ตอนที่ 5 คออ่อน
ในช่วงดึกของวันเดียวกันไวซ์และโมจิมาที่ผับของวินซ์พร้อมกันโดยมีเพื่อนๆ นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
" ยัยโมจิ ไวซ์ทางนี้ "
ข้าวหอมนางเอกสาวจากหนังพันล้าน เธอคือดาราในสังกัดของเจ๊มิ่งที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งกว่าจะปลีกตัวออกมาหาเพื่อนได้แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
" ไงวะมึงนี่พวกเราไม่เจอกันเป็นเดือนแล้วมั้ง "
ขุนพลพระเอกพันล้านคู่จิ้นแต่ไม่ใช่คู่จริงกับข้าวหอมพูดขึ้นมาในขณะที่ไวซ์และโมจินั่งลงที่โซฟาคนละฝั่งกัน
" เออ ช่วงนี้งานเยอะจริงกูปลีกตัวไปไหนแทบไม่ได้เลย "
ไวซ์ตอบกลับไปเมื่อขุนพลยกแก้วสีอำพันมาให้เขากระดกเพียงรวดเดียวอย่างที่เคยทำ
" ยัยโมจิแกดูมีน้ำมีนวลขึ้นนะเนี่ยมีความรักหรือเปล่าดูสิหน้าตาดูอิ่มเอมเชียว "
ใบบัวนางเอกสาวที่อาชีพลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนกันกับโมจิไม่มีผิด เธอรับงานละครมีแต่แนวรักใสๆ ไม่ค่อยเปลืองตัวเท่าไหร่เหมือนกันกับโมจิก็เลยยังไม่ปังเท่าที่ควร
" เหอะๆ แกก็รู้คนอย่างฉันหรอจะมีความรัก ช่วงนี้มีงานเยอะหน่อยเลยกินเก่งน่ะ อีกอย่างละครก็ถ่ายหนักด้วยหิวบ่อยนี่เจ๊มิ่งก็บอกให้ลดแล้วนะแต่ยิ่งลดก็ยิ่งเพิ่มอะไรก็ไม่รู้โลกไม่ยุติธรรม ฮ่าๆ "
โมจิหันไปหัวเราะกับใบบัวและข้าวหอมอาชีพแบบพวกเธอกินข้าวได้แค่ไม่กี่คำเท่านั้นแหละแต่พวกเธอก็แอบผู้จัดการส่วนตัวกินอยู่บ่อยๆ เจ๊มิ่งบ่นแล้วบ่นอีกว่าพวกเธอมีน้ำมีนวลเกินไปแล้วแต่จะทำยังไงได้ล่ะเวลากินทีไรก็มีความสุขทุกที
เจนนี่ที่เผลอเอาแต่นั่งมองเวคินจนลืมสนใจเพื่อนสาวทั้งสามคนรู้ตัวอีกทีคนพวกนั้นก็หัวเราะกันอย่างมีความสุขเธอจึงหันมาร่วมวงสนทนาด้วย
" โมจิวันนี้ไปทำงานกับไวซ์มาหรอ เดี๋ยวพอช่วงกลางๆ เรื่องเราก็ต้องเข้าฉากไปเป็นนางร้ายคู่กับไวซ์อีกแล้ว เรื่องที่แล้วก็คู่กันแฟนคลับนี่ก็จริงๆ เรียกร้องให้เล่นด้วยกันอยู่นั่น "
ทั้งข้าวหอมใบบัวรวมไปถึงโมจิขุนพลและไวซ์ต่างหันมองมาทางเจนนี่เอาจริงๆ ใช่ว่าทุกคนจะไม่รู้ว่าเธอมีนิสัยเป็นอย่างไรเพียงแต่ว่าเป็นดาราในสังกัดเดียวกันจึงอยากรักใคร่ปรองดองกัน อีกทั้งเจนนี่ก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ทุกคนเสียหายเพียงแค่นิสัยของเธอติดเห็นแก่ตัวนิดๆ และชอบยกตัวข่มเพื่อนเสมอเพื่อนทุกคนจึงมองข้ามในบางเรื่องเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในอนาคต ส่วนเจนนี่เองเธออิจฉาโมจิมาโดยตลอดที่ได้อยู่ไกล้ไวซ์คนที่เธอชอบแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่มีวี่แววเกินเลยแต่ทว่าโมจิคือผู้หญิงแถมยังสวยด้วยจนเธอไม่อาจวางใจได้
" อ่อ งั้นหรอ งั้นก็น่าจะต้นเดือนหน้าเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้นนะ "
โมจิหันมายิ้มให้กับเจนนี่ เธอรู้ว่าเจนนี่ต้องการอะไรและที่มาวันนี้ไม่ได้อยากมาดื่มด้วยกันหรอกพวกเธอแทบไม่สนิทกันเลยด้วยซ้ำจะมีก็แต่เธอข้าวหอมและใบบัวที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ
" อิจฉาพวกแกจังได้อยู่ใกล้กันอีกแล้ว อยากเล่นเรื่องนี้บ้างอยากเม้าท์มอยกับแก "
ข้าวหอมหันมาหาโมจิพร้อมกับทำหน้าตาออดอ้อน
" พอเลยนะยัยข้าวหอมนางเอกพันล้านแบบแกถ้ามาเล่นเรื่องนี้ฉันก็ไม่ต้องเล่นมันแล้ว "
ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมาอย่างขำขันรู้ดีว่าข้าวหอมในตอนนี้ฮอตปรอทแตกมากแค่ไหนส่วนโมจิคือนางเอกเบอร์เล็กๆ ที่ยังรอการค้นพบอยู่เลย
" ฮ่าๆ แกเชื่อฉันสิถ้าเรื่องนี้ได้ออนเมื่อไหร่ต้องดังเป็นพลุแตกแน่นอน ต้องดังตั้งแต่ตัวหลักยันตัวประกอบเลยฉันคอนเฟิร์ม ละครของแกฉันเคยอ่านเวอร์ชั่นนิยายมาแล้วนักเขียนคนนี้ดังมากนะเอามาทำละครทีไรปังทุกเรื่อง "
ข้าวหอมพูดออกมาอย่างเป็นกำลังใจเธอคือนักอ่านนิยายตัวยงเลยล่ะอ่านมาแล้วแทบทุกเรื่องรู้ดีว่าเรื่องไหนเอามาทำละครแล้วดังแน่ๆ จริงๆ ละครเรื่องนี้ติดต่อเธอมาแล้วด้วยแต่เพราะมีรายชื่อของโมจิเธอจึงอยากเปิดโอกาสให้เพื่อนได้ขึ้นมายืนในจุดที่ตัวเองยืนด้วยกัน
" ย่ะฉันจะเถียงแฟนนิยายตัวยงแบบแกได้ยังไงสาธุเก้าเก้ารอแล้วนะ "
โมจิยกมือขึ้นท่วมหัวพร้อมกับยกแก้วเหล้าสีอำพันขึ้นมากระดกดื่มรวดเดียวเพื่อเป็นการฉลองล่วงหน้า
" เรื่องหน้าฉันก็จะได้เป็นนางเอกตัวรองประกบยัยข้าวหอมด้วยแหละ "
ใบบัวพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจเพราะเรื่องหน้าเป็นละครฟอร์มยักษ์ของช่องและเธอก็ได้รับอานิสงส์จากเจ๊ดันอย่างข้าวหอมไม่อย่างนั้นเธอจะได้เล่นละครฟอร์มยักษ์แบบนี้ได้ยังไง
" จริงหรอ อยากเข้าไปแจมบ้างจังเจ๊ข้าวหอมจ๋าขอให้บ้างสิ สักฉากก็พอ "
โมจิที่อยากมีโมเม้นแสดงละครกับเพื่อนสาวด้วยจึงเอ่ยขอออกไปแต่ก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาอย่างรวดเร็ว
" พอเลยแกน่ะ ห้ามไปรับเชิญเด็ดขาดเพราะแกกำลังจะเป็นนางเอกดังในอนาคตแล้ว รับรองค่าตัวแกของปีหน้าพุ่งกระฉูดแบบหยุดไม่อยู่แน่นอน "
คราวนี้เป็นขุนพลที่พูดขึ้นมาเพราะละครเรื่องหน้าเป็นเขากับข้าวหอมที่เป็นตัวหลักของเรื่องเช่นเคย
" สาธุเก้าเก้ารอบที่สอง เอ๊าดื่มๆๆ หมดแก้วววว "
โมจิพูดขึ้นมาอย่างมีความหวังอีกครั้ง เธอเองก็หวังกับละครเรื่องนี้เอาไว้มากเหมือนกันเพราะมันจะทำให้ชีวิตของน้องๆ ในบ้านเด็กกำพร้าที่เธอดูแลดีขึ้น
เวลาผ่านไปค่อนคืนต่างคนต่างยกดื่มกันอย่างเมามันเพราะนานๆ จะเจอกันทีจนในตอนนี้สาวๆ คอพับคออ่อนกันหมดแล้วรวมไปถึงขุนพลที่เริ่มมึนหัวแล้วเหมือนกัน ดูเอาเถอะหมดไปกี่ขวดแล้วก็ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ เต็มโต๊ะไปหมด ส่วนไวซ์เขาขอแยกตัวไปหาพี่ชายแค่แป๊บเดียวเผลออีกทีกลับมาทุกคนก็ตาลอยกันหมดแล้ว
" โห นี่ดื่มหรือว่าพากันอาบถามจริงๆ เดี๋ยวพ่อก็ส่งรูปให้ปาปารัสซี่เอาไปทำข่าวซะหรอก ดูสภาพแต่ละคนอาจทำฉันรวยไม่รู้เรื่องเลยนะเนี่ยเอาดีๆ "
ไวซ์ถึงกับยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงงๆ ก็รู้กันดีอยู่หรอกว่าดื่มกันเก่งแต่ก็ไม่คิดว่าจะไม่รักษาภาพลักษณ์กันขนาดนี้ดูสิมีแต่ระดับตัวท็อปของวงการกันทั้งนั้น เขาจึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาคนขับรถที่มาส่งเขาและโมจิให้ไปส่งเพื่อนทุกคนให้ถึงที่และก็เป็นเขาที่เดินไปเอากุญแจรถกับพี่ชายบนห้องทำงานอีกครั้งพร้อมกับพายัยขี้เมาคออ่อนอย่างโมจิขึ้นรถสปอร์ตคันหรูไป
" อื้มม มึนหัวจังโลกเอียงสุดๆ "
เมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วโมจิที่วันนี้ดื่มไปจนเกินความสามารถของตัวเองจึงไม่สามารถนั่งตัวตรงได้ และทำท่าจะอาเจียนตลอดเวลา
" หยุดเลยนะยัยขี้เมา อย่ามาอ้วกในรถพี่วินซ์นะ นี่รถมาเฟียใหญ่ของเมืองนี้เลยเธอไม่กลัวแต่ฉันกลัว พี่วินซ์เอาตายแน่ "
แม้ว่าไวซ์จะขอร้องอย่างน่าสงสารแต่ดูเหมือนคนเมาจนไม่ได้สติจะไม่ฟังเลยสักนิด
" อุบ......อุ๊บ.....แหวะ!!! "
