บทที่ 8 วันนี้วันพระ
สี่แยกใหญ่ที่การจราจรแสนหนึบหนับกลางเมืองหลวง รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่(แต่ค่อนไปทางเก่า) วิ่งขึ้นมาจอดที่ริมฟุตบาทไม่ห่างจากกล่องพวงมาลัยกล่องเล็กคุ้นตามากนัก ชายหนุ่มตั้งขาตั้งรถถอดหมวกกันน็อคแล้วกวาดตามองหาแม่ค้าตัวน้อยที่ตั้งใจเก็บมะม่วงกับมะยงชิดมาฝากเต็มตะกร้ามอเตอร์ไซค์ และมีเค้กโบราณหน้ารวมติดมาด้วยอีกกล่อง
"มาซื้อมาลัยหรือพ่อหนุ่ม" เสียงตาแก่ที่ถือไม้แขวนพวงมาลัยดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้มาร์คหันกลับไปมองอย่างสงสัย
"เอ่อ... ผมมาหาแม่ค้าพวงมาลัยตัวเล็ก ๆ ที่น้องขายอยู่ตรงนี้น่ะครับตา" ชายหนุ่มเอ่ยตอบพรางมองชายดังกล่าว แกเป็นคนแก่อายุน่าจะมากกว่า 60 ผิวน้ำตาลกร้านแดด ผมเผ้าหวีเรียบร้อย ที่สำคัญคือเสื้อผ้าที่ใส่ถึงจะเก่าแต่ก็ดูสะอาดสะอ้านมาก ขาด้านขวาแกโดนตัดขึ้นเหนือเข่ายืนถือไม้ค้ำยันมองหน้าเขายิ้ม ๆ
"อ๋อ... เจ้าน้ำหวานน่ะเหรอ วันนี้ไปฟังผลสอบน่ะ กลับมาก็น่าจะเที่ยงโน่นแหละ ขอไปกินไอติมที่ตลาดกับเพื่อนเขาด้วย พ่อหนุ่มมีอะไรล่ะ จะสั่งพวงมาลัยหรือลูก" ตาน้อยเอ่ยถามพรางมองสำรวจชายหนุ่มยิ้ม ๆ
"ครับตา วันนี้วันพระผมเลยจะแวะสั่งมาลัยให้น้องไปส่งตอนเย็นน่ะครับ แล้วพอดีกลับบ้านมาเลยเก็บมะม่วงกับมะยงชิดมาฝากน้องด้วยครับ" ว่าพรางหิ้วถุงมะม่วงกับมะยงชิดไปวางที่ข้างกล่อง พร้อมกับขนมเค้กโบราณที่ซื้อมา
"อ่อ... ขอบใจลูก เดี๋ยวบอกเจ้าหวานเค้าให้ แล้วให้ไปส่งที่ไหนล่ะ เอากี่พวง" ตาน้อยถามเป็นปกติเพราะถ้าวันพระจะมีคนมาสั่งมาลัยกับหลานสาวอยู่แล้วโดยเฉพาะร้านรวงที่เปิดหากินกันตอนกลางคืนจะสั่งให้ไปส่งช่วงเย็นเพราะจะได้ดอกไม้สดไม่ช้ำ
"อืม...(นิ่งคิดในใจ) เอา 6 พวงครับตา บอกน้องว่าส่งมาร์คร้านสรันบาร์ ตอนเย็นนะครับ" ชายหนุ่มมว่าพรางจะหันกลับไปที่รถของตัวเอง
"ได้ลูกได้ เอ๊า... นั่นไง วิ่งหน้าตั้งมานั่นไง" ตาน้อยพยักหน้า พร้อมกับทักหลานสาวตัวน้อยที่วิ่งลงสะพานลอยมาพร้อมกับยิ้มร่ามาแต่ไกล "ตาจ๋า หวานมาแล้ว" สาวน้อยร้องทักตาเสียงใสพร้อมกับวิ่งเข้ามา กอดหอมแก้มตาน้อยฟอดใหญ่เรียกรอยยิ้มให้คนที่ตั้งใจมาหา และคนที่ติดไฟแดงแถวนั้นได้หลายคน
"ทำไมมาเร็วล่ะ ไหนว่าจะไปกินไอติมที่ตลาดก่อนไงลูก แล้ววิ่งซะหน้าแดงหมดเลย" ตาน้อยว่าขึ้นพรางยกมือขึ้นปัดผมหน้าม้าของหลานสาวที่ชี้ฟูให้เรียบแล้วใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่ไรผมให้เบา ๆ
"พอดีว่ามันเสร็จเร็วค่ะ วันนี้วันพระเราเลยนัดกันช่วงบ่ายแทน หวานขอมาช่วยตาขายพวงมาลัยก่อน หมดแล้วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปหาเพื่อนค่ะ" คนตัวเล็กตอบตาเสียงแจ๋ว ๆ ไม่ได้มองชายหนุ่มที่ตอนนี้กลับมานั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์รอเธอทักอยู่ *จะมองเห็นพี่มั้ยเนี่ย...ชายหนุ่มคิดในใจยิ้ม ๆ*
"แล้วนี่ (ว่าพรางโชว์เกียรติบัตรติดดาวพร้อมกับซองสีขาวอีกซองให้ตาดูอย่างภูมิใจ) แถ่น แท้นน.... เด็กหญิงพรสิตา ได้รางวัลอีกแล้วคร้าบ...ฮ่า ๆๆ คราวนี้ได้มาตั้งพันนึงเลยนะคะ เย็นนี้เราฉลองหมูกระทะกันนะคะ หวานเลี้ยง" คนตัวเล็กใจป้ำเสนอเลี้ยงตาอย่างน่ารัก
"อยากกินก็บอกเถอะ เอาสิลูกงั้นวันนี้ตาช่วยร้อยมาลัยให้แล้วรีบไปส่งจะได้กลับมากิน เอ้อ... พี่เค้ามาสั่งมาลัยน่ะลูกลืมไปเลย" ตาน้อยคุยกับหลานสาวแล้วอุทานขึ้นอย่างนึกได้
"เอ๋... พี่มาร์คนี่ สวัสดีค่ะ" เด็กน้อยจำลูกค้าทิปหนักได้รีบยกมือไหว้พร้อมกับทักเสียงใสทันที
"หวัดดี พี่มาสั่งมาลัยเราน่ะ แล้วเอาขนมกับผลไม้ที่บ้านมาฝากด้วย" ชายหนุ่มว่ายิ้ม ๆ
"อุ๊ย! มะยงชิด ขอบคุณค่ะพี่มาร์ค" แม่ค้าตัวน้อยอุทานขึ้นอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นผลไม้โปรดของเธอพร้อมทั้งยกมือไหว้ส่งยิ้มให้จนตาหยี ซึ่งมะยงชิดนี้ที่ตลาดมีขายแต่นาน ๆ จะได้ซื้อกินซะทีเพราะมันแพงมากสำหรับเธอ
"แล้วพี่มาร์คจะเอากี่พวงคะ" ว่าพรางเปิดกระเป๋าหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาจด ออเดอร์กันลืมสีหน้าจริงจัง
"เอา 6 พวงครับ ส่งที่เดิม ซัก 6 โมงเย็นละกัน" คนตัวโตบอกสถานที่เวลาเสร็จสรรพ เพราะเขาคิดว่าถ้าไปเวลานั้นวันนี้เขาไม่ได้ไปไหนเขาจะเข้าร้านเร็วแล้วเจ้าแม่ค้าน้อยนี่จะได้กลับมากินหมูกระทะกับตาเร็วขึ้น
"อะเคร... รับออเดอร์ค่ะ" คนตัวเล็กว่าเสียงใสแล้วหันมายิ้มน่ารักโชว์แก้มแดงแดดให้คนตัวโตจนตาหยี
"งั้นพี่ไปล่ะ เย็นเจอกัน ไปนะครับตา" มาร์คเอ่ยกับเด็กน้อยแล้วหันไปยกมือไหว้ลาตาของเธอพร้อมกับใส่หมวกกันน็อคสตาร์ทเครื่องขับออกไป....
..........//..........
คอนโดมาร์ค
"ยังไงครับคุณมาร์ค หอบหิ้วขนมผลไม้ข้ามจังหวัด ไปยืนยิ้มกลางสี่แยก คิดจะจีบเด็กประถมหรือครับ เด็กไปนะกูว่า" เทนกับโรมที่มาถึงก่อนเอ่ยแซวทันทีที่เพื่อนรักเปิดประตูห้องเข้ามา พวกเขาเห็นโดยบังเอิญตอนที่ติดไฟแดงว่ามาร์คเอาขนมกับผลไม้ไปวางข้างกล่องโฟมแล้วก่อนที่จะไฟเขียวก็เห็นเด็กประถมวิ่งลงมาจากสะพานลอยมากอดตาขาพิการ ซึ่งมาร์คก็นั่งมองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนรถ
"ไอ้บ้า มึงก็อกุศลไปไอ้เทน มึงไม่เห็นเหรอตาเขาพิการ แล้วน้องเขาก็เป็นเด็กดีช่วยตาทำมาหากินกูเลยเอ็นดูแค่นั้น" มาร์คว่าเสียงทุ้ม เขารู้สึกถูกชะตาเด็กน้อยจริง ๆ จนคิดว่าอยากจะมีน้องสาวซักคน ได้ยินเสียงแจ๋ว ๆ ข้างหูก็คงจะน่ารำคาญดี ดีกว่านั่งเงียบ ๆ อยู่คนเดียว ชีวิตเขาโดนย่ากีดกันมาตลอด จะคุยจะเล่นกับน้องคนเล็กได้ ก็ตอนที่ย่าไม่อยู่เท่านั้นยิ่งเนสยิ่งแล้วใหญ่เพราะไม่เคยพูดกันดี ๆ เลยตั้งแต่เด็ก เมื่ออยู่บ้านเขาเลยกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แล้วเมื่อเงียบบรรดาคนงานในสวนพ่อก็ไม่มีใครกล้าพูดจาเล่นหัวด้วยเหมือนนิค น้องชายคนเล็ก
"อย่าบอกนะว่าแม่ค้ามาลัยที่มึงซื้อครั้งก่อนน่ะ นี่ตามไปถึงที่เลยหรือวะ" โรมว่าอย่านึกได้
"เออ...น้องนี่แหละ ค่ำ ๆ มืด ๆ ก็ยังขาย ตัวเล็ก ๆ มาขายคนเดียวกูสงสาร อะไรช่วยกันได้ก็ช่วยไปว้า... เงินร้อย 2 ร้อยเรา ซื้อเหล้าได้แค่แก้ว แต่มึงรู้มั้ย ทิป 80 บาทน้องมันดีใจจนน้ำตาไหลเลยนะ" มาร์คว่าพรางเดินเข้าห้องถอดเสื้อแขนยาวที่ใส่มาโยนใส่ตะกร้าผ้าเตรียมซัก
"แหม...น่าสงสารมากนะชีวิตไอ้มาร์คเนี่ย ขับมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ คอนโดเล็ก ๆ เตียง 3 ฟุตครึ่ง ตีนกวาด ๆ แล้วนอน จะผ่อนบ้านกับไอ้ศิลาเดือนละ 2 หมื่น ปีนี้กูจะส่งชื่อมึงไปชิงสุวรรณหงส์" โรมพูดขึ้นอย่างหมั่นไส้เมื่อนึกถึงคำพูดเพื่อนที่งานศพพ่อเขา ซึ่งจริง ๆ มาร์คไม่ได้ขัดสนมากมายขนาดนั้น เขาทำงานส่งอาหารและร้องเพลงที่ร้านของพี่ชายโรมมาตั้งแต่ปี 1 คอนโดกลางเมืองที่เขาอยู่นี่พ่อเขาซื้อให้โดยบอกว่าเป็นเงินประกันของแม่ตั้งแต่เข้ามหาลัยใหม่ ๆ ราคาเกือบ 30 ล้าน ซึ่งแพงกว่าบ้านที่ซื้อไว้อีกหลัง เพื่อให้น้องชายเขาไปอยู่ซะอีก แต่เขาขอร้องว่าอย่าบอกใครว่าเขาอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากให้ย่าและเนส เข้ามาวุ่นวายในชีวิต และมาร์คยังมีรถเก๋งซีรี่ 3 ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเองอีกคันจอดอยู่ใต้คอนโด แต่ไม่เคยขับไปที่บ้าน มีไว้ขับไปแค่ที่ร้านและออกต่างจังหวัดท่องเที่ยวกับแก๊งเพื่อนหรือทำกิจกรรมนอกมหาลัยบ้างเท่านั้น
"มึงก็เห็นว่าย่าผกาเป็นไง ถ้ารู้ว่ากูอยู่นี่ คงมาวุ่นวายไม่เลิก ให้รู้แบบนั้นแหละแกจะได้ไม่มาวุ่นวายกับกู" มาร์คว่าขึ้นอย่างขำๆ "แล้วจริง ๆ สคริปต์นี้ไม่ใช่กูคิดหรอก น้านารถทั้งนั้นแหละ แกอยากให้ไอ้เนสมันออกมาจากย่า" มาร์คบอกความจริงกับเพื่อน พร้อมกับเดินเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมา 3 กระป๋องแล้วเดินมาวางที่โต๊ะกลางหน้าเพื่อน
"แล้วมึงจะไปอยู่กับมัน" โรมเลิกคิ้วถามขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบเบียร์มาเปิด
"คงระยะแรกแหละ ดูมันก่อน ไอ้เนส มันไม่เคยทำอะไรเองเลย คงต้องค่อย ๆ สอนมันอีกหลายอย่าง กูว่าจะหามอเตอร์ไซค์ให้มันซักคัน ให้มันส่งอาหาร" มาร์คบอกเพื่อนเสียงทุ้มพร้อมกับยกเบียร์ขึ้นกระดก
"แล้วมึงไม่ให้มันมาทำงานกับพี่รันล่ะ" โรมเลิกคิ้วถาม
"ยังว่ะ ถ้ามาแล้วรู้ว่ากูทำอะไร มันก็นอนแบมืออย่างเดียวน่ะสิ เอาไว้เราไปฝึกงานกันก่อนแล้วค่อยจะฝากพี่รันดูแลมันอีกที มันไม่เคยทำงานแรก ๆ กูจะให้มันซ้อนท้ายไปส่งอาหารกับกูก่อน แล้วค่อยพามันไปซื้อมอเตอร์ไซค์" มาร์คว่าสิ่งที่ตัวคิดให้เพื่อนรู้ เขาพยามยามจะให้น้องชายต่างแม่คนนี้ดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองให้ได้
"อือ...ก็ดี แล้วนี่มึงจะออกไปร้านตอนไหน" โรมเปลี่ยนเรื่อง
"กูนอนซักพักก็ว่าจะออกไปเลย วันนี้จะเอารถใหญ่ออก ขับมอไซค์ไกล ๆ เมื่อยฉิบหาย แล้วนัดให้เจ้าตัวเล็กเอามาลัยมาส่งด้วย" มาร์คบอกกับเพื่อนแล้วเผลอยิ้ม เมื่อนึกถึงแม่ค้าตัวน้อยที่วิ่งตากแดดจนแก้มแดงมาหาตาเมื่อเช้า
"แหม พูดถึงนี่ยิ้มเลยนะครับนะ....