พินัยกรรม
บทที่ 2 พินัยกรรม
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มีหญิงสาวร่างบางระหง ผิวขาว ริมฝีปากซีด กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง เธอหลับไปหลายวันไม่ตื่น ราวกับไม่อยากมีชีวิต หรือใช้ชีวิตบนโลกใบนี้อีกต่อไป และมีชายคนหนึ่งชื่อภาคิน ภาคิน
ไพศาลสกุลรัตน์ อายุประมาณ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เป็นประธานบริษัทเอ็มไพร์กรุ๊ป
ภาคินเป็น ลูกชายตระกูลดัง ลูกชายเจ้าของบริษัทเอ็มไพร์กรุ๊ป แต่พ่อของเขาได้วางมือจากบริษัทให้ภาคินมาบริหารงานแทน ชายหนุ่มจึงมานั่งเป็นเพื่อนเธออยู่หลายวัน เนื่องจากติดต่อญาติที่ไหนของเธอไม่ได้เลย ภายหลังก็ทราบชื่อของเธอ ผู้หญิงที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง มีชื่อมิลิน นภัสสร ศิริประภัสสร เธอพึ่งเสียพ่อกับแม่เมื่อหลายวันที่ผ่านมา หลังจากเสร็จงานศพของพ่อกับแม่เธอ หญิงสาวได้หายตัวไป จนมาพบเธอที่กำลังจะกระโดดสะพาน เขาจึงได้ช่วยเธอไว้
"ทำไมเธอถึงยังไม่ตื่นอีก"
ภาคินพึมพำ
"......."
เงียบไร้คำตอบ เหมือนคุยกับตัวเอง
3 วันผ่านไป
ภาคินกลับมาเยี่ยมมิลินเหมือนเคย เธอก็ยังไม่ฟื้น ใบหน้าสวยดูดีขึ้นเยอะกว่าตอนที่ภาคินได้เจอร่างเล็กในวันแรก ใบหน้าเริ่มมีเลือดฝาด ริมฝีปากชมพูค่อนข้างดึงดูดสายตาของชายหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง
ทายาทตระกูลดังรู้สึกสงสารมิลิน ตั้งแต่วันที่ภาคินพาเธอมาที่โรงพยาบาล ไม่มีใครที่ไหนตามหาเธอหรือมาเยี่ยมคนตัวเล็กเลย
มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่มาเฝ้าเจ้าของใบหน้าสวยนี้ ภาคินเองก็มีงานมากมายเช่นกัน
และวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้มาเยี่ยมเธอ
"ขออนุญาตนะครับ"
เสียงทุ้มของชายอายุประมาณ45 ปี เอ่ยปาก ก่อนที่จะเปิดประตูห้องเข้ามา ทำให้ภาคินหันมองไปที่หน้าประตู
"ผมเป็นทนายของคุณมิลินครับ"
เขาแนะนำตัวเอง ทำให้ร่างสูง คลายสงสัยลง
"เอ่อ ครับ ผมเป็นคนส่งเธอเข้ามาที่โรงพยาบาลครับ ติดต่อใครไม่ได้เลย ผมจึงมาเฝ้าเธอน่ะครับ"
ภาคินอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดว่าตน เจอมิลินได้อย่างไร
" ก่อนอื่น ผมขอบคุณมากครับ ที่ช่วยดูแลคุณมิลิน ผมเองก็ตามหาคุณมิลินหลายวัน จนทราบมาว่าคุณมิลินอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ครับ รอคุณมิลินฟื้นผมจะชี้แจงพินัยกรรมที่พ่อกับแม่เธอได้ให้ไว้ครับ"
"ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด ตื๊ดดดด"
เสียงโทรศัพท์ของภาคินสั่น
"ฮัลโหลครับ ครับ เดี๋ยวรีบไปครับ"
ภาคินสีหน้าตึงเครียดทันที หลังจากวางสาย
"เอ่อ คือผมมีธุระต้องไปจัดการ และจะไม่ได้มาเยี่ยมเธออีกแล้วนะครับ" ภาคินบอกกับทนายความของมิลิน
"ครับขอบคุณมากครับที่ช่วยดูแลมิลิน" ทนายความกล่าวขอบคุณ โค้งสีรษะให้เล็กน้อย
"ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ"
หลังจากที่ภาคินเดินออกไป ทนายความของหญิงสาว ได้แต่นั่งเฝ้ามิลินอยู่ตลอด ในใจของทนายความรู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ ตอนนี้ไม่เหลือใครให้เธอพึ่งพิงอีก ตัวเขาเองมีหน้าที่รับผิดชอบแค่เรื่องพินัยกรรมของครอบครัวมิลินเพียงเท่านั้น เมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้นจะไม่ได้ติดต่อกันอีก เพราะทางด้านเขาเองมีครอบครัวและหน้าที่รับผิดชอบ
ตอนนี้มิลินเริ่มจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง นิ้วมือเรียวยาวค่อยๆ ขยับอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตค่อยๆ เบิกขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเธอไม่ได้เจอแสงสว่างมาหลายวัน ทำให้ดวงตากลมโตหรี่ตาลง พร้อมกับยกมือมาปิดบังดวงตาจากแสงสว่างที่สาดส่องมาทางหน้าต่าง
เจ้าของใบหน้าสวยขมวดคิ้ว ปรับสายตามองบรรยากาศรอบๆ ที่นี่ที่ไหน เธอยังไม่ตายหรอกหรือ มิลินถามตัวเองในใจ พร้อมกับกวาดสายตามองเพดานสีขาว พลันสายตามองไปยังสายน้ำเกลือ กับเข็มที่ทิ่มแทงที่มือเธออยู่
"ทำไมกัน" มิลินพึมพัมกับตัวเอง ในเมื่อเลือกที่จะจบชีวิตไปแล้ว ทำไมต้องช่วยมิลินให้รอดมาอีก ดวงตากลมโตของมิลินหุบต่ำลงพลันปรากฏน้ำตาชั้นหนึ่ง ค่อยๆ ไหลอาบแก้มออกมา ในเมื่อไม่มีใครเหลือในชีวิตแล้ว การตายยังดีกว่า การมีชีวิตอยู่ที่เหมือนตายทั้งเป็น
"คุณมิลิน ฟื้นได้ซักทีนะครับ" ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจ
มิลินมองชายวัยกลางคนแวบนึง "คุณเป็นใคร" มิลินถามพลางขมวดคิ้ว
"ผมคือทนายความของพ่อกับแม่ของคุณมิลินครับ" ทนายความแนะนำตัวเอง พร้อมกับยื่นเอกสารพินัยกรรมต่างๆ ให้มิลินอ่าน
มิลินไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ได้อะไรบ้างมันสำคัญอะไร ในเมื่อความสุขของมิลินไม่ใช่สิ่งของพวกนี้ พลันดวงตาของ
ของเธอเริ่มแดงก่ำ เพราะยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของพ่อกับแม่
"คุณพ่อ คุณแม่ของคุณมิลิน มีบ้านหลังนึงซึ่งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยครับ ค่าประกันชีวิตของพ่อแม่คุณมิลิน เงินที่พ่อแม่ของคุณทิ้งให้ไว้ คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายครับ พ่อกับแม่ของคุณมิลินปูทางไว้ให้คุณมิลินหมดแล้วครับเพราะฉะนั้นคุณมิลินไม่ต้องกังวล" ทนายความร่ายยาว ชื่นชมผู้เป็นพ่อเป็นแม่ของมิลิน คงจะรักลูกสาวมาก วางแผนชีวิตไว้ให้ลูกสาวอย่างรอบคอบ
เจ้าของใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมกับเม้มเรียวปากแน่น
"แล้วยังไงคะ เพื่อทิ้งมิลินไว้คนเดียวงั้นหรอ" มิลินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย พร้อมกับชันเข้าขึ้นกอดขาตัวเองไว้
มิลินยังทำใจไม่ได้
"อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอกครับ มันเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ พ่อกับแม่ของคุณมิลินเอง คงไม่อยากแยกจากกับคุณมิลินหรอกครับ"
"........" มิลินนิ่งเงียบ
"เอ่อ นี่ครับ คุณแม่ของคุณมิลินกำชับไว้ว่าหากพวกเขาเป็นอะไรไปให้ยื่นจดหมายนี้ให้คุณ" ทนายความหยิบ
ซองจดหมายออกจากกระเป๋า มิลินไม่รับจดหมาย ทนายความจึงวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
มิลินยังคงนั่งกอดเข่าด้วยความเศร้าสร้อย ทนายความได้แต่มองมิลิน พลางถอนหายใจ
"ยังไงคุณต้องมีชีวิต่อไปนะครับ ในเมื่อคุณมีีโอกาสอีกครั้ง ใช้ชีวิตต่อไปเถอะครับ ผมขอตัวก่อน ผมจะมารับคุณ
มิลินในวันที่ออกจากโรงพยาบาลนะครับ" ทนายความโค้งตัวให้มิลินเล็กน้อย หน้าที่ของทนายความได้จบสิ้นลงแล้ว
แต่เนื่องจากเขาสงสารมิลิน พ่อกับแม่ของเธอฝากไว้ก่อนตาย ทำเกินหน้าที่หน่อยคงไม่เสียหายอะไร
หลังจากที่ทนายความออกไป มิลินก็ได้ล้มตัวลงนอนครุ่นคิดว่าใครกันที่เป็นคนช่วยเธอไว้ มิลินเอามือก่ายหน้าผาก ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เธอจำอะไรไม่ได้เลย
