

ตอนที่ 1 ไม่ไหวแล้วค่ะ
เวลามีปัญหา ในที่ทำงาน คุณเลือกทำอะไร…
มั่น ๆ แล้วเดินไปเคลียร์
หรืออดทน
ฉัน…เลือกอดทนค่ะ
แล้วผลที่ได้รับมันก็สุดยอดน่าดู…
ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คำทักทาย คำชื่นชม
แต่…เงินเดือนเท่าเดิมนะ
เรื่องนั้นไม่เป็นไร…ฉันเข้าใจ มันจะมาขึ้นปุบปับกันไม่ได้
ในขณะที่หยิบยื่นน้ำใจให้ใครต่อใคร แม้แต่เวลานี้ แค่จะเดินมาชงกาแฟที่แพนทรีหรือเรียกว่าครัวเล็ก ๆ สถานที่ที่จัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนในอาคารสำนักงานบริษัทขนาดไม่ใหญ่มากแห่งนี้ ฉันก็ยังรับออเดอร์จากคนในแผนกมาด้วย
ผนังต่อเติมบางเบาไม่กักเก็บเสียงเท่าไร กับบทสนทนาที่เกิดขึ้นทันทีที่เราหันหลังให้
“นางก็ขยันเอาใจคนอื่น ไม่รู้เป็นคนดีหรือคนโง่กันแน่”
“รับงานจากคนนั้นคนนี้ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกนะ แต่นางไม่เก่งไง จะรับงานไปเยอะ เพื่อ!?”
“คนไม่เก่ง ก็ยิ่งต้องทำเยอะ ๆ แหละ จะได้มีผลงานบ้าง”
“แต่ก็ดีนะ ตรงที่พวกงานจุกจิกหลายอย่าง โละ ๆ ไปให้นางทำ เราก็สบายขึ้น”
ก็ฉันไม่เก่งไง เลยอยากช่วยงานอื่นเท่าที่ช่วยได้
“พี่กัญญา เราจะเลี้ยงส่งมั้ยเย็นนี้”
“มีใครอยากไปมั้ยล่ะ”
“แหม…ถามแบบนี้ พูดได้มั้ยล่ะพี่จี้”
“ซื้อของขวัญให้ดีมั้ย”
“แว่นเหรอ ฮ่า ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ฉัน…ไม่เข้าใจบทสนทนานี้ แต่เข้าใจอารมณ์ว่าทุกคนไม่อยากจัดเลี้ยงอะไร
“ของขวัญ ลืมเลย น่าจะซื้อชุดเครื่องสำอางให้นางหน่อยนะ ดูไม่เจริญหูเจริญตา กระเซอะกระเซิง หน้ามันทั้งวัน เห็นแล้วเหนื่อย ไปสมัครงานที่ไหน อายมาถึงที่เก่าแน่ ๆ”
“อาจารย์หมอพรทิพย์รับแต่งค่ะ”
“แรง! ฮ่า ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
.
.
.
“ไวไฟกับปรินเตอร์ใช้ได้แล้วนะครับ” เสียงพนักงานหน้าจืด ที่ทั้งบริษัทจะเห็นแค่สันจมูก เพราะพ่อคุณใส่แว่น สวมแมสก์ และผมเผ้ารุงรังเกินทน พูดรู้เรื่องแค่คำว่า ปรินเตอร์ใช้ได้ กับ ไวไฟแก้แล้วนะครับ ส่วนเรื่องอื่นฟังยากมาก หนุ่มแว่นตัวใหญ่สวมเสื้อวอร์มกันหนาวตัวเก่าตัวเดิม สกรีนคำเท่ ๆ ว่าแผนก TECH DEVELOPMENT DEPARTMENT แต่เขาทำตำแหน่งที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุด คือ IT SUPPORT หาใช่ PROGRAMMER หรือ TESTER ไม่ใช่ทีม FRONTEND หรือ BACKEND เป็นเพียงหนึ่งในทีมซัพพอร์ตในบริษัทนี้ที่เด่นด้านเทคโนโลยีที่สุด เขา คือ เด็กซ่อมคอม จัดการสายแลน แก้ปัญหาไวไฟ และเติมหมึกเครื่องพิมพ์
สาว ๆ ได้แต่พยักหน้ารับ รู้ว่าหมดเวลาพัก หมดเวลาเมาท์
“น้อง ฝากเดินไปบอกชีวันหน่อยสิ อยู่แพนทรี ว่าให้เอากาแฟไปที่โต๊ะทำงานเลยนะ พวกพี่จะไปทำงานแล้วล่ะ รอไม่ไหวแล้ว งานก็เร่ง แล้วคราวหน้า พอช่วงวันที่ 20 เราต้องมาจัดการเติมหมึกอะไรให้เรียบร้อยนะ เสียเวลาสุดอะไรสุด ทำไมหมึกต้องมาหมดวันนี้ เฮ้อ!”
ถามว่าทุกคนรู้มั้ย ว่าห้องนี้มันได้ยินเสียงคนคุยจากด้านนอกได้ด้วย ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว แต่นั่นแหละ…สิ่งที่ฉันได้รับตอบแทนจากคนในแผนก
งานจิปาถะที่มีคนมาแปะไว้
งานไร้สาระที่ไม่มีใครอยากทำ
งานที่ทำแล้ว ไม่ค่อยเห็นผลลัพธ์อะไร
งานที่ชอบมาตอนใกล้เลิกงาน และทุกคนไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่บริษัทแล้ว
ฉันทำแบบนี้มาก็…เข้าสู่ปีที่ 4
อดทนดีมั้ยล่ะ
พ่อแม่เคยพูดว่า คนเราต้องอดทนได้ถึงสัก 7-8 ปี ค่อยเปลี่ยนงาน
อดทนแล้วได้อะไรล่ะ…
ชีวันยัยเพิ้งประจำแผนกบัญชีคนนี้ได้มาเยอะเลยล่ะ
ฉันหลับตาเดินไปคลินิก หรือโรงพยาบาลได้แบบสบาย ๆ เลย
เพราะฉันรับมาเต็ม ๆ
โรคกระเพาะ ปวดคอ บ่า ไหล่ นิ้วล็อก ปวดหัวไมเกรน โรคหลับยาก และกลัวเสียงเรียกเข้า หรือเสียงแช็ตจากที่ทำงาน
เงินเก็บ…ไม่มี ยอดหนี้บัตรอลังการ ซึ่งอันนี้มาจากนิสัยของฉันเอง
และ…
“ขอโทษครับ คุณกัญญาไม่รอ ให้ยกกาแฟไปเลย”
“ค่ะ”
ฉันเผลอหัวเราะออกไป ก็เจ้าเด็กไอทีนี่ มันพูดไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะ แทนที่จะกลั่นกรองภาษา แล้วมาพูดให้มันดี ๆ หน่อย แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรีบคนกาแฟ 8 แก้วอย่างรวดเร็ว…แล้วหันไปคว้าถาดสำหรับเสิร์ฟ
“ขอทางหน่อยค่ะ” ฉันบอกเขาที่ยืนปิดทางเข้าออก
“ผมจะเข้า”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าว่าเข้าใจ แต่ก็ส่งสายตาให้รู้ว่าฉันควรได้ไปก่อน
“อ่อ ขอโทษครับ ผมลืมว่าคุณยกของอยู่”
ลืม!?!?
ตรงหน้าคุณ มีฉัน แต่คุณลืม
เออ…ช่างมันเถอะ เขาหลบทางให้ก็พอแล้ว
“ขอบคุณค่ะ”
ฉัน เข้าสังคมไม่เก่ง อาจพอ ๆ กับเด็กไอทีคนนี้ก็ได้
บริษัทเรา มีแผนกต่าง ๆ เหมือนกับบริษัทอื่นทั่วไป แต่เรามีแผนกไอทีที่ใหญ่มาก…เพราะเราทำธุรกิจสร้างแอปพลิเคชัน
เลยชื่อแผนกแบบนั้นไง
แผนกพัฒนาเทคโนโลยี
มี 60 คน…จบจากด้านไอทีล้วน ๆ
ส่วนแผนกที่เหลือ ก็มีกันแบบน่ารัก ๆ 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง ฉันอยู่แผนกบัญชีการเงิน และทำงานตำแหน่งธุรการ ในแผนกมี 8 คน รวมผู้จัดการแล้ว เป็นแผนกที่ใหญ่เป็นอันดับสองของบริษัท
กาแฟ จัดเสิร์ฟเรียงตัว วางให้อย่างดี และ อย่างไรเสีย ก็คงดีไปกว่านี้ไม่ได้
คุณกัญญา ผู้จัดการหญิงวัยประมาณ 40 ปี ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ
“โอ๊ย! ชีวัน ถ้าเธอจะชงมาร้อนขนาดนี้ ก็เตือนกันหน่อยสิ ไม่มีหัวคิดบ้างเลยหรือไง หรือถือว่าลาออกแล้ว จะทำไงก็ได้หรือไงฮะ
เนี่ย พวกจะลาออกเป็นแบบนี้นะทุกคน ดูไว้ อ้างว่าหมดไฟ แต่แท้จริงคือ ไม่มีใจจะทำงานแล้วไง อยู่รอเอาเงินเดือนไปวัน ๆ ฉันล่ะเกลียดจริง ๆ เห็นหน้าก็หงุดหงิดแล้ว รีบไปหาผ้ามาเช็ดสิยะ ยืนบื้ออีก”
ค่ะ…เวลามีปัญหา ในที่ทำงาน คุณเลือกทำอะไร…
มั่น ๆ แล้วเดินไปเคลียร์
หรืออดทน
หรือลาออก
การลาออกมันง่ายเหรอ
คำตอบคือ ไม่ง่ายหรอกนะ
ฉันอดทนมานานจนถึงที่สุดแล้ว
มันรู้สึกไม่ไหวจริง ๆ แล้วฉันก็เลือกลาออก ทั้งที่ไม่มีงานรองรับด้วยซ้ำ เงินเก็บก็ไม่มี หนี้ก็ต้องจ่าย
แต่ไม่ไหว…เพราะร่างกายเหรอ
เปล่าเลย…
จิตใจฉันต่างหาก
ฉันพูดน้อยลง
กินน้อยลง
นอนน้อยลง
แต่ร้องไห้มากขึ้น
กว่าจะตัดสินใจลาออกได้ ต้องใช้ความกล้า ความบ้าแค่ไหน
ฉันแจ้งล่วงหน้าตามกำหนดกฎบริษัท
แต่ใครว่ายื่นลาออกยากแล้ว
การอยู่จนครบกำหนดออก เป็นเรื่องที่ยากกว่า
อยากบอกเหลือเกินว่า 30 วันสุดท้าย สำหรับฉันแม่งโคตรทรมาน
ฉันยังคงโดนนินทา และใช้งานเหมือนเดิม หรืออาจจะเพิ่มนิดหน่อยตรงที่ รู้สึกเหมือนทาสจะไปแล้ว เลยขนงานมากันใหญ่
โต๊ะทำงานที่เหมือนกองขยะ ไม่ว่าใครอยากจะโยนอะไรก็มาทิ้ง มาวางแปะไว้ที่นี่ เหลือแค่เพียงพื้นที่เล็กนิดเดียวให้ฉันทำงาน
น้ำผลไม้กล่องกับเยลลี่เหมือนให้เด็กถูกเอามาวางทิ้งไว้อีกแล้ว คนคนนั้นสินะ...ไม่เคยพูดว่าตัวเองทำ แต่ฉันรู้ มีแต่เขานี่แหละที่ทำดีด้วย ฉันได้แต่ยิ้มให้กับความสุขเล็ก ๆ ของช่วงเวลาสุดท้ายในออฟฟิศนี้
“เก็บของให้หมดนะ เพราะพรุ่งนี้เราจะเอาเอกสารภาษีมาวางตรงโต๊ะเธอ” คุณกัญญาตะโกนบอก ผู้จัดการเรานั่งหลังสุดของห้อง และมีโต๊ะขนาดใหญ่สมกับตำแหน่งของเธอ
