก็รู้สึกมึนเบลอจนได้แต่ฟุ่บหน้าลงไปบนแขนของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะบาร์ แล้วเอาแต่บ่นให้พี่เจฟังโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย

”พี่ว่าผู้ชายคนนั้นหล่อป่ะ นั่นน่ะ”

ฉันชี้นิ้วไปยังผู้ชายร่างกายสูงใหญ่ที่อยู่ไกลๆ จากด้านหลังของพี่เจ ซึ่งเขาเป็นใครฉันก็ไม่รู้หรอก หน้าตาก็มองไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะตอนนี้สายตาของฉันมันเบลอแปลกๆ

“ฉันว่าแกเมาแล้วนะ กลับบ้านป่ะเดี๋ยวฉันไปส่ง” ฉันสะบัดแขนออกจากมือของพี่เจที่กำลังพยุงฉันลงจากเก้าอี้หน้าเคาร์เตอร์บาร์ และฉันกพยายามลุกขึ้นเพื่อเดินไปตรงนั้นอีกครั้ง

“ขวัญไม่เมา ขวัญจะดูผู้ชายคนนั้นหน่อย”

“แกจะไปดูทำไมล่ะเว้ย ไปๆ กลับบ้าน“

“แต่พี่เจ...ขวัญยังไม่อยากกลับ นะๆ“

ฉันหันไปยืนเกาะแขนของพี่เจที่ถึงแม้จะไม่ได้มีกล้ามแน่นๆ แบบพี่คิน แต่เขาก็ถือว่ามีกล้ามเนื้อที่สมส่วนเหมือนผู้ชายทั่วไป ให้ตายสิ ขนาดไม่ค่อยมีสติฉันยังคิดถึงพี่คินได้เลย บ้าชะมัด…

”ไม่ได้ แกเมาแล้วชอบอ่อยไปทั่ว เกิดโดนฉุดขึ้นมาจะว่าไงวะ เฮ้ย!”

พรึบ!

”แปบเดียวน่าพี่เจ”

ฉันเอาหัวไปถูกับแขนของพี่เจเหมือนลูกแมวน้อย แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างนึกขำ และคิดว่าฉันคงจะเมาแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้มึนหัวได้มากขนาดนี้

หมับ!

แต่พี่เจยังไม่ทันได้ผลักหัวฉันออกก็มีฝ่ามือใหญ่จับลงมาที่ต้นแขนของฉัน แล้วกระชากให้ฉันออกจากการเกาะแขนของพี่เจด้วยความแรง จนตัวฉันปลิวไปกระแทกกับแผงอกกำยำของคนตรงหน้า อะไรอะ… แล้วใครมาดึงฉันเนี่ย!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel