บทที่ 7 พรุ่งนี้วันพระ
"เอาล่ะ สรุปกันได้แล้วหรือยังลูก จะถึงเวลาแล้วนะ" ท่านคณบดีผู้มีศักดิ์เป็นลุงเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่น้องคุยกันค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจและตอนนี้พระก็เริ่มทยอยมากันแล้ว
"ครับ ลุง!" 2 พี่น้องต่างแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกัน
"งั้นก็เตรียมได้แล้วลูก มาร์ค เนส นิค มานั่งกับลุง" คนเป็นลุงพูดขึ้นทำให้ทั้ง 3 เดินไปนั่งข้าง ๆ ลุงอย่างว่าง่าย แล้วพิธีต่าง ๆ ก็ดำเนินการไปจนเสร็จสิ้นทุกอย่างรวมถึงทำบุญผ้าป่ากับเงินส่วนที่เหลือในงานจนหมดตามที่คุณนงนารถว่าไว้และตอนนี้ทุกคนก็เตรียมแยกกันเพื่อไปดำเนินชีวิตต่อ โดยที่บรรดาเพื่อนของมาร์คที่อยู่ช่วยงานจนแล้วเสร็จนั้น ต้องเดินทางกลับก่อนเพราะศิลาต้องไปต่างประเทศกับคุณปู่ โรมต้องไปเฝ้าร้านแทนพี่ชายที่ภรรยาเพิ่งคลอด ส่วนเทนนั้นเขาสนใจที่จะเปิดบริษัทส่งออกของตัวเองเมื่อเรียนจบจึงเริ่มเข้าไปศึกษางานที่บริษัทของพี่เขยตั้งแต่เนิ่น ๆ
"มาร์ค มึงจะผ่อนบ้านจริง ๆ ดิ" เนสพูดขึ้นขณะที่กำลังนั่งทานข้าวกัน 4 คนแม่ลูก
มาร์คเงยขึ้นสบตากับแม่เลี้ยงอย่างขอคำปรึกษา คุณนงนารถก็ขยิบตาเล็ก ๆ ให้ชายหนุ่มเล่นละครต่อ "อือ...มึงจะได้ไม่ต้องขับรถไกลไง แล้วมันก็เป็นความต้องการของพ่อตั้งแต่ทีแรกด้วย อีกอย่างปีหน้านิคมันก็ต้องไปเรียนอีกอยู่ดี ก็ดีกว่าเช่า เรียนจบกันหมดไม่มีใครอยู่กูก็ขายคืนไอ้ศิมันไป" มาร์คว่าพร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
"แล้วมันผ่อนแพงมั้ยวะ" เนสว่าอย่างเป็นกังวล พร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
"ก็ประมาณเกือบ ๆ 3 หมื่นแหละ มันเป็นบ้านเดี่ยว แล้วกูก็ไม่มีเงินดาวน์มากไง ไอ้ศิมันเลยช่วยคุยกับคุณปู่ให้ ผ่อนแบบตรงไม่ต้องผ่านธนาคาร" คำพูดของมาร์ค เนสได้ฟังเชื่อจริงจังมากเพราะเพื่อนรักของมาร์คเป็นถึงหลานชายคนเดียวของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของไทย ซึ่งเขาไปแอบเสิร์ชข้อมูลมาแล้วว่าใช่จริง ๆ
"แล้วมึงจะไหวเหรอวะ" เนสเลิกคิ้วถามพรางตักข้าวเข้าปากพราง
"ที่ผ่านมึงว่ากูไหวมั้ยล่ะ ค่าเทอมมึงตั้งกี่บาทของกูอีก ค่ายาพ่อ ค่าน้ำค่าไฟบางเดือนย่ามาอยู่ค่าน้ำไฟเพิ่มหลายเท่ากูต้องหามาเข้าบัญชีให้มันตัดก่อนสิ้นเดือน น้ำไฟคอนโดกูค่าโทรศัพท์ก็ตัดไปก่อนดิ ไปนอนร้านเอา ค่อยหาจ่ายทีหลัง" มาร์คพูดถึงค่าใช้จ่ายที่เขาต้องรับผิดชอบที่ผ่านมา
"โห...แล้วมึงไปหาจากไหนได้วะ เรียนก็ยังไม่จบเงินตั้งเยอะ บางเดือนแค่ค่าไฟก็เกือบ 2 หมื่นเลยนะ" เนสว่าเชิงปรึกษาเพราะตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยทำงานเองเลย มีแต่ขอแม่ หมดแล้วขอย่า วนลูปไปอยู่แค่นี้
"งานในกรุงเทพมันไม่ต้องรอเรียนจบก็ได้เว้ย อย่างวันไม่มีเรียนกูก็ตื่นแต่เช้ามาวิ่งส่งอาหาร บ่ายมันร้อนกูก็กลับมานอน เย็นกูก็ออกไปทำงานที่ร้านพี่ไอ้โรมมัน ถ้าวันไหนเรียนบ่ายกูก็วิ่งส่งอาหารเช้า เรียนเสร็จก็ไปร้าน เรียนเช้าเสร็จก็ไปร้านเลยกินข้าวเย็นที่ร้านเอา เขามีเลี้ยงเราก็กิน" มาร์คว่าอย่างสบาย ๆ เขาทำแบบนั้นจริง ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำทุกวัน เพราะรายได้ของเขาจากการเป็นนักร้องค่อนข้างดี วันไหนเขาเหนื่อยหรือเมาเขาก็ไม่ได้ไปส่งอาหารในตอนเช้า และคิดว่าต่อไปค่าใช้จ่ายเขาน้อยลงไม่มีค่ายา ค่าน้ำไฟที่ย่าเปิดเล่น เขาคงเหนื่อยน้อยลงและมีเวลาอ่านหนังสือและเก็บเงินไว้ต่อ ป.โทได้อีก
"โห...แล้วมันจะหาได้ถึงค่าผ่อนบ้านเดือนละ 3 หมื่นหรือวะ ค่าเทอมมึงอีกนะ" เนสว่าพรางขมวดคิ้ว
"มึงก็อย่าเบียดเบียนกูดิ ค่าเทอมมึงก็หาเอง กูก็จะได้มีเงินจ่ายค่าบ้านไง หรือไม่เอาก็ได้นะ มึงไปนอนกับกูมั้ยล่ะ แต่ปูเสื่อนอนข้างล่างนะเตียงกูเล็ก" มาร์คว่าสบาย ๆ แต่คนที่ฟังแล้วขำกลับเป็นแม่เลี้ยงของเขา และเธอก็แอบดีใจที่หลังจากศพสามีผ่านไปเนสยอมพูดดีกับมาร์คมากขึ้นซ้ำยังเป็นคนปฏิเสธไม่ให้ย่ามาอยู่ที่บ้านนี้ด้วย เพราะกลัวว่าตอนนี้ไม่มีพ่อแล้วย่าจะทำร้ายแม่ และโกรธที่ย่าขายบ้านที่บอกว่าพ่อจะซื้อให้ตัวเอง
"ไม่อ่ะ ถ้าจะนอนกองกันขนาดนั้นกูไปกลับเหมือนเดิมดีกว่า" เนสว่าพรางรวบช้อนยกน้ำขึ้นดื่ม
"แสดงว่าบ้านไม่เอา?" มาร์คเลิกคิ้วถาม
"แล้วแต่มึงเหอะ มึงผ่อนหนิ กูยังไม่รู้จะหาค่าเทอมเทอมหน้าได้หรือเปล่าเลย ขอย่าไม่ได้แล้วด้วย" เนสว่าพรางถอนหายใจแล้วลุกขึ้นหยิบจานตัวเองเข้าครัว
"จะเอายังไงล่ะพี่มาร์ค พี่จะซื้อบ้านจริงดิ" น้องชายคนเล็กเอ่ยถามเสียงเบา
"แล้วนิคไม่อยากมีบ้านในกรุงเทพเหรอ เวลาว่างก็พาน้านารถไปนอนที่นั่นด้วยกันไง" พี่ชายคนโตว่ากับน้องชายยิ้ม ๆ
"อยากมันก็อยาก แต่ตอนนี้บ้านเราไม่มีพ่อแล้วนะ แล้วไม่รู้ว่าย่าจะกลับรังควานอีกเมื่อไหร่ มาทีไรเปิดไฟทิ้งทั้งบ้านใครปิดก็ด่า ๆๆ ผมนี่อยากต่อยปากคนแก่ให้ฟันร่วง" น้องชายอารมณ์ร้อนว่าขึ้น
"ช่างเขาเถอะ ยังไงตอนนี้บ้านเราก็ไม่มีอะไรให้ขายแล้วนี่เหลือแต่สวน มันก็เป็นชื่อพี่ นิคก็อยู่ดูแลแม่ช่วงนี้ก็หาวิธีช่วยแม่เพิ่มรายได้ จะได้แบ่งเบาภาระแม่ไปด้วยเก็บเงินไว้เรียนด้วย" พี่ชายสอนน้องเล็กยิ้ม ๆ
"มาร์คจะกลับไปกรุงเทพเมื่อไหร่ลูก" แม่เลี้ยงเอ่ยถามลูกชายคนโตของสามีพร้อมกับมองหน้านิ่ง ๆ
"ว่าจะกลับพรุ่งนี้ครับน้านารถ ผมขาดงานมาหลายวัน แล้วก็จะเข้าไปดูบ้านด้วยครับ ขาดเหลืออะไรจะได้หาเตรียม"
"แล้วคอนโดล่ะลูก" นงนารถยังเป็นห่วงลูกเลี้ยงหนุ่ม
"ก็ไว้งั้นแหละครับ อาจจะปล่อยให้เพื่อนกันเช่าห้องจะได้ไม่โทรม" ชายหนุ่มตอบตามตรง
"ตามใจละกันขาดเหลืออะไรก็บอกน้านะลูก" นงนารถยังพูดกับชายหนุ่มอย่างห่วงใย
"ไม่เป็นไรครับน้านารถ ผมดูแลตัวเองได้พรุ่งนี้ผมตื่นแล้วว่าจะไปเก็บมะม่วงกับมะยงชิดซักหน่อยแล้วออกไปเลยนะครับน้านารถจะได้ไม่ต้องปลุก" ชายหนุ่มว่าพรางบอกกำหนดการตัวเองยิ้ม ๆ เมื่อมองปฏิทินที่ติดอยู่ข้างผนังบอกว่า พรุ่งนี้วันพระ ตอนนี้สมองเขาคิดถึงหน้าตาจิ้มลิ้มของแม่ค้าตัวน้อยที่สอนเขาไหว้ศาลจนได้ทิปเกือบ 2 หมื่น และเขาตั้งใจว่าจะซื้อขนมไปให้เลยคิดว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าปีนเก็บมะม่วงหน้าบ้านกับมะยงชิดในสวนไปฝากที่แยกไฟแดงซักหน่อยดีกว่าแล้วสั่งให้เอาพวงมาลัยไปส่งที่ร้านในตอนเย็นด้วยน่าจะดี
"อ้าว ทำไมรีบล่ะลูก" นงนารถหน้าเสียทันทีที่ลูกเลี้ยงจะกลับไปเรียนต่อ
"ก็ผมเอามอเตอร์ไซค์มานี่ครับ ออกสายก็ร้อนสิ" มาร์คพูดยิ้ม ๆ
"เออ...ใช่ น้าว่าจะถามอยู่ มาร์คเปลี่ยนเป็นรถยนต์ดีมั้ยลูก คันนี้เอาไว้เข้าสวน" นงนารถหาข้ออ้างจะเปลี่ยนรถให้ชายหนุ่ม เพราะจริง ๆ ครอบครัวก็ไม่ได้ขัดสนอะไรถึงขั้นไม่มี เพราะนง
นารถเป็นคนประหยัดและเก็บออม เธอจึงมีเงินเก็บในบัญชีส่วนตัวที่สามีให้เปิดไว้หลายสิบล้าน แต่ที่ต้องอยู่กันแบบนี้เพราะไม่อยากให้แม่สามีมาวุ่นวายกับเธอและลูกเลยทำให้ลูก ๆ และคนภายนอกเข้าใจว่าครอบเธอขัดสนมากขึ้นเมื่อขาดผู้เป็นพ่อ และเธอเพิ่งออกรถเก๋งคันใหม่ให้เนสเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่มาร์คยังขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่พ่อซื้อให้ตั้งแต่ ม.ปลายอยู่เธอเลยอยากซื้อให้มาร์คด้วย
"ไม่ครับน้านารถ รถเก๋งเสียดายตังค์เติมน้ำมัน วิ่งก็ช้า มอไซค์นี่แหละครับง่าย แล้วอีกอย่างผมก็วิ่งส่งอาหารด้วยมันหาเงินง่ายกว่า" มาร์คให้เหตุผลยิ้ม ๆ
"รีบแบบนี้ พี่มาร์คมีแฟนแล้วใช่ป่ะ" นิค ที่นั่งกินขนมอยู่เงียบ ๆ เอ่ยแซวพี่ชายพร้อมทั้งชี้ส้อมใส่หน้าอย่างจับผิด
"มะเหงกหนิ เวลาจะนอนยังแทบไม่มีจะเอาเวลาไปจีบใครวะ แล้วผู้หญิงที่ไหนจะอยากซ้อนท้ายว้าเหว่เก่า ๆ กันล่ะ เขาไปนั่งเกาะเอวบิ๊กไบค์กันหมดแล้ว" ชายหนุ่มพรางเอื้อมมือไปโยกหัวน้องชายคนเล็กอย่างเอ็นดู
"มาร์ค พรุ่งนี้มึงกลับพร้อมกูดิ เอารถไว้ให้นิคมันใช้" เนสที่เดินออกมาจากห้องครัวพูดขึ้น
"บ้าดิ กูบอกน้านารถแล้ว ไม่มีรถกูจะเอาไหนหากิน กูต้องส่งอาหาร ต้องทำงาน" มาร์คให้เหตุผล แล้วคุยกันเรื่องต่าง ๆ จนดึกจึงพากันแยกย้ายไปนอน....
..........//.........