My Husband 12 - ใจดีแบบนี้กับทุกคนไหมนะ
My Husband 12 - ใจดีแบบนี้กับทุกคนไหมนะ
“เฟิร์นเป็นอะไรหรือเปล่าดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” ลีโอถามฉันในขณะที่พวกเรานั่งรถกลับมา
“เปล่านี่ แค่อาจจะกำลังตื่นเต้นที่กำลังจะได้จับงานใหญ่ขนาดนี้ ขอบคุณนายมากนะที่ช่วยเหลืองานฉันขนาดนี้ ถ้าไม่ได้นายคงแย่” ฉันหันไปยิ้มขอบคุณให้ลีโอ ทั้งที่คำพูดค่อนข้างสวนทางกับจิตใจเพราะฉันกำลังนอยเรื่องที่ได้ยินเจนนี่คุยกับพี่ภีมม์ด้วยท่าที่สนิทสนมเมื่อครู่มากกว่า
“รู้ตัวไหมว่าวันนี้เฟิร์นนำเสนองานได้ดีมาก ดูสิคุณเจนนี่ท่าทางจะชอบงานของเฟิร์นมากเลยแสดงว่าเราเตรียมตัวมาค่อนข้างดี”
เพราะคำพูดที่เป็นการให้กำลังใจของลีโอทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้างนิดหน่อย แต่กระนั้นฉันก็ไม่อยากเล่าเรื่องของคุณเจนนี่กับพี่ภีมม์เจ้าบ่าวที่เพิ่งแต่งงานของฉันให้ลีโอฟัง เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวซึ่งฉันควรแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับงานให้ออกจากกันเด็ดขาด
ถึงฉันจะพยายามบอกตัวเองแบบนั้น แต่เมื่อเวลาเลิกงานแล้วฉันกลับมาถึงคอนโดแล้ว พอเจอหน้าพี่ภีมม์ที่ทำอาหารเย็นรอฉัน อยู่ ๆ ฉันก็รู้สึกหงุดหงิดออกมา ทั้งที่ใจจริงฉันเองก็อยากจะบอกอยากจะเล่าว่าตัวเองกำลังจะมีความสุขมากที่กำลังจะได้งานชิ้นใหญ่ให้เขาฟัง แต่...เขาคงไม่อยากฟังหรอก
“ทำไมวันนี้ดูกินน้อยจัง”
เขาถามเมื่อเห็นฉันเขี่ยอาหารบนจานไปมา
“วันนี้เหนื่อย ๆ นิดหน่อยค่ะ”
“มีอะไรให้พี่ช่วยไหมบอกได้นะ”
พอได้ยินคำว่า ช่วย ก็ดันพาลนึกไปถึงคำพูดของคุณเจนนี่ที่บอกว่าจะให้พี่ภีมม์ช่วยเรื่องงาน ฉันก็ถึงกับวางช้อนลงทันที
“พี่ภีมม์ใจดีกับทุกคนแบบนี้เสมอเลยหรือเปล่าคะ”
เขาเลิกคิ้วมองหน้าฉันแบบงง ๆ คล้ายกับเป็นการตั้งคำถาม
“อยากรู้ค่ะ ตอบหน่อย” ฉันทำหน้าจริงจังก่อนจะมองตาเขา ประหนึ่งว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเร่งเร้าเอาคำตอบ และเขาควรจะต้องตอบคำถามของฉันด้วย
“เอ่อ...ก็ไม่นะครับ เฉพาะคนที่พี่อยากจะช่วย” คงจะหมายถึงคุณเจนนี่คนสวยคนนั้นสินะ
“ก่อนหน้าที่เราจะแต่งงานกัน พี่ภีมม์เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่าคะ” นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากรู้ แต่ดูพี่ภีมม์อึ้ง ๆ ไปเมื่อเจอคำถามนี้จากฉัน
“ถามทำไมครับ”
แน่ะ...มาถามย้อนฉันอีก
“ก็เผื่อถ้าพี่ภีมม์มีคนที่คบอยู่ก่อนแล้ว พี่ภีมม์อยากไปแต่งงานกับคนนั้นมากกว่า พี่ภีมม์บอกเฟิร์นได้เลยนะคะ เฟิร์นเข้าใจค่ะว่าที่เราสองคนแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่บังคับ” ฉันรู้สึกตัวเองว่าเหมือนตอนนี้ตัวเองทำเป็นเด็ก ๆ งอแงเรื่องอะไรอยู่ก็ไม่รู้
“หมายความว่าไงครับ”
“หมายความตามที่พูดเลยค่ะ ถ้าพี่ภีมม์แต่งงานแล้วก็ไม่ควรมีผู้หญิงคนอื่น และถ้าพี่ภีมม์ยังอยากจะมีก็ควรหย่ากันก่อนค่อยไปมีคนอื่นนะคะ”
ฉันงี่เง่ามากที่ลุกขึ้น ในขณะที่พี่ภีมม์ยังคงทำหน้างง ๆ อยู่ นี่เขาคงยังไม่รู้สินะว่าฉันหมายถึงเรื่องอะไร หรือว่าเขารู้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่
ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องอย่างนอยด์ ๆ แต่ไม่คิดว่าพี่ภีมม์จะเดินตามกลับเข้ามาด้วย ปกติเขาหลังมื้อเย็นเขามักจะคลุกอยู่แต่ในห้องทำงานส่วนตัวของเขา แต่วันนี้พี่ภีมม์กลับเดินตามฉันมาในห้องนอน ไม่พอยังทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ทำเอาฉันต้องรีบหันหลังแล้วนอนตะแคงไปอีกฝั่งทันที
“พี่ไปทำอะไรให้เราไม่พอใจหรือเปล่าครับ ทำไมวันนี้เราถึงพูดกับพี่แปลก ๆ”
“...” ฉันเลือกที่จะไม่ตอบแต่แกล้งทำเป็นนอนหลับ ถึงจะดูไม่ค่อยเนียนก็เถอะ เพราะว่าเราเพิ่งเดินเข้าห้องมาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไป
“เราเพิ่งแต่งงานกันไม่ถึงเดือนนะครับเฟิร์น อย่าเพิ่งพูดเรื่องหย่าเลยมันฟังดูไม่ค่อยดี แล้วอีกอย่างเรื่องที่เฟิร์นพูดถึงผู้หญิงคนอื่นอะไรพี่ก็ไม่มีอย่างทีเฟิร์นพูดเมื่อกี้เลยสักนิด”
โห...ผู้ชายอะไรโกหกได้หน้าตายมาก ขนาดฉันรู้หมดแล้วนะ ได้ยินกับหูได้เห็นกับตาด้วย แล้วนี่คือฉันรู้แต่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สินะ
“...”
“เฟิร์นครับ หลับแล้วเหรอครับ” เขาถามย้ำฉันอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าฉันก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนเตียงข้างหลังยวบลงเพราะว่าเขานอนลงข้าง ๆ ฉัน
จากการที่ฉันพยายามแกล้งทำเป็นหลับ จนสุดท้ายแล้วฉันดันเผลอหลับขึ้นมาจริง ๆ ก่อนจะรู้สึกตัวขึ้นกลางดึกแล้วพบว่าท่อนแขนแกร่งของพี่ภีมม์สวมกอดฉันจากทางด้านหลัง เล่นเอาฉันไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเพราะกลัวจะทำให้เขาตื่น
ตะ แต่...นี่มันอะไรกัน หรือว่าพี่ภีมม์นอนดิ้นแบบที่ฉันชอบเผลอนอนไปกอดเขาบ่อย ๆ อย่างงั้นเหรอ
ดูสิอุตส่าห์ข่มตาให้หลับไปแล้วรอบหนึ่ง แต่พี่ภีมม์เล่นมานอนกอดกันแบบนี้แล้วใครมันจะนอนหลับไปได้ลง
ใช่…ใครมันจะหลับลง
ฉันก็พูดกับตัวเองแบบนี้ทุกวัน (แต่ก็เผลอหลับสนิททุกที)
แต่ทว่า....พอตอนเช้ามาถึง สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้เผลอตัวหันไปนอนกอดเขาโดยเอาใบหน้าไปซุกที่แผงอกของเขาอย่างไม่รู้สึกตัวเลยทุกครั้ง
และด้วยสาเหตุนี้ส่วนหนึ่ง ฉันถึงต้องหาข้ออ้างในการพยายามตื่นนอนก่อนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องตื่นมาเห็นฉันในสภาพน่าอายแบบนี้ทุก ๆ วัน
Talk ภีมม์
ใบเฟิร์นขยับตัวตื่นขึ้น ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ดันตัวเองให้ออกห่างอ้อมอกของผม ส่วนผมก็แกล้งทำเป็นหลับสนิท เพราะผมกลัวว่าเธอจะอายเหมือนวันนั้นแล้วระวังตัวจนไม่ยอมมานอนใกล้ผมอีก
ที่สำคัญการที่มีลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอรินรดอยู่ตรงอกผม ทำให้บางส่วนที่แข็งขืนของผมมันเลยพลอยตื่นไปด้วย และด้วยเหตุนี้เองทำให้ผมไม่กล้าตื่นพร้อมกับเธอ
ใบเฟิร์นคงไม่รู้ตัวหรอกว่า การที่ผมชอบเข้านอนตอนที่เธอหลับสนิทไปแล้ว เพราะ...
ผมชอบเวลาที่ได้เข้ามาสวมกอดเธอจากด้านหลัง
ชอบที่จะแอบหอมหน้าผากเธอตอนเธอหลับ
ชอบที่จะแอบคิสเธอเบา ๆ เพราะกลัวเธอจะตื่น
และ..ผมชอบที่จะดึงตัวเธอมากอดไว้ในอ้อมอกของผม ปล่อยให้เธอชอบขยับตัวเอาใบหน้าหวาน ๆ ของเธอเข้ามาใกล้ ปล่อยให้ลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอแม้กระทั่งเสียงหัวใจของเธอ มันทำให้ผมหลับตาลงได้ทุกคืนอย่างรู้สึกดี
ใบหน้าที่เนียนใสอมชมพูรับกับขนตาที่งามงอนจนเป็นแพ ริมฝีปากเนียนนุ่มรูปกระจับสีชมพูมันทำให้ผมหลงเสน่ห์ใบหน้าไร้เดียงสาของเธอ ทั้งที่อยากจะทำอะไรมากกว่านี้ แต่ก็ต้องอดทน เพราะไม่อยากให้เธอต้องรู้สึกไม่ดีกับผม ซึ่งแน่นอนผมก็เพียงทำได้แค่อดทนและไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้นานขนาดไหน
ขอแค่ทุก ๆ เช้า เธอตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าไว้ให้ผม และผมได้แอบดึงตัวเธอมานอนกอดเธอแบบทุก ๆ คืนนั่นก็เพียงพอแล้วในตอนนี้