บทที่ 3 เด็กขายพวงมาลัย
ชายหนุ่มยกมือไหว้คุณย่าปลายนิ้วชี้จรดจมูกแล้วก้มลงเล็กน้อยเหมือนไหว้คนอายุเท่ากัน แล้วเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าลงที่หน้าผู้เป็นพ่อกราบลงที่ตัก 1 ครั้งแล้วหันไปทำแบบเดียวกันกับภรรยาใหม่ของพ่อด้วยความเคารพ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตานิ่งแล้วถอยหลังลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปหาเพื่อนที่รออยู่ด้านนอกทันที "มาร์คลูก ..." คนเป็นพ่อเรียกลูกชายคนโตน้ำตาคลอ ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเป็นแบบนี้ ทั้งที่เสาร์ที่จะถึงนี้เป็นวันเกิดครบ 21 ปีของมาร์คท่านตั้งใจอยากให้ลูกชายกลับบ้านเพื่อฉลองกันเล็ก ๆ ในครอบครัวเหมือนทุกปี
"หึ ให้มันรอดเถอะ ปล่อยมันไปจะอาลัยอาวรณ์มันทำไม" คุณย่าเอ่ยขึ้นอย่างเหยียด ๆ ท่านสบายใจอย่างน้อยมาร์คก็พูดออกมาแล้วว่าจะไม่ทวงอะไรกับท่านอีก
"ผมบอกให้หยุดพูดไงแม่ วิทูรพาแม่กลับไปบ้านพักคนชราซะ กูจะกลับแท็กซี่เอง" เสี่ยมนตรากล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปมองหน้าท่านคณบดีที่นั่งนิ่งอยู่โต๊ะทำงาน
"พี่จะบอกว่าจากเหตุการณ์แบบนี้ที่เกิดขึ้น ตามกฎมหาลัยพี่จำเป็นต้องให้เนสพักการเรียนในเทอมนี้และเทอมหน้า" ท่านคณบดีกล่าวเสียงทุ้มพร้อมกับมองหน้าน้องชาย
"จะบ้าเหรอศักดิ์ หลานกำลังสอบอยู่นะ" คุณย่าแหวขึ้นแทนหลานทันทีพร้อมทั้งลูบหัวหลานชายคนโปรดอย่างปลอบโยน
"มันไม่ใช่ความผิดครั้งแรกครับน้า เนสหาเรื่องมาร์คแทบทุกครั้งที่เจอหน้า จนติดทัณฑ์บนมา 4 ครั้งแล้ว แล้วตอนนี้เรื่องนี้ก็ว่อนเพจมหาลัยโดนแชร์ไปอีกหลายกลุ่ม ถ้าผมไม่จัดการท่านอธิการฯ ได้สอบผมแน่ แล้วมาร์คก็เป็นว่าที่เกียรตินิยมของคณะเป็นเด็กกิจกรรมทำตัวดีมาตลอด ผมคงไม่ใจร้ายทำลายอนาคตมันเหมือนที่น้าทำหรอกครับ" ท่านคณบดีพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่ไว้หน้า ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาท่านไม่เคยชอบนิสัยเอาแต่ใจเห็นแก่ได้ของน้าสะใภ้คนนี้เลย ตอนที่น้าชายท่านเลิกกับผู้หญิงคนนี้ไปครอบครัวของท่านดีใจมาก เธอหายไปเกือบ 20 ปี แล้วเพิ่งกลับมาวุ่นวายกับลูกก็ตอนที่น้องชายท่านแต่งงาน มาจัดการเป็นแม่งานเองทุกอย่างและจัดการเซ็นเป็นผู้ดูแลมาร์คแทนลูกชาย เมื่อเสี่ยมนตราแต่งงานใหม่กับนงนารถที่เป็นเพื่อนรักของภรรยาเก่า โดยให้เหตุผลว่ากลัวจะเป็นปัญหาลูกเลี้ยงแม่เลี้ยง และทยอยขายทรัพย์สินของภรรยาน้องชายท่านจนหมดในเวลาอันรวดเร็วและใส่ร้ายจงเกลียดจงชังมาร์คมาตั้งแต่นั้น
"เอ้อ...แล้วอีกอย่างนะครับ" ท่านคณบดีเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น "เทอมนี้เนสยังไม่ได้จ่ายค่าเทอมนะครับ ส่วนที่ค้างของเทอมที่แล้วมาร์คจ่ายให้ครบแล้ว เกรดออกแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน" ท่านคณบดี พูดขึ้นพรางมองหน้าน้องชายนิ่ง ๆ
"จะบ้าหรือไงอย่ามายกหางมันนะ ค่าเทอมฉันจ่ายให้หลานฉันมาตลอด" คุณย่าขึ้นเสียงทันที
"ผมให้มาจ่ายตอนลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วนี่ครับพี่ศักดิ์" เสี่ยมนตราเอ่ยตอบลูกคนพี่พรางหันมามองหน้าลูกชายที่ก้มหลบสายตาและแอบหลังคุณย่าอยู่อย่างเอาเรื่อง
"จ่ายที่ไหนกัน ของเทอมที่แล้วมาร์คก็ทยอยจ่ายให้จนครบเกรดถึงออก ของตัวเองเทอมนี้ก็เพิ่งจ่ายหมด ส่วนเทอมนี้ของเนส มาร์คยังไม่ได้จ่ายให้ เทอมนี้หลานกิจกรรมเยอะ" ท่านคณบดีกล่าวขึ้น พร้อมทั้งยื่นหลักฐานยืนยันคำพูดตัวเอง เป็นเอกสารเซ็นจ่ายเงินค่าเทอมแบบผ่อนจ่ายโดยมีลายเซ็นของมาร์คเป็นคนจ่ายทั้งหมดและค่าเทอมของมาร์คเทอมนี้เขาเพิ่งเคลียร์ครบแต่ไม่ได้เคลียร์ของเนสด้วย
"ไอ้เด็กแล้งน้ำใจ ..." "หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณผกา" เสี่ยมนตรากัดฟันพูดกับคนเป็นแม่พร้อมทั้งจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ท่านโตมาจากบ้านที่พ่อมีแต่เวลาทำงานส่วนแม่นั้นออกงานสังคมเฮฮาไปวัน ๆ ท่านจึงอยู่กับพี่เลี้ยงและป้า ซึ่งก็คือแม่ของท่านคณบดีซะเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ได้ผูกพันอะไรกับแม่มากนัก และไม่คิดว่ายิ่งแก่แม่ของท่านจะไม่เปลี่ยนนิสัย ท่านจึงคิดภายในใจว่าคงไม่เป็นการเนรคุณอะไร ถ้าจะเอากลับไปไว้ที่บ้านพักคนชราตามเดิมและจ้างคนดูแลเป็นพิเศษ และอีกอย่างแม่ของท่านถึงจะอายุ 70 แล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บดูแตัวเองได้ ให้ไปอยู่แบบนั้นดีกว่ามาทำให้ครอบครัวร้าวฉานไปมากกว่านี้
"เรื่องค่าเทอมผมจะจัดการให้ครับพี่ศักดิ์ ส่วนเรื่องพักการเรียนก็แล้วแต่ทางมหาลัยจะดำเนินการครับ งั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับพี่วันหลังผมจะมาหาพี่ใหม่นะครับ" เสี่ยมนตราเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยกมือไหว้ลูกคนพี่ แล้วตวัดตามองลูกชายคนกลางอย่างเอาเรื่อง
"ส่วนแกกลับไปช่วยงานที่สวนหาเงินจ่ายค่าเทอมปีหน้าเอง ถ้าทำไม่ได้จะไปไหนก็ไป" ว่าจบก็พยักหน้าให้ภรรยา คุณนงนารถรีบยกมือไหว้ลาท่านคณบดีแล้วพยุงสามีลุกขึ้นยืนก่อน
ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้อง
"คุณย่าครับ..." "ไม่เป็นไรนะลูกเดี๋ยวย่าจัดการให้ ตัวแค่นี้จะให้ไปทำงานตากแดดตากลมทำไม เราไม่ได้ถึกเป็นวัวเป็นควายเหมือนไอ้กำพร้านั่น ปะ ลูกกลับบ้านกับย่านะครับ" คุณย่า 2 มาตรฐานเอ่ยกับหลานชายคนโปรดเสียงหวานพร้อมกับลุกขึ้นเดินจูงมือหลานชายออกจากห้องโดยไม่ลาเจ้าของห้อง
"เฮ้อ...แก่รอตาย จริง ๆ เล้ย...." ท่านคณบดีถอนหายใจหนัก ๆ พร้อมกับส่ายหน้าอย่างเอือมระอา กับไม้ผุที่สันดานไม่เปลี่ยน
...........//..........