“ค่ะ”
“ทำสุ้มทำเสียงให้มันดี ๆ หน่อย เดี๋ยวไปอยู่ที่ใหม่ เขาจะหาว่าที่นี่ไม่สั่งสอน”
“อ่า...ค่ะ”
ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไรกลับไป และทางนั้นแค่ส่งสายตาตำหนิปะปนกับความเบื่อหน่ายมาให้
เกือบสองทุ่มแล้ว แต่ออฟฟิศของบัญชียังเปิดไฟสว่างอยู่ ผู้จัดการนั่งคุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่ทำงานอาชีพเดียวกัน
[เนี่ย แกมีเด็กบ้างมั้ย อยากได้มาช่วยฝ่าย AR คนเก่าจะออกเดือนหน้านี้แล้ว ไม่รู้ทำม้ายทำไมต้องมาออกช่วงนี้ ปิดงบก็ค้างคาเยอะ ต้องมาหาคนอีก]
“ไม่มีหรอก ของฉันก็เพิ่งออกไปคนหนึ่ง วันนี้เลย ทีมฉันก็ขาดคนเหมือนกัน”
[เหรอ ๆ ขอคอนแท็กต์หน่อย เด็กแกต้องเป๊ะแน่]
“เป๊ะแป๊ะอะไร โง่เง่าเซื่องซึม อย่าเอาไปให้เหนื่อย”
[โถ่ อีกั๊ก ฉันรู้นะ แกกั๊กใช่มั้ย]
“กั๊กอะไร ถ้าจะโทรมาหาคน ก็ไปติดต่ออีบุญชูนู่น มันหาคนเก่ง”
[เกลียดจริง แค่นี้นะยะ]
“ย่ะ!”
.
.
.
‘และนี่คือการทำงานวันสุดท้าย ฉันอดทนมามากแล้วนะ
ฉันเก่งแล้วแหละ บาย!’
-บันทึกของชีวัน-
----
ขอแนะนำนิยายเรื่อง
My Host ทิวไผ่
นิยายรักโรมานซ์
จำนวน 29 ตอน
จำนวนคำ ประมาณ 60,000 คำ
เป็นส่วนหนึ่งของเซตนิยาย
My Host
ทิวไผ่ | ไม้สน | แคคตัส
ผลงานเดือน มกราคม ปี 2568
แนะนำนิยาย
ชีวัน ทนปัญหาในที่ทำงานไม่ไหว ตัดสินใจลาออก แต่ในช่วงเดือนสุดท้ายก่อนจะออกจากงาน พนักงานสุดเชยจากแผนกไอทีคนหนึ่งที่เธอแทบไม่เคยคุยด้วยเวลาอยู่ออฟฟิศ แต่ดันได้บังเอิญเจอกันบ่อย ๆ ที่สวนสาธารณะ
เมื่อเขารู้ว่าชีวันลาออกแล้ว จึงชวนมาทำงานกับตัวเอง บอกว่าต้องการผู้ช่วย หญิงสาวปฏิเสธเพราะเข้าใจว่าคงอยากหยอกเล่นด้วยมุกแปลก ๆ ตามประสาคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง
แต่เมื่อถึงคราวไปสัมภาษณ์งาน เธอจึงได้พบเขาอีกครั้ง ไม่ใช่ในฐานะพนักงานแผนกไอทีสุดเชยคนนั้น แต่กลายเป็นหนุ่มโฮสต์สุดฮอต ที่ไม่สังกัดร้านใด
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการ
ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล อาชีพ สถานที่ องค์กร
หรือเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด
โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง พยายามทำร้ายร่างกาย
การล่วงละเมิดด้านร่างกายและสิทธิ
มีคำหยาบคาย และมีคำบรรยายฉากเพศสัมพันธ์
นิยายเรื่องนี้เหมาะกับบุคคลทั่วไป อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ไม่สามารถใช้เป็นแบบอย่างในการคิด ทำ หรือตัดสินใจตามได้
