EP : 4 : ดูถูกเหยียดหยาม
“พี่มี่~ พี่มี่~”
“พี่มี่ไม่อยู่” ฉันเดินลงบันไดปากก็เรียกแม่บ้านคนสนิทของตัวเองไปด้วยจนเดินมาถึงห้องอาหารถึงได้คำตอบ แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนเดิมแล้วก็ออกมาจากปากคนเดิม
...เจอแต่เช้าแบบนี้เหมือนจะเป็นวันไม่ดีของน้ำผิง แบดเดย์แน่ ๆ
“สร้างบ้านไปตั้งนานแล้วลืมสร้างห้องครัวไว้เหรอคะ?” พี่มี่ไม่อยู่ก็แล้วแต่พี่มี่เถอะ ถามดีกว่า อยากรู้มานานแล้ว เห็นเดินมากินข้าวที่นี่ตลอดเลย
“ว่าง ๆ น้องก็แวะไปดูสิครับถ้าอยากรู้”
...ไม่มีทาง!
ฉันไม่คิดจะไปเหยียบบ้านของเขาที่ถลุงเงินพ่อแม่ฉันไปตั้งกี่สิบล้านหลังนั้นหรอก แยกไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้ 3 ปีแล้วแต่เชื่อไหมคว่าทั้งที่บ้านห่างกันแค่นิดเดียวแถมยังอยู่ในพื้นที่ของบ้านฉันแต่ฉันกลับไม่เคยไปเหยียบที่บ้านหลังนั้นเลย
“ไม่ไปค่ะ ท่าทางคงจะไม่มี ถ้างั้นทำไมไม่เอาเงินคุณพ่อคุณแม่ผิงสักสิบล้านไปสร้างห้องครัวหน่อยล่ะคะจะได้ไม่ต้องลำบากเดินมาทานที่นี่ทุกวัน”
“...” หูย~ เห็นประกายไฟนิดหน่อยด้วย คุณเมฆาคนเก่งที่เก็บอารมณ์เก่งมาก ๆ จะรเบิดรึเปล่านะ
“ยังไงก็ตามสบายนะคะ ทุกอย่างมันเป็นของพี่เมฆอยู่แล้วนี่” ฉันยิ้มให้ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องอาหาร ไม่กงไม่กินมันแล้ว หมดอารมณ์กิน เห็นหน้าหยิ่งจองหองของเขาแล้วกลืนข้าวไม่ลง
“กลับมานั่งกินข้าวเดี๋ยวนี้น้ำผิง”
“...” ฉันกำลังจะพ้นห้องอาหารเสียงเข้มจากข้างหลังก็ดังขึ้นแล้วหยุดเดินแล้วหันกลับไปช้า ๆ พอหันไปเต็มตัว สบสายตาคนหน้าตาหยิ่งจองหองฉันก็ยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“เมื่อกี้พูดอะไรนะคะคุณเมฆา?”
“กลับมานั่งกินข้าวเดี๋ยวนี้”
“สั่ง?” กล้ามเนื้อที่หน้าฉันเริ่มกระตุก เขาไม่เคยกล้าสั่งฉันแต่วันนี้ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่เขากลับกล้าทำมัน
“ใช่ พี่สั่ง”
“อย่าเยอะ”
“มานั่งกินข้าว อย่าให้แม่บ้านลำบากต้องจัดโต๊ะเก็บจานหลายรอบ”
“มากไปแล้วนะพี่เมฆ” ฉันกำมือตัวเองจนแน่น
“ตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครอง... / ผิงอายุ 22 แล้ว แค่คุณพ่อคุณแม่ฝากให้ดูแลตอนท่านไปเที่ยวไม่ได้หมายความว่าตัวเองเป็นเจ้าชีวิตคนอื่น!”
“พี่ไม่เคยคิดