บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

(Mode: Lucas Collins)

โลแกนพาผมกลับบ้านโดยการนั่งแท็กซี่ ผมเหลือบมองสภาพยับเยินของตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจยาว เสื้อฮู้ดสีเทาอ่อนตัวเก่งของผมเต็มไปด้วยรอยรองเท้าและคราบเลือดเล็กน้อย ขอบใจมากเลยที่มาช่วยแต่งแต้มสีสันให้กับเสื้อผ้าสีพื้นของผม เป็นพระคุณอย่างสูง

“มีตรงไหนที่เจ็บหนักๆ ถึงขั้นต้องไปโรงพยาบาลรึเปล่า” โลแกนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้น ผมยักไหล่ให้มันทีหนึ่งเพราะอยากแสดงออกให้มันเห็นว่าไม่เป็นไรจริงๆ แต่นั่นก็ทำเอาร่างกายเจ็บแปลบขึ้นไม่น้อยเหมือนกัน ผมข่มความเจ็บปวดนั่นลงก่อนจะพูดเรียบๆ

“ไม่ร้ายแรงหรอก มากสุดก็แค่ซี่โครงช้ำ ที่เหลือก็ทำแผลอีกนิดๆ หน่อยๆ”

โลแกนพยักหน้า ต่อให้เขาไม่พูดออกมาผมก็รู้ว่าเขารู้ว่าผมคิดอะไร ผมไม่อยากไปโรงพยาบาล ไม่ได้เกลียดหมอหรือกลัวเข็มหรืออะไรหรอกนะ แต่ไม่อยากใช้เงินโดยไม่จำเป็นมากกว่า

ทันทีที่มาถึงบ้านโลแกนก็บอกให้ผมถอดเสื้อผ้าและไปนั่งรอที่โซฟา ผมทำตามอย่างว่าง่าย จากนั้นแฝดตัวดีของผมก็เอาผ้าชุบน้ำและกล่องปฐมพยาบาลมาให้อย่างรู้หน้าที่ ยอดเยี่ยม จะมีอะไรดีไปกว่ามีน้องชายที่รู้ดีทั้งเรื่องการแผลและทำให้ผู้คนเป็นแผลได้ในเวลาเดียวกันแบบนี้อีก

“อูย… โลแกน เบาๆ” ผมครางออกมานิดหนึ่งเมื่อคนข้างตัวซับสำลีลงมาอย่างแรง เจ้าตัวขมวดคิ้วมุ่นขึ้นนิดเหมือนไม่ชอบใจแต่ก็ยอมผ่อนแรงที่กำลังทำแผลให้ผมอยู่แต่โดยดี

“ดีขึ้นไหม” ชายหนุ่มถามหลังจากที่จัดการแผลและทายาตรงบริเวณที่ฟกช้ำต่างๆ ให้เรียบร้อย ผมพยักหน้ารับแบบครึ่งๆ กลางๆ ก่อนจะยกผ้าสีขาวชุบน้ำสะอาดขึ้นปิดตาแล้วเงยหน้าพิงคอกับโซฟาด้านหลัง

“ต้องโทรไปบอกที่ทำงานว่าไปไม่ได้”

“เดี๋ยวโทรให้” อีกฝ่ายว่า จากนั้นก็เริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นแบบเดียวกันกับผมขึ้นมากดจึ้กๆ ผมได้ยินเสียงฝีเท้ามันเดินหายไปครู่หนึ่งและกลับออกมาอีกที ผมก็ยังนอนแหงนหน้าขึ้นโดยมีผ้าปิดตาอยู่อย่างนั้นแหละ ล้าเป็นบ้าเลย รู้สึกไม่อยากขยับตัว

“เดี๋ยวฉันเตรียมน้ำลงในอ่างให้” คนที่ยืนอยู่ด้านหลังผมว่า นั่นทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาจริงๆ

“ทำไมใจดีจังวะ” แบบนี้มันน่ากลัวพิกลนา

“ก็นายเจ็บอยู่นี่”

“งั้นซักผ้าแล้วก็ตากผ้าให้ด้วยได้ไหม”

“วอนตีนแล้วพี่ชาย อาทิตย์นี้เวรนายนะ” ชิ ว่าจะถือโอกาสนี้ใช้งานมันซะหน่อย

“มือเป็นยังไงบ้าง” เสียงของโลแกนย้ายมาจากด้านหลังมาอยู่ด้านหน้าผมแทนแล้วตอนนี้ เจ้าตัวยกมือผมขึ้นไปพิจารณา สัมผัสอบอุ่นจากนิ้วมือของหมอนั่นทำให้หน้าผมร้อนขึ้นมานิดหน่อย อยู่ๆ ก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจนได้ อ๊ากกก

ฉันนอนกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้ว ฉันนอนกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองไปแล้ว….

ไอ้ประโยคนี้ลอยวนเวียนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง และผมรู้สึกว่าอาการปวดหัวของตัวเองที่ทรมานอยู่แล้วยิ่งแย่ลงไปใหญ่ ผมต้องการยาไทลีนอลที่มีส่วนผสมของโคดีนช่วย คืนนี้ผมต้องการมันแน่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยลดไปใช้อะไรที่เบากว่านั้น

ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ๆ ก็มีสัมผัสอ่อนนุ่มแนบติดลงบนริมฝีปากของผม นั่นทำเอาผมสะดุ้งเฮือก มือเอื้อมไปกระชากผ้าสีขาวที่พาดตาของตัวเองอยู่ออกอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้ไปมองเจ้าตัวแสบที่ส่งยิ้มหวานมาให้หน้าตาเฉย ไอ้บ้าเอ๊ยยย นี่คิดว่าเรื่องนี้มันตลกนักเหรอ

“ตกใจอะไรขนาดนั้น” เจ้าตัวว่ายิ้มๆ พร้อมกับยื่นนิ้วชี้และนิ้วกลางที่แนบติดกันสองนิ้วมาตรงหน้าผม “ไอ้นี่ต่างหากล่ะ ไม่ใช่ปากฉัน เมื่อกี้สะดุ้งซะสุดตัวเลยนะ คุณพี่”

“เล่นอะไรบ้าๆ!” คราวนี้แหละ ภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนโลดแล่นเข้ามาในหัวราวกับมีคนฉายหนังย้อน โอ๊ย… ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆ

“งั้นฉันไปเตรียมน้ำให้นายก่อนละกัน ส่วนเรื่องจูบ ถ้านายอยาก เดี๋ยวจะบริการพิเศษ ถึงใจกว่าแค่จูบนิ้วฉันแน่นอน” พูดจบ เจ้าตัวก็เลื่อนิ้วทั้งสองนั้นไปทาบริมฝีปากของตัวเอง ไม่รู้ทำไม แต่นั่นทำให้ผมหน้าแดงเถือกขึ้นมาทันที

“ไอ้บ้า หยุดเล่นอะไรบ้าๆ เดี๋ยวนี้เลยนะ!” พูดพลางโยนหมอนอิงบนโซฟาใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวหัวเราะหลังจากที่เคลื่อนตัวหลบทันได้อย่างสวยงาม จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดบ้านไปเพื่อไปเตรียมใส่น้ำลงอ่าง

เฮ้อ…. ปวดหัว ยาอยู่ไหนเนี่ย เดี๋ยวค่อยบอกให้ไอ้หมอนั่นเอามาให้ทีหลังก็ได้มั้ง

หลังจากที่จัดการอาบน้ำ แช่น้ำจนสบายตัวขึ้นแล้ว ผมก็กลับออกมานอนคว่ำหน้าลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า เป็นจังหวะเดียวกับที่โลแกนเปิดประตูห้องพรวดเข้ามา ในมือมีถาดที่ใส่ถ้วยข้าวต้มสองถ้วยใหญ่อยู่ในนั้น อ่า น้องรักช่างรู้ใจ (พอแบบนี้ล่ะ น้องรักเชียว) คนกำลังหิวอยู่พอดีเลย กินข้าวเสร็จจะได้กินยา แล้วก็นอนหลับพักผ่อน

“เออ ลิซ่าส่งอีเมล์มาเมื่อวันก่อน” โลแกนพูดอย่างนึกขึ้นได้ขณะที่มือเอื้อมไปกดรีโมตหาช่องรายการสนุกๆ ดู

“นายต้องเรียกเขาว่าน้าลิซ่าสิ เรียกชื่อห้วนๆ ได้ไง”

“ลิซ่าท้องแล้วนะ รู้รึเปล่า”

ผมหันขวับกลับไปมองคนข้างตัวทันที ตาเบิกกว้างขึ้น

“จริงดิ?”

“อืม”

“ทำไมนายไม่บอกฉันวะ”

“ลืม” เจ้าตัวพูดหน้าตาเฉย “แต่ก็บอกอยู่นี่ไง”

ขอบใจ

“งั้นเราคงรบกวนเรื่องเงินของน้าขนาดนี้ไม่ได้แล้ว” ผมพูดอย่างกังวล โลแกนหันกลับมามองผมนิดหนึ่ง นัยน์ตาสีฟ้าแบบเดียวกับผมฉายแววครุ่นคิด

“นายคิดมากเรื่องนั้นจริงๆ สินะ”

“ก็แหงสิ”

ทันใดนั้น น้องชายผมก็ทำเรื่องที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาก่อนในชีวิต นั่นคือเอื้อมมือมาบีบมือผมแรงๆ จากนั้นก็ปล่อยออก ผมเบิกตากว้างขึ้นจนตาแทบจะถลนออกมา แต่เจ้าตัวดีหันหน้าหนีไปดูทีวีต่อหน้าตาเฉย ผมหรี่ตาลงมองมันนิดหนึ่ง

“วันนี้นายแปลกๆ ไปจริงๆ นะ โลแกน”

“มีวันไหนที่ฉันไม่แปลกด้วยเหรอ” เจ้าเด็กนรกหันมายิ้มฉ่ำ “สำหรับนาย”

เออ จริงของมัน

“แต่วันนี้นายแปลกแบบน่ากลัวๆ จริงๆ นะ”

“อืม” คนโดนหาว่าแปลกครางในลำคอ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อดทนอีกนิดนะ ลูคัส”

คราวนี้แหละ ทำให้ผมแปลกใจมากๆๆๆๆๆ จริง

“อดทนอะไร”

“เรื่องเงินไง”

“นายจะทำอะไร โลแกน”

“ตอนนี้ฉันกำลังรับทำงานพิเศษ” โลแกนว่าขณะตักข้าวต้มข้าวปาก สีหน้าชั่งใจก่อนจะพูดออกมาสั้นๆ “บางอย่าง”

“บางอย่างอะไร” ผมรีบคาดคั้นทันที “นายทำงานพิเศษอะไรอยู่ โลแกน ฉันนึกว่านายทำอยู่ที่ร้านซับเวย์ซะอีก”

“ฉันเพิ่งลาออกจากที่นั่นไป”

“แล้วนายกำลังทำอะไร”

คนข้างตัวผมหันมายิ้มให้นิดหนึ่ง ยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง “ความลับ”

“โลแกน” ผมพูดอย่างร้อนลน ความลับอะไรทั้งหลายทั้งปวงของไอ้นี่ไม่เคยใช่เรื่องดี แต่เจ้าตัวแสบลุกขึ้นยืน เตรียมเอาชามเปล่าลงไปไว้ที่อ่างจานด้านล่างแล้ว “นายกำลังทำอะไร คงไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม”

“แหม พูดจาแบบนั้นใจร้ายจัง” เจ้าตัวว่าพร้อมกับแสร้งเอามือกุมอก ทำเหมือนจะขาดใจรอนๆ ไอ้ตอแหลเอ๊ย

“อย่าบอกนะว่านายจะไปไถตังค์คนอื่น”

“โอ๊ย ทำแบบนั้นจะได้สักเท่าไรเชียว” เจ้าตัวหัวเราะร่า แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะบอกความจริงให้ผมฟังสักที ผมเริ่มร้อนใจแล้วก็กังวลขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ

“นายปล้นธนาคารไม่ได้นะ!!”

คราวนี้แหละ โลแกนระเบิดหัวเราะลั่นออกมาทันที

“จะบ้าเรอะ ลูคัส ฉันยังไม่ได้จนตรอกขนาดนั้น”

“จะไปรู้นายเรอะ”

“เออ แต่พอนายพูดมาแบบนี้ จริงๆ ก็ฟังดูน่าสนใจ”

“โลแกน!!!”

หากน้องชายตัวดีของผมไม่แม้แต่จะหุบยิ้ม เจ้าตัวเลื่อนมือขึ้นมาเชยคางผม จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมาจูบลงบนริมฝีปากของผมอย่างรุนแรง ผมชะงักไปทันทีพร้อมกับหลับตาปี๋ ไม่ล่ะ ผมทนดูไม่ได้ กับคนที่มีใบหน้าพิมพ์เดียวกับผมอย่างไอ้หมอนี่เนี่ยนะ? ไม่… ไม่นะ…

ลิ้นร้อนถูกสอดเข้ามาอย่างรุนแรงและโหยหา ผมได้ยินเสียงมันวางถ้วยชามที่ถือไว้ในมือเมื่อครู่ลงบนโต๊ะ จากนั้นเลื่อนมือข้างหนึ่งมายึดไว้ที่หลังท้ายทอยของผม มืออีกข้างวางลงบนเอวที่ดันตัวผมให้เข้าไปแนบชิดกับมันมากขึ้น ผมรู้สึกว่าเนื้อตัวบริเวณที่ได้สัมผัสกับมันร้อนวูบวาบขึ้นแม้มันจะถูกขวางกั้นด้วยเนื้อผ้าที่เราสวมใส่กันอยู่ก็ตาม

ไม่นะ ไม่ดีแน่… แบบนี้ไม่ดีแน่ ไม่นะ…

“อื้ม…” ผมรู้ตัวนะว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ดี แล้วก็ควรจะรีบหยุดมันไว้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป แต่… จะว่ายังไงดีล่ะ อีกใจหนึ่งผมมันก็ร้องบอกว่าทุกอย่างมันสายเกินไปตั้งแต่ขึ้นเตียงกับหมอนี่แล้ว แล้วนี่แค่จูบเนี่ยนะ… มามัวดึงดันตอนนี้จะช่วยอะไรได้?

ผมปล่อยให้โลแกนทำอย่างที่เจ้าตัวอยากจะทำ นั่นคือการไล้สันจมูกลงบนแก้มผม เลื่อนต่ำลงมาจนถึงซอกคอ ลมหายใจร้อนของหมอนี่กำลังทำให้ผมวูบวาบขึ้น

โอเค ผมรู้ล่ะ มันไม่โอเคตั้งแต่ที่ผมวูบวาบนี่แหละ และผมต้องหยุดมัน

เดี๋ยวนี้เลย

ผมรวบรวมแรงกำลังของตัวเอง ผลักบ่าของคนตรงหน้าออกไป โลแกนเลิกคิ้วมาให้ผมเหมือนงงเสียเต็มประดาว่าผมทำแบบนั้นทำไม ขอบใจนะ พ่อสมองทึบ บางทีก็สงสัยว่านี่นายเป็นฝาแฝดฉันจริงๆ รึเปล่า ทำไมเรื่องที่ไม่ควรโง่ถึงได้โง่จัง

“ฉันบอกแล้วไงว่าเราจะไม่ทำกันอีก”

“ทำไมล่ะ”

ผมยักไหล่ “มันไม่ดี”

“แล้วมันสนุกไหม”

คำถามนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่นขึ้นจริงๆ โลแกนถามย้ำ

“นอนกับฉัน สนุกไหม”

เอ่อ ฮัลโหล หวังจะได้คำตอบอะไรจากคำถามนั้นเหรอ ถามจริง?

“มันก็… สนุกมั้ง” ผมถอนหายใจเฮือก ก่อนจะไหวตัวทันทีเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า ชิบหายล่ะ หรือว่าผมไม่ควรตอบแบบนั้นนะ “แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะนอนกับนายอีกนะ เรื่องความสนุกเนี่ย บางทีมันก็ควรมาพร้อมกับคำว่าศีลธรรม”

“นายไม่มีทางท้องได้อยู่แล้ว” โลแกนพูดหน้าตาเฉย ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ไม่พอ เลื่อนมือมาลูบไล้ใบหน้าของผม จากนั้นก็เริ่มสอดมือลงใต้เสื้อ เป็นสัมผัสวาบหวามที่บอกอย่างชัดเจนว่าเจ้าตัวคิดจะทำอะไรต่อไป “และถ้ามันสนุก ก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลยไม่ใช่เหรอ”

“ไม่…”

“นายนอนกับฉันมารอบหนึ่งแล้ว” เจ้าตัวดีว่าต่อ ก้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู “ครั้งที่สองที่สาม มันก็ไม่ต่างกันหรอก”

โอ๊ย… ปัดโธ่โว้ย..!!

“นี่ ลูคัส”

“อะ!!” ผมสะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อเจ้าตัวไล้ฝ่ามือลงบนท่อนล่างของผม โลแกนไม่พูดอะไรต่อจากนั้น แต่แววตาของเจ้าตัวสะท้อนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไรต่อจากนี้

มันอยากจะนอนกับผม… เอาจริงสิ มันเกิดขึ้นไปครั้งหนึ่งแล้วนะ และนี่ก็กำลังจะเป็นครั้งที่สอง… ถ้าเป็นแบบนั้น… มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้วนะ

ผมหลับตาลง ปล่อยให้คนตรงหน้าโน้มหน้าลงมาจูบริมฝีปากผมอีกรอบอย่างนุ่มนวล หอมหวาน และโหยหา

โอเค… ก็ได้… แบบนั้นก็ได้

“ฉันมีเงื่อนไขอย่างเดียว” ผมว่าหลังจากที่มันผละริมฝีปากออกไปอย่างเชื่องช้า โลแกนเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

“อะไร?”

“นายต้องหาอะไรมาปิดตาฉัน”

“หา??” คนตรงหน้าพูดเสียงดังขึ้นนิดหนึ่ง “นายจะบอกอะไร หน้าตาฉันมันแย่จนนายไม่อยากมองเรอะ หน้าตาอันแสนหล่อเหลาของฉันมันก็เหมือนกับหน้านายนะโว้ย”

“ก็เพราะมันเหมือนกันน่ะสิ!! ถึงได้ไม่อยากมอง เจ้าบ้า!!” แค่นี้ก็ต้องให้บอกอีก!! แล้วไอ้บ้านี่ไปติดนิสัยหลงตัวเองจากใครมา ถามจริง?

“ทำไม” แน่ะ ดูมัน ยังจะถาม

ผมขมวดคิ้วมุ่นใส่มัน ก่อนจะก้มหน้า หลุบตาลงต่ำลงแล้วพูดเสียงเบา

“ก็มัน… น่าขยะแขยง”

สิ้นคำพูด ผมก็รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศรอบตัวของไอ้หมอนี่เย็นยะเยือกลงทันที ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออึกอย่างเกรงๆ โลแกนเดินผละจากตัวผมไปก่อนจะกลับมาพร้อมเนคไทเส้นที่มันให้มัดมือผมเมื่อคืน เดี๋ยวๆๆๆ ไม่เอาแล้วนะ แล้วนี่ร่างกายผมยังระบมอยู่เลยนะเฟ้ย

“หลับตา”

“หะ?”

“เร็วๆ”

ผมตามที่มันบอกจนได้ โลแกนทาบเนคไทเส้นนั้นลงมา ผูกไว้ที่ด้านหลังศีรษะของผมแน่น จากนั้นก็โน้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างหู

“เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?”

อืม… มันก็…

“อุบ…” คนตรงหน้าเลื่อนริมฝีปากลงมาปิดปากผมอีกครั้งอย่างรุนแรง พร้อมๆ กันนั้นก็ดึงตัวผมไปแล้วดันลงบนเตียงจากนั้นก็ปีนขึ้นคร่อมลงมาแล้วทาบจูบร้อนแรงลงมาอีกรอบ

จูบที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะละลายได้

โอเค… ก็ได้ มันคงสายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ

มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้วตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืน

เยี่ยมเลย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel