บทที่ 5 สูญเสีย
ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาล มือถือของชายหนุ่มสั่นรัว ๆ นับ 10 สาย จากเบอร์โทรเข้าแค่เบอร์เดียว ทำให้ชายหนุ่มจำเป็นต้องแวะปั๊มน้ำมันเติมน้ำมันและกดรับสาย
"ครับน้านารถ"
(มาร์ค ถึงไหนแล้วลูก) เสียงนงนารถสั่นเครือมาตามสาย
"แวะปั๊มครับ อีก 7 กิโลก็ถึงครับน้า แค่นี้นะครับผมจะรีบไป" ว่าจบชายหนุ่มก็รีบวางสายแล้วบึ่งออกไปทันทีแบบไม่รอเงินทอน เขาจับน้ำเสียงของแม่เลี้ยงได้ว่าพ่ออาการน่าจะไม่ดีเท่าไหร่นัก
.........//..........
ณ โรงพยาบาล
รถมอเตอร์ไซค์กลางเก่ากลางใหม่วิ่งเข้ามาจอดตรงที่จอดรถชั่วคราว ชายหนุ่มรีบถอดหมวกกันน็อควางที่เบาะแล้วถอดกุญแจวิ่งไปที่หน้าห้องฉุกเฉินที่เห็นหลังของแม่เลี้ยงไว ๆ อยู่ตรงนั้น
"น้านารถครับ พ่อเป็นไงมั่งครับ" ชายหนุ่มวิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินพร้อมกับถามแม่เลี้ยงเสียงรัว ๆ
"พ่ออยู่ข้างในลูก หมอกำลัง.... กำลัง...ฮือ" นงนารถตอบลูกเลี้ยงเสียงสั่นพร้อมกับร้องไห้โฮเสียงดัง
"กำลังอะไรครับ น้า..." มาร์คจับมือแม่เลี้ยงเขย่าถามน้ำตาคลอ พอดีกลับประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมาคุณหมอเดินออกมาหาญาติคนไข้ด้วยใบหน้าสงบ มาร์ครีบปล่อยมือแม่เลี้ยงแล้วคว้าแขนของหมอเขย่าถามรัวทันที
"หมอ พ่อผมเป็นไงครับ ผมเข้าไปได้มั้ยครับ หมอครับ" "หมอทำเต็มที่แล้วครับ เรายื้อท่านไม่ไหวจริง ๆ หมอเสียใจด้วยนะครับ" คุณหมอพูดออกมาอย่างยากลำบากด้วยความที่จำชายหนุ่มตรงหน้าได้ เขาจะมาหาพ่อทุกครั้งที่ท่านมาพบหมอที่โรงพยาบาลและยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอต่อหน้าพ่อและแม่เลี้ยง มาร์คจะเป็นคนดูแลค่ารักษาพยาบาลของพ่อเองทั้งหมดถึงแม้บางครั้งจะจ่ายไม่ครบเขาก็จะขอผ่อนกับทางโรงพยาบาลจนครบก่อนที่พ่อจะมาพบหมอครั้งต่อไป โดยที่ขอร้องไม่ให้ทางโรงพยาบาลบอกเรื่องค่าใช้จ่ายที่แท้จริงให้ผู้เป็นพ่อรู้ ทั้ง ๆ ที่เสี่ยมนตราเองก็จัดว่าเป็นคนมีฐานะ แต่ลูกชายคนโตกลับขอผ่อนค่ารักษากับทางโรงพยาบาล และเสี่ยมนตรามีลูกชาย 3 คนแต่หมอที่รักษาก็เคยเห็นแค่คนโตกับคนเล็กแค่นั้น
"หมอว่าอะไรนะครับ ไหนน้านารถว่าแค่ล้มในห้องน้ำนี่ครับหมอ" มาร์คเอ่ยถามอึ้ง ๆ น้ำตาคลอหน่วย
"ท่านหัวใจล้มเหลวในห้องน้ำครับ จากบ้านมาถึงนี่เกือบ 40 นาที หัวใจท่านหยุดเต้นระหว่างทางหลายครั้ง เราทำได้เต็มที่แค่นี้จริง ๆ ครับ" คุณหมอบอกความจริงให้ชายหนุ่มฟัง