@SARAN BAR
หน้าร้านอาหารกึ่งผับที่ดังที่สุดในย่าน ชายหนุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจเข้ามาจอดข้างร้านแล้วเดินออกไปรอเพื่อนที่บอกว่าจะมาฟังเขาร้องเพลงคืนนี้ที่หน้าร้าน
"พี่คะ วันนี้วันพระ ซื้อพวงมาลัยไหว้ศาลซักพวงมั้ยคะ" เสียงหวานดังขึ้นด้านหลังขณะที่เขากำลังยืนควงกุญแจรถรอเพื่อนอยู่ ทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปขมวดคิ้วมองเจ้าของเสียงอย่างใช้ความคิด
"น้องคนใต้สะพานเมื่อเช้านี่ ทำไมมาขายไกลจังล่ะ" มาร์คเอ่ยทักอย่างนึกได้
"วันนี้วันพระค่ะ ร้านแถวนี้สั่งประจำแล้ววันนี้อ้วนก็ทำพวงมาลัยหนูพังไปตั้งหลายพวงหนูเลยทำมาขายเพิ่มด้วยค่ะ" เด็กน้อยพูดหน้าหงอย ๆ นึกเสียดายพวงมาลัยที่อ้วนเอาทิ้งถังขยะเมื่อเช้าพร้อมไม้แขวน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนตัวโตอย่างมีความหวัง "ช่วยหนูซื้อหน่อยสิคะ ไหว้ศาลแบบร้านอื่นทำไง จะได้เฮง ๆ ปัง ๆ คนเข้าร้านจนไม่มีที่ให้นั่งเลยนะคะ" คนตัวเล็กหว่านล้อมเสียงใสอย่างน่ารัก
"ขายเก่งนะเรานี่ พวงละกี่บาท พี่ช่วยซื้อจะได้กลับบ้านเร็ว ๆ" ชายหนุ่มว่าพรางล้วงกระเป๋าหาเงินมาจ่ายแม่ค้าตัวน้อย
"พวงละ 20 ค่ะ หนูเหลือ 6 พวง ถ้าพี่เหมาหมดหนูลดให้เหลือ 100 ก็พอค่ะ" แม่ค้าเอ่ยเสียงหวานพร้อมกับยิ้มแฉ่งอย่างดีใจ
"งั้นอ่ะ (ยื่นแบงก์สีแดงให้ 2 ใบ) ไม่ต้องทอนที่เหลือพี่ติ๊บ" ชายหนุ่มก้มหน้าพูดด้วยยิ้ม ๆ อย่างถูกชะตา
"โห...ติ๊บตั้ง 80 แหนะ ข้าวสาร 2 โล ไข่อีก 20 ว้าว ~" คนตัวเล็กตื่นเต้นตาโตพร้อมกับพึมพำสิ่งที่ตัวเองจะได้นอกเหนือจากกำไรแล้วเงยหน้าขึ้นยกมือไหว้พี่ชายใจดีที่เหมาพวงมาลัยเธอในคืนนี้จนหมดไวจะได้กลับไปดูละครหลังข่าวเร็วขึ้น
"ขอบคุณนะคะพี่ใจดี งั้นอ่ะ นี่ค่ะ ขอให้เฮง ๆ ปัง ๆ ตั่ง ตั๊ง หว่าน หว่าน นะคะ" คนตัวเล็กให้พรเหมือนที่ได้ยินในทีวีตอนตรุษจีนพร้อมกับยื่นพวงมาลัยทั้ง 6 พวงไปต่อหน้าชายหนุ่ม
"หือ... ใครบอกว่าพี่ให้ฟรีกันล่ะ พี่จะฝากไหว้ศาลด้วยน่ะ พวงละศาล 6 พวงนี่ก็ 6 ศาลนะ" ชายหนุ่มยังชวนคุยยิ้ม ๆ
"อืม...งั้นก็ได้ค่ะ แต่ศาลนี้พี่ต้องไหว้เองนะ เดี๋ยวหนูวิ่งข้ามถนนไปไหว้ศาลตรงข้ามแล้วเดินกลับบ้านมีอีก 3 ศาล เอ...อีกพวงนึงไหว้ตรงไหนดีล่ะ" คนตัวเล็กพูดจ้อย ๆ แล้วทำท่าคิดหนักเพราะศาลแถวนี้ก็มีแค่นี้ แล้วเหลืออีกพวงนึงจะไหว้ตรงไหนดี คิดไปขมวดคิ้วไปสีหน้าจริงจังจนคนตัวโตนึกขำกับความเป็นเด็กจริงจังของเธอ
"งั้นเอางี้ ศาลหน้าร้านนี่เราไหว้กันคนละพวง ส่วนอีก 4 พวงก็ไหว้ตามที่หนูว่าเลย" มาร์คตัดสินใจให้ยิ้ม ๆ อย่างเอ็นดู
"จริงด้วย! งั้นนี่ ป่ะ เราไปไหว้ศาลนี้กัน แล้วพี่ทำงานอยู่ร้านนี้หรือว่ามาเที่ยวคะ" ยื่นพวงมาลัยให้คนตัวโต 1 พวงพร้อมทั้งลากแขนชายหนุ่มเดินไปทางศาลระหว่างทางก็ถามข้อมูลไปด้วย จะได้บอกศาลถูกว่าใครฝากไปไหว้ แล้วเธอต้องรีบเพราะตอนนี้ละครเรื่องโปรดของเธอจะมาแล้ว "แล้วพี่ชื่ออะไรล่ะคะ หนูจะได้ขอพรถูก" คนตัวเล็กหันมาถามอย่างนึกได้
"อืม...พี่ทำงานที่นี่แหละ แล้วต้องบอกชื่อพี่ด้วยเหรอ?" ชายหนุ่มถามขำ ๆ *ไหว้ศาลพระภูมินี่ต้องบอกชื่อด้วยหรือวะ*
"เอ๊า...ต้องบอกสิ ไม่บอกท่านจะรู้เหรอว่าจะให้พรใคร" คนตัวเล็กหันมาตอบพร้อมกับพนมมือไหว้ท่าทางตั้งใจมาก
"พี่ชื่อมาร์ค" เสียงทุ้มก้มลงพูดใกล้หู แล้วยืดตัวขึ้นมองคนตัวเล็กที่หลับตาพนมมือขอพรหน้าศาลพระภูมิสีหน้าจริงจังอย่างพิจารณา เธอเป็นคนตัวเล็กผิวขาวใส จนเห็นเส้นเลือดฝอยจาง ๆ ที่ข้างแก้ม ตัดผมหน้าม้าเสมอคิ้ว เย็นนี้เธอถักเปียผูกโบลายตารางสีน้ำตาลขาว กางเกงวอร์มแกรนด์สปอร์ตสีดำตัวใหญ่เหมือนกับว่าซื้อมาครั้งเดียวจะใส่ยาวถึงจบมหาลัยเลยยังงั้น กับเสื้อกีฬาเบอร์ 8 ขยี้ใบสุดฮิตแห่งยุค รองเท้าอีแตะสายไขว้สีเหลืองเก่า ๆ แต่ดูสะอาดสะอ้าน เล็บมือตัดสั้นสะอาด ดูโดยรวมแล้วน่าจะเป็นลูกคุณหนูมากกว่าเด็กขายพวงมาลัยธรรมดาทั่วไปซะอีก
"สาธุ...." เสียงเล็ก ๆ ว่าพร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะ 3 ครั้งแล้วหันมามองชายหนุ่มตาแป๋ว "หนูไหว้เสร็จแล้วเดี๋ยวข้ามไปไหว้ฝั่งนั้นให้ จะบอกท่านว่าพี่มาร์คร้านสรันบาร์ฝากมาไหว้นะคะ" ว่าพร้อมกับทำท่าจะเดินไปรอข้ามถนน
"เดี๋ยว รู้ได้ไงว่าชื่อร้านอะไร" มาร์คดึงหางเปียถามแม่ค้าตัวน้อยขำ ๆ
"หนู ป.6 แล้วนะคะ แค่ตัวเล็กเฉย ๆ แล้วได้เกรด 4 อังกฤษด้วย หนูอ่านออกแล้ว ไปนะคะ สวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กหันมาตอบพร้อมกับยกมือไหว้แล้ววิ่งไปรอที่ฟุตบาทหันซ้ายหันขวาพอไม่มีรถก็วิ่งข้ามถนนไปที่ศาลพระภูมิของร้านตรงข้ามทันที....
"มาร์คมึงไปไหนมา พวกกูยืนรออยู่นานแล้วเนี่ย