Chapter 7 เป็นห่วง
Chapter 7
เป็นห่วง
[ คีย์ Part ]
ติ๊งง
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นขณะกำลังจะขับรถไปหาพ่อที่ร้านข้าวซึ่งได้นัดกับคุณอาที่ร่วมทำธุรกิจด้วย
“ว่าไงพ่อ ผมกำลังขับรถไปเนี่ย” ลูกน้องของพ่อเอารถที่คอนโดมาทิ้งไว้ให้ที่ลานจอดรถคณะวิศวะ ผมเลยมีรถขับไม่ต้องนั่งรถเมล์กลับ
“ไม่ต้องมาแล้วคีย์ ไปโรงพยาบาลแทน!”
“ฮะ? หมายความว่าไงพ่อ โรงพยาบาลไหน?” ผมคุยกับพ่อสักพักจนได้ความว่าลูกสาวของคุณอาที่จะมาร่วมทานข้าวด้วยเย็นนี้ถูกรถชนขณะกำลังเดินทางมาที่ร้านอาหาร
วันนี้มันวันอะไรกันวะเนี่ย…
@โรงพยาบาลเอกชน
ผมรีบมาที่หน้าห้องฉุกเฉินในทันที ซึ่งพ่อผมก็กำลังยืนอยู่กับคุณอาผู้ชายและอาผู้หญิง
“สวัสดีครับ” ผมรีบเอ่ยสวัสดีทักทายในทันที คุณอาผู้หญิงร้องไห้จนตัวโยนโดยมีคุณอาผู้ชายคอยประคองกอดอยู่
“ฮึก จ้ะ” คุณอาผู้หญิงรับคำขณะที่ยังร้องไห้อยู่ เอาซะผมรู้สึกสงสารเลย
“มานี่มาคีย์” พ่อเรียกผมไปยืนข้างๆผมจึงเขยิบถอยหลังไปยืนข้างพ่อ คุณอาทั้งสองกำลังเศร้ามาก คงยังไม่อยากให้ผมไปกวน ทักทาย หรือว่าอะไรก็แล้วแต่
สักพักรถเข็นผู้ป่วยก็ถูกเข็นออกมาโดยมีผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง
แต่…แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือรินรดา
“ริน!!!” ผมอุทานอย่างสุดเสียงแล้วรีบวิ่งเข้าไปเกาะที่เตียงนั้น ร่างเล็กเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ตอนนี้เธอยังอยู่ในชุดนักศึกษาที่ชุ่มเลือดอยู่เลย เหี้ยอะไรวะเนี่ย!!
“คีย์ ไอ้คีย์!” พ่อผมรีบวิ่งเข้ามาหาผมที่เกาะอยู่ที่เตียงของน้องโดยที่บุรุษพยาบาลกำลังจะเข็นเตียงไปห้องพักฟื้น
“ลูกชายคุณคณิตรู้จักลูกสาวผมด้วยเหรอครับ?” คุณอาผู้ชายเอ่ยถามขึ้น คุณอาทั้งคู่รีบถลาตัวมาเกาะที่เตียงผู้ป่วยซึ่งมีรินนอนอยู่
“ฮือ ยัยรินลูกแม่ เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บมั้ย..” ถามไปอย่างนั้นทั้งที่คนบนเตียงยังนอนหลับสนิท คงจะเจ็บมากจากพิษของบาดแผล
“เดี๋ยวผมขอขนเตียงคนไข้ไปที่ห้องพักฟื้นก่อนนะครับ คุณพ่อคุณแม่น้องไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้น้องพ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ คุณหมอจึงให้ย้ายไปยังห้องพักฟื้นได้”
“ค่ะ…ขอบคุณมากนะคะ” แม่ของรินได้ยินแบบนั้นก็เบาใจ ส่วนผมนี่สิยังทึ่งตาค้างอยู่
เป็นไปได้ยังไงกันวะ…รินทำไมกลายเป็นแบบนี้ เราแยกกันเมื่อกี้นี่เอง
ผมไม่น่าเลย…ไม่น่าเดินหนีน้องไปทั้งแบบนั้น น่าจะรับให้รินไปด้วยกันไม่ก็อาสาจะไปส่งในที่ที่เธออยากไป
แม่งเอ๊ย! คิดแล้วหงุดหงิดตัวเอง
“ไปกันเถอะคีย์ ตามขึ้นไปหาน้องที่ห้องพักฟื้นกัน” พ่อสะกิดผมที่ยืนเหม่อมองตามเตียงผู้ป่วยที่ถูกเข็นไปขึ้นลิฟต์
เวลาต่อมา
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง
“อื้ออ” ฉันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งอณูร่างกาย แต่กระนั้นแสงไฟสว่างจ้าจากผนังห้องก็ปลุกให้ฉันตื่นเพราะมันช่างแยงตาซะเหลือเกิน
“ฟื้นแล้วเหรอริน! รินลูก!” เสียงของแม่ยิ่งเป็นตัวปลุกกระตุ้นให้ฉันลืมตาเร็วขึ้นกว่าเดิม
“อื้อ…แม่คะ พ่อคะ…” ทั้งคู่อยู่กันครบภายในห้องแห่งนี้
“เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” พ่อเองก็รีบถลามาเกาะที่ข้างเตียงพร้อมกับแม่
“หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?” รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะอย่างไรอย่างนั้น
“ลูกถูกรถชนขณะนั่งแท็กซี่จะมาที่ร้านอาหาร” พ่อเป็นคนตอบเพราะแม่ยังน้ำตารินไหลอยู่ไม่หยุด
ฉันยกมือขึ้นแล้วปาดเช็ดน้ำตาที่แก้มนวลของแม่
“ไม่เป็นไรนะคะแม่…หนูสบายดีแล้ว ไม่ค่อยเจ็บแล้วด้วย” ตอบไปอย่างนั้นทั้งที่ยังมีส่วนเจ็บจี๊ดอยู่ แต่อยากให้แม่สบายใจหายห่วง
“ริน…เจ็บมากรึเปล่า” เสียงที่แสนจะคุ้นเคยดังขึ้น
ฉันชำเลืองตาไปมองทางโซฟาสำหรับเยี่ยมไข้ พบว่าพี่คีย์ก็อยู่ที่นี่ด้วยพร้อมกับผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย
“พี่คีย์! ทำไมมาอยู่นี่ได้ละค่ะ โอ๊ย..” ฉันตกใจรีบเด้งตัวลุก แต่แผลที่เกิดจากอุบัติเหตุยังคงเจ็บอยู่
“จะรีบลุกทำไมลูก…”
แม่รีบจับตัวฉันให้นอนลงเหมือนเดิม ส่วนพี่คีย์ก็เดินเข้ามายืนข้างพ่อ
“รู้จักกับพี่เขาเหรอลูก? นี่ลูกชายคุณลุงที่พ่อชวนเรามากินข้าวด้วยเย็นนี้” พ่อบอกพร้อมกับเขยิบตัวออกให้พี่คีย์เข้ามายืนใกล้ฉันแทนแม่
“รู้จักค่ะ…เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยหนูเอง”
“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากมั้ย?” พี่คีย์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำเอาใจฉันเต้นตึกตัก ตั้งแต่เคยเจอพี่คีย์มาวันนี้เป็นวันแรกที่เขาอ่อนโยนได้ขนาดนี้
“เจ็บนิดหน่อยค่ะ ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” ยิ้มตอบไปทั้งที่ยังเจ็บอยู่ ไม่อยากให้ทุกคนเป็นกังวล
“พอกันที…ต่อไปนี้ไม่ต้องนั่งแล้วลูกแท็กซี่ แม่ให้คนขับรถไปคอยรับส่งที่คอนโดดีมั้ย ไม่ก็ย้ายกลับมาอยู่บ้าน”
แม่คงจะกลัวฉันจะเกิดอุบัติเหตุอีก แต่ไม่สิ! ถ้าแบบนั้นฉันก็จะไม่มีช่วงเวลาดีๆ ฉันยังอยากกลับบ้านหรือไปเรียนพร้อมพี่คีย์อยู่นะ
“ไม่เอานะคะแม่! หนูโตแล้วนะ ไปเรียนเองได้แล้วค่ะ” รีบปฏิเสธทันที ส่วนพี่คีย์ก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าดูกังวล เป็นห่วงหนูใช่มั้ยล่ะอิอิ
“หนูรินเรียนที่เดียวกับลูกชายผมเลยนะครับ ยังไงช่วงนี้ถ้าจะไปเรียนให้คีย์คอยไปรับไปส่งก็ได้นะ”
คุณลุงซึ่งเป็นพ่อของพี่คีย์เสนอขึ้นมาทำเอาฉันยิ้มร่าก่อนจะรีบเก็บอาการ
“จะดีเหรอครับพี่คณิต แบบนั้นผมเกรงใจแย่เลย”
“นั่นสิคะ…จะรบกวนพี่เขารึเปล่า..” ฉันแสร้งถามไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจตอนนี้กำลังดีใจเป็นอย่างที่สุด ฮิฮิ
“ไม่หรอกหนูริน ยังไงคีย์มันก็ต้องเข้าไปเรียนทุกวันอยู่แล้ว”
“งั้นเหรอ…ไม่รบกวนจริงๆใช่มั้ยจ๊ะคีย์” แม่ฉันหันไปถามพี่คีย์บ้าง ซึ่งแรงกดดันเยอะขนาดนี้พี่คีย์ไม่กล้าปฏิเสธแน่
“ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ ยังไงรินก็เป็นรุ่นน้องในสาขาผม เดี๋ยวผมอาสารับส่งให้เองนะครับช่วงนี้”
“เฮ้อ งั้นอาก็โล่งใจจ้ะ คิดอยู่ว่าหลังจากพักฟื้นแล้วออกจากโรงพยาบาลน่าจะไปเรียนลำบาก อีกไม่กี่วันอาก็ติดงานสำคัญที่ฮ่องกงอีก”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะดูแลน้องให้เอง”
ฮิฮิ แบบนี้ก็จะได้ใกล้ชิดพี่คีย์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก ฉันได้แต่ลอบยิ้มอยู่ในใจ แต่สงสัยอยู่อย่าง ไหนว่าจนนักจนหนาทำไมถึงมาเป็นลูกชายของคุณลุงที่พ่อฉันกำลังจะทำธุรกิจด้วยได้ล่ะ งงจังเลย
สามวันผ่านไป
“อยู่คนเดียวได้แน่นะลูก ให้แม่มาอยู่เป็นเพื่อนมั้ย”
แม่มาส่งฉันที่คอนโด สายตายังคงเป็นห่วงฉันอยู่มากทั้งพ่อและแม่ แต่นี่ก็สามวันแล้วที่พักฟื้นอยู่โรงพยาบาล โชคดีที่อาการไม่หนักมากจึงไม่ต้องอยู่นาน
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะแม่ หนูนอนคนเดียวได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนพี่คีย์ก็จะมารับที่หน้าคอนโดด้วย”
“โอเคจ้ะ…งั้นดูแลตัวเองดีๆนะลูก” แม่บอกพร้อมลูบหัวของฉันเบาๆ
“ถ้ามีอะไรด่วนโทรมาได้ตลอดนะลูก ไม่ก็โทรเรียกพี่คีย์ก็ได้” พ่อเสริมขึ้นมา คงจะห่วงฉันมากเพราะปกติอยู่ไม่เคยห่างพ่อแม่เลย
“หนูอยู่ได้ค่ะ พ่อกับแม่รีบไปสนามบินได้แล้วนะเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก”
ฉันยิ้มให้แม่แล้วรีบบอกให้พวกท่านไปทำงาน วันนี้เห็นว่ามีธุระจะไปคุยกับลูกค้าที่ฮ่องกงและอาจจะอยู่ที่นั่นสักหนึ่งสัปดาห์
“จ้ะ งั้นพ่อกับแม่ไปก่อนนะลูก”
พ่อกับแม่จากออกไป เหลือฉันเพียงคนเดียวที่อยู่ภายในห้องนี้
พรุ่งนี้แล้วสินะที่จะได้ใกล้ชิดกับพี่คีย์แบบสองต่อสอง ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆก็ตาม
“เฮ้อ เจ็บจัง…เกือบไปแล้วยัยรินเอ๊ย!” ฉันได้แต่บ่นกับตัวเองพร้อมมองรอยแผลที่ฟกช้ำ ถ้าหากอุบัติเหตุวันนั้นรุนแรงกว่านี้ฉันอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับมาก็ได้
ติ๊งง
[ ฟิล์ม : ริน ลงมารับทีดิ พวกเรามารออยู่ข้างล่างคอนโดแล้ว ]
ฟิล์มแชทมาหาฉัน พวกเพื่อนๆคงจะมาเยี่ยมที่คอนโดแล้วก็หอบเอางานกับการบ้านมาให้ด้วย ตลอดสามวันที่อยู่โรงพยาบาลเพื่อนๆไม่ได้เข้ามาที่โรงพยาบาลเพราะฉันบอกว่าไม่เป็นไร ไว้ออกจากโรงพยาบาลค่อยมาเยี่ยม
แค่ญาติๆและคนรู้จักพ่อแม่มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ฉันจึงบอกเพื่อนให้มาหานอกรอบทีเดียวเลยดีกว่า
[ ริน : โอเค กำลังจะลงไปนะ ]
ฉันหยิบคีย์การ์ดคอนโดขึ้นมาแล้วเดินลงไปรับเพื่อนๆให้ขึ้นมายังห้องของตัวเอง
“อ๊ะ พี่คีย์ พี่พายุ พี่โอบ มาด้วยเหรอคะ” ฉันแปลกใจเล็กน้อย คิดว่าจะมีแค่เพื่อนๆสามคนที่มาเยี่ยม
“เห็นพวกนี้บอกว่ารินโดนรถชน พวกพี่เลยมาเยี่ยม”
“อ๋อ ที่จริงก็ดีขึ้นมากแล้วค่ะพี่พายุ งั้นทุกคนเชิญขึ้นมาก่อนนะ..” ฉันเชิญทุกคนให้ขึ้นมาบนห้องด้วยกัน
แต่ตลอดระยะเวลาที่เดินขึ้นมาฉันสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากพี่คีย์ ดูเขาจะไม่พอใจสักเท่าไรนะ
ทำไมล่ะ? ไม่พอใจอะไรฉันอะ? เพื่อนๆมาเยี่ยมกับรุ่นพี่ก็แค่เชิญขึ้นมาข้างบนด้วยกันเอง
ฉันเปิดประตูห้องให้เพื่อนๆและรุ่นพี่นำเข้าไปก่อน ส่วนพี่คีย์เข้าเป็นคนสุดท้ายแล้วยืนอยู่ข้างหน้าฉันก่อนจะหยุดฝีเท้าลง
“ทำไมต้องชวนผู้ชายคนอื่นขึ้นมาบนห้อง?”