"พ่อ... ฮือ น้านารถครับ ผมขอโทษ ผมมาช้า พ่อครับผมขอโทษครับ" ชายหนุ่มปล่อยโฮไม่อายใครพร้อมทั้งกล่าวขอโทษแม่เลี้ยงและพ่อบังเกิดเกล้าเสียงดัง แล้วกอดแม่เลี้ยงร้องไห้สะอื้นอย่างน่าสงสาร
"แม่ พี่มาร์ค ..." เสียงนิคน้องชายคนเล็กร้องเรียกและวิ่งเข้ามากอดเอวพี่ชายต่างแม่
"นิค" พี่ชายเรียกชื่อน้องพร้อมทั้งรั้งเด็กหนุ่มเข้ามากอด "ฟังพี่นะนิค พ่อไม่อยู่กับเราแล้ว พ่อทิ้งเราแล้ว" พี่ชายเอ่ยพรางกอดน้องชายไว้แน่น
"มาร์ค" "ลุงศักดิ์ ป้าธิดา" ชายหนุ่มเอ่ยเรียกลูกผู้พี่ของพ่อกับภรรยาที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ท่านคณบดีคว้าตัวหลานทั้ง 2 เข้าไปกอดไว้แน่น ในขณะที่ป้าธิดารีบรั้งน้องสะใภ้กอดไว้อย่างปลอบโยน
"ตั้งสตินะลูก ตั้งสติก่อน พ่อเราท่านหมดกรรมแล้ว เราอย่าทุกข์โศกให้กรรมติดมันไปเลยนะ เดี๋ยวลุงช่วยจัดการทางนี้ให้ ส่วนธิดาพาน้องไปจัดการเรื่องวัดนะ ตอนเย็นตรีกับมะปรางน่าจะมาถึง" คุณลุงของหลานจัดแจงเสียงนิ่งสงบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านเสียคนที่รักไป ทั้งพ่อแม่น้าชาย ตลอดจนแม่ของมาร์คท่านก็เป็นคนดำเนินการเองทั้งหมดท่านจึงเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในครอบครัวที่พึ่งพาได้ในตอนนี้
"ลุงครับผมอยู่ด้วยครับ นิคไปกับแม่นะ ดูแลแม่ดี ๆ" มาร์ครีบเอ่ยพรางหันไปบอกน้องชายทั้งน้ำตา ที่ท่านคณบดีมาได้เร็วขนาดนี้มาร์คไม่แปลกใจ เพราะ ผอ.โรงพยาบาลนี้เป็นเพื่อนของท่านและทุกครั้งที่พ่อของเขาเข้าโรงพยาบาลท่านจะรู้ด้วยตลอด
"แต่ผมขอเข้ามาหาพ่อก่อนได้มั้ยครับ" นิคเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ทุกคนจึงพากันหันไปมองหน้าคุณหมอที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คุณหมอพยักหน้าช้า ๆ แล้วเปิดประตูห้องฉุกเฉินพาทุกคนเดินเข้าพาทุกคนเข้าไปข้างใน มาร์คกับนิคจับมือกันเดินเข้าไปหาพ่อพร้อมทั้งนั่งลงคุกเข่ากราบที่เท้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มเอ่ยให้สัญญากับร่างไร้ลมหายใจของผู้เป็นพ่อเสียงทุ้มแต่หนักแน่นที่สุด "พ่อไม่ต้องห่วงน้านารถกับนิค นะครับ ผมสัญญาจะดูแลน้านารถกับนิคให้ดี จะไม่ให้ใครรังแกได้ ผมเคยพูดอะไรไว้ผมจะทำให้ได้พ่อกับแม่คอยมองดูความสำเร็จของผมบนสวรรค์นะครับ" ว่าจบชายหนุ่มยกมือที่ซีดไร้สีของผู้เป็นพ่อลูบหน้าตัวเองแล้วแนบแก้มลงที่หลังมืออุ่น ๆ อีกครั้งแล้วลุกขึ้นดึงแขนน้องชายมายืนข้างกัน.....
งานศพของเสี่ยมนตราถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติถึง 5 วัน โดยการจัดการที่ไร้การคัดค้านของท่านคณบดีศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นพี่ชาย โดยที่ท่านสั่งห้ามไม่ให้คุณผกาอดีตน้าสะใภ้ แม่ของคนตายมาวุ่นวายกับเงินที่มีคนใส่ซองช่วยทำบุญ หรือส่วนใด ๆ เด็ดขาด
"หนอย... ไอ้ศักดิ์ ชั้นเป็นแม่มันนะ มันตายซองช่วยงานมันก็ต้องเป็นของชั้นสิ" คุณย่าผกาพูดขึ้นขณะที่อยู่ต่อหน้าศพวันสุดท้าย
"ไม่ได้หรอกครับ เงินพวกนี้ต้องจัดงานแล้วลูกเมียมนมันก็อยู่ครบ เหลือตรงนี้ต้องจัดการไปตามส่วน" ท่านคณบดีพูดขึ้นเสียงนิ่ง
"ลูก เมีย? มันจะสำคัญอะไร มันก็แค่คนนอก ฉันเป็นแม่มัน ไม่มีฉันมันจะเกิดมาให้ไอ้พวกนี้ได้เกาะกินสบายกันอยู่นี่มั้ย" คุณผกาพูดขึ้นไม่อายใครในขณะที่แขกหันมองหน้ากันตาปริบ ๆ
"เขาช่วยกันทำมาหากินครับคุณน้า ตามกฎหมายลูกเมียเขาต้องได้ตามส่วนครับ" ท่านคณบดีกัดฟันกล่าวอย่างระงับอารมณ์
"ไม่รู้ล่ะ เผาเสร็จเงินซองฉันต้องได้ครึ่งนึง สวนมนตรามันก็ต้องเป็นของฉันครึ่งนึงเหมือนกัน ฉันจะขายแล้วส่งหลานชายฉันไปเรียนต่างประเทศ" คุณย่าผกาว่าเสียงดังอย่างเอาแต่ใจ
"คงไม่ได้หรอกค่ะคุณแม่ ..." "ใครแม่แก ลูกฉันตายไปแล้วแกไม่มีสิทธิ์เรียกชั้นว่าแม่" คุณย่าผกาเอ่ยสวนภรรยาลูกชายขึ้นทันที
"งั้น...คงไม่ได้ค่ะคุณผกา ( คุณนงนารถลุกขึ้นพูดเสียงดังได้ยินกันทั้งศาลาทั้งแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ) เงินที่แขกท่านให้มาท่านเอามาทำบุญค่ะ เหลือจากนี้นารถจะทำผ้าป่าเป็นมหากุศลให้พี่มนทั้งหมดและเหลือเท่าไหร่นารถจะเพิ่มให้อีกเท่าตัว ส่วนสวนมนตราที่คุณผกาวนเวียนอยากได้และพยายามไล่ผู้สืบทอดมรดกที่แท้จริงหนีมาตลอด มันเป็นชื่อของพี่มนกับดาราใช้เงินเก็บซื้อร่วมกัน ไม่ใช่ของพี่มนคนเดียว แล้วตอนนี้นารถก็ให้พี่มนโอนเป็นชื่อของมาร์คตั้งแต่มาร์คอายุ 20 แล้วค่ะ ถ้ามาร์คให้ใครอยู่คืออยู่ ถ้ามาร์คไม่ให้ใครเหยียบก็เหยียบไม่ได้" นงนารถพูดขึ้นเสียงดังอย่างเหลืออด
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณผกาพยายามไล่มาร์ค ลูกชายของดาราออกจากบ้านหลอกศาลขอเป็นคนดูแลมาร์คแทนพี่มนกับ
นารถแล้วขายสมบัติของดาราทุกอย่างเอาเงินเข้าบ่อนจนเกือบหมด แอบขายบ้านที่พี่มนตั้งใจซื้อไว้เซอร์ไพรส์เนส (อันนี้เรื่องจริง เพราะบ้านหลังนั้นเสี่ยมนตรากะซื้อให้เนสตอนที่เข้ามาเรียนกรุงเทพ แต่ไม่มั่นใจว่าเนสจะเรียนที่ไหนเลยซื้อไว้ตรงรอบนอกและซื้อพร้อมกับคอนโดของมาร์ค แต่แม่ของท่านจ้างคนปลอมลายมือขายให้คนรู้จักและตอนนี้นงนารถก็ไปขอซื้อคืนมาแล้วและใส่ชื่อของมาร์คเอาไว้เพื่อปกป้องสมบัติชิ้นนี้ และเรื่องนี้มาร์คก็รู้ดีและบอกว่าจะโอนให้เนสถ้าถึงเวลา) พี่มนตั้งใจจะเซอร์ไพรส์เนส (เธอเน้นชื่อลูกชายคนกลางที่นั่งอยู่ข้างคุณย่าอีกทีพร้อมทั้งมองหน้าลูก) เป็นของขวัญวันเกิดตอนเนส อายุ 20 แต่คุณผกาก็ปลอมลายมือขายให้คนรู้จักไปก่อน ให้เนสโกรธมาร์คที่ได้คอนโดสมบัติเก่าของดาราแต่เนสไม่ได้อะไรเลย แล้วบ้านหลังนั้นมันก็แพงกว่าคอนโดของมาร์คซะอีก" คุณนงนารถว่าเสียงดังพร้อมกับกำมือแน่นแล้วมองหน้าลูกชายคนกลางน้ำตานองหน้าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอรักเนสมากแต่คำพูดของเธอกับสามีลูกชายไม่เคยฟังกลับไปเชื่อฟังแต่คนเป็นย่าที่คอยใส่ร้ายป้ายสีให้คนในครอบครัวทะเลาะกัน และคนที่น่าสงสารที่สุดคือลูกชายคนโตของสามีที่เขายอมคนในบ้านทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้พ่อ
"จริงเหรอแม่ นี่ย่าขายบ้านของผมเหรอ?"