บท
ตั้งค่า

My Husband 9  - งานใหม่เพื่อนใหม่ และชีวิตใหม่

My Husband 9  - งานใหม่เพื่อนใหม่ และชีวิตใหม่

รุ่งเช้า

“พี่ภีมม์คะ เฟิร์นไปทำงานก่อนนะคะ”

ฉันผู้อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว รีบหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาไว้ในมือ ส่วนพี่ภีมม์ที่อาบน้ำที่หลังเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำ

“เค รอแป๊บเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“โอ๊ยไม่เป็นไรค่ะ เฟิร์นว่าไปเองดีกว่าจะได้ดูทางแล้วกะเวลาด้วย ว่าถ้าต้องไปทำงานเองต้องใช้เวลากี่ชั่วโมง”

“แล้วทำไมไม่ให้พี่ไปส่ง”

“แล้วพี่ภีมม์ไม่ไปทำงานเหรอคะ ก็ในเมื่อเราสองคนยกเลิกงานฮันนีมูนแล้ว พี่ภีมม์ก็กลับไปทำงานตามเดิมก็ได้นี่ค่ะ เมื่อคืนเฟิร์นเห็นพี่ภีมม์นั่งทำงานจนดึกดื่นดูท่างานของพี่ภีมม์น่าจะเยอะ”

ฉันพูดคนเดียวเป็นฉาก ๆ ในขณะที่พี่ภีมม์ยังทำหน้าเดียวไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ

“เอาเถอะค่ะ นี่ขนาดพี่ภีมม์หยุดสองวันงานยังเยอะขนาดนี้ ถ้าพี่ภีมม์หยุดเป็นอาทิตย์พี่จะทำงานทันเหรอ เดี๋ยวเดือนนี้ยอดขายรถก็ตกเป้าหรอก เฟิร์นไปทำงานก่อนนะคะ พี่ไม่ต้องซีเรียส สบาย ๆ ค่ะ เฟิร์นไม่ใช่ผู้หญิงเรื่องมากขนาดที่ต้องให้ใครมารับมาส่งขนาดนั้น บ้าย บายนะคะ เจอกันตอนเย็นนะคะ”

ยิ่งพอเขาไม่พูดหรือแสดงความรู้สึกอะไรออกมา ทำให้ฉันต้องยิ่งรีบรวดเดียวให้จบ ก่อนจะรีบชิ่งออกมาเพราะอึดอัด อีกอย่างก็ไม่ใช่อะไรนะเพราะสายตาของพี่ภีมม์ที่มองมามันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก ดวงตาสีเข้มของพี่ภีมม์มันมีเสน่ห์น่าดึงดูดแปลก ๆ

ฉันก็แค่...กลัวใจของตัวเอง

เราสองคนแต่งงานกันได้ และแน่นอนว่า เราสองคนก็อาจจะเลิกกันได้ ยิ่งพอฉันรู้ว่าเจ้าบ่าวของฉันมีแฟนอยู่ก่อนแล้ว ความเป็นไปได้ที่เราสองคนอาจจะเลิกกันภายในหนึ่งปีก็เป็นไปได้สูง

ซึ่งพอนึกมาถึงข้อนี้ ฉันว่าบางทีพี่ภีมม์ก็อาจจะคิดเหมือน ๆ กัน

ไม่ช้าฉันก็เดินทางมาถึงออฟฟิศแห่งใหม่ที่เป็นบริษัทออแกไนเซอร์ชื่อดัง ฝ่ายบุคคลพาฉันไปแนะนำตามแผนกต่าง ๆ ก่อนที่พาฉันมาที่แผนกAccount Execlusive โดยหน้าที่หลัก ๆ ของฉันคือทำหน้าที่ติดต่อประสานงานและดูแลลูกค้า เพื่อดิวงานขายงานและทำหน้าที่บรีฟงานให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า

จากที่ฉันประเมินด้วยสายตาที่แผนกที่ฉันทำงานน่าจะมีพนักงานราว ๆ สิบกว่าคน ส่วนหัวหน้าชื่อพี่แจนนั่งอยู่ในคอกกั้นที่แยกเป็นโซนชัดเจน

“นี่ลีโอเป็นรุ่นพี่บัดดี้ค่อยสอนงานเธอนะใบเฟิร์น” พี่แจนพาฉันมาที่โต๊ะทำงานเพื่อให้รู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่ง เป็นผู้ชายดูเนิร์ด ๆ ใส่แว่นดูท่าทางใจดี

“สวัสดีค่ะ คุณลีโอ” ฉันรีบยกมือไหว้

“สวัสดีครับ ชื่ออะไรนะเรา”

“ใบเฟิร์นค่ะ เรียกว่าเฟิร์นเฉย ๆ ก็ได้”

“โอเคครับ งั้นมานั่งตรงนี้ ผมเคลียร์พื้นที่ไว้รอเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าจะได้เรามาทำงาน” เขาพูดนิ่ง ๆ แต่ทำฉันงง เพราะเขาพูดเหมือนรอให้ฉันมาทำงานยังไงยังงั้น

“เอ๋...คุณลีโอรู้เหรอคะ ว่าฉันจะมา”

“อย่าเรียกคุณเลยครับ พวกเราอายุห่างกันแค่ปีเดียว”

“อ้าว แล้วจะให้เฟิร์นเรียกอะไรล่ะคะ”

“ก็เรียกลีโอธรรมดาก็พอ ผมสะดวกแบบนี้มากกว่า โอเคไหมให้คิดว่าเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เพราะผมก็เพิ่งมาทำงานก่อนใบเฟริน์แค่ปีเดียวเอง”

“แต่ยังไง คุณลีโอก็ถือว่าเป็นรุ่นพี่เฟิร์นอยู่ดีนี่คะ”

“แต่ผมอยากเป็นเพื่อน มากกว่าเป็นรุ่นพี่ เฟิร์นจะได้ไม่เกร็งหรือกดดันยังไงเวลาที่ผมสอนงาน” เขาอธิบายเหตุผลทำให้ฉันเกือบคล้อยตาม

“หูย คุณลีโอพูดเหมือนคุณจะสอนงานใบเฟิร์นดุยังงั้นแหละ”

“ไม่หรอกครับ ผมไม่ได้ดุขนาดนั้น แต่ผมแค่อยากสนิทกับใบเฟิร์นเร็ว ๆ เชื่อไหมตอนพี่แจนเอาใบสมัครมาให้ผมช่วยเลือก ผมเลือกใบเฟิร์นเป็นคนแรกเลย”

“อ้าว ก็ถ้าเลือกใบเฟิร์นเป็นคนแรก แล้วทำไมเมื่อกี้ถามละคะว่าเฟิร์นชื่ออะไร”

ใช่ไหม...เมื่อกี้เขาเพิ่งถามฉันว่าฉันชื่ออะไร แต่มาบอกว่าช่วยเลือกฉันกับพี่แจนเนี่ยนะ

ฉันเลิกคิ้วจ้องหน้าเขาแบบต้องการหาคำตอบ จนเขาขยับแว่นขึ้นมาแล้วตอบแบบอาย ๆ

“เออ...คือก็มันเขินนี่ครับ ใบเฟิร์นดูสวยกว่าในรูปตั้งเยอะ”

คราวนี้เป็นฉันเลยที่เขินแทน เพราะขนาดเพิ่งมาทำงานวันแรก แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนกำลังถูกผู้ชายขายขนมจีบอย่างไงอย่างงั้น

แต่...ก็แค่นั้นเลย

เพราะหลังจากที่เราสองคนทำความรู้จักกันเบื้องต้น

ลีโอก็เข้าประเด็นด้วยการเริ่มสอนงานฉันทันที

เขาเปิดให้ฉันดูพวก Presentation งานเก่า ๆ อาทิเช่นงานเปิดตัวแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอาง รวมไปถึงเปิด รีสอร์ต โรงแรม งานแต่งงาน และโชว์รูมรถยนต์

พอดูมาถึงการเปิดตัวรถยนต์ ฉันก็อดคิดไปถึงพี่ภีมม์เจ้าบ่าวของฉันที่เขาเป็นเซลล์ขายรถ แน่นอนว่าถ้าพูดถึงการขายรถก็คงต้องมีการจ้างพริตตี้ เพราะงั้นชีวิตของเขาคงจะมีสาวสวย ๆ ระดับพริตตี้เข้ามาในชีวิตมากมาย รวมถึงผู้หญิงสวย ๆ คนนั้นที่ตั้งรูปเป็นสายโทรเข้ามา

เฮ้อ...ทำไมฉันถึงยังอดคิดมากในเรื่องนี้ไม่ได้นะ

หลังจากวันแรกที่ฉันทำงาน ผ่านมาสองอาทิตย์หลังจากที่ฉันเริ่มทำงาน ฉันสามารถปรับตัวและเรียนรู้งานใหม่ได้เป็นอย่างดี อาจจะเป็นเพราะส่วนหนึ่ง ฉันได้หัวหน้างานใจดีอย่างพี่แจน และได้คนสอนงานเก่ง ๆ อย่างลีโอ รวมถึงเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ดูเป็นมิตรหมดทุกคน

แต่…เห็นทีจะมีเพียงแต่คนที่บ้านของฉันเท่านั้นแหละ ที่ฉันยังคงปรับตัวไม่ได้เลย เราสองคนคุยกันแทบจะนับคำ ทั้ง ๆ ที่เราสองคนเพิ่งจะแต่งงานกันแต่กลับเหมือนอยู่กันคนละโลก

ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าพี่ภีมม์จะไม่ค่อยพอใจอะไรฉันหรือเปล่า เพราะถ้านับจากวันที่เขาโทรมาในวันที่ฉันเพิ่งทำงานวันแรกวันนั้น เขาก็ดูตึง ๆ ไป

“เราเลิกงานกี่โมง เดี๋ยวเย็นพี่ไปรับ”

“หา…พี่ภีมม์จะมารับเหรอคะ อย่าเลยค่ะเฟิร์นเกรงใจ อีกอย่างคือพอดีมีเพื่อนที่ทำงานของเฟิร์นบอกว่าคอนโดที่เราอยู่เป็นทางผ่านบ้านของเขาพอดี เขาเลยอาสาจะไปส่งเฟิร์นเองค่ะ”

“เพื่อน?”

“ใช่ค่ะ เพื่อนที่ทำงานแผนกเดียวกัน”

พี่ภีมม์เงียบไปนิดนึงเหมือนคิดอะไร ก่อนที่เขาจะตอบประโยคสั้น ๆ ออกมา

“ครับ”

แถมเขายังวางสายใส่ฉันในทันที ส่วนฉันก็ไม่ได้สนใจหรือไม่ได้คิดอะไรมากนักในตอนนั้น แต่ทว่าพอเลิกงานกลับมาฉันเห็นเตรียมอาหารเย็นรอไว้ให้ ก็แอบรู้สึกดีนิดหนึ่งที่เห็นพี่ภีมม์กำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ในห้องครัวไว้ให้ฉัน

“ทำไมพี่ภีมม์เลิกงานไวละคะ”

“พี่ออกจากบริษัทมาไวครับ”

“อ้าวออกก่อนเวลาได้เหรอคะ เจ้านายบริษัทพี่ภีมม์ใจดีจัง”

เขาละจากการทำอาหารก่อนหันมามองฉันแว่บหนึ่ง แต่ไม่ตอบคำถามที่ฉันถาม แต่กลับเปลี่ยนไปพูดประโยคอื่น

“เราไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะ กลับมาเหนื่อยอาบน้ำเสร็จอาหารเย็นคงเสร็จพอดี”

“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” จะว่าไปฉันก็แอบเขินนิดหน่อยที่เห็นผู้ชายหล่อ ๆ ขนาดนี้ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วมายืนทำอาหารให้ฉันกิน แต่ก็ยังมีแอบสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมเขาถึงสามารถออกจากงานก่อนเวลาได้โดยที่บริษัทไม่ว่าอะไรเลย บริษัทที่พี่ภีมม์ทำงานอยู่นี่ใจดีชะมัด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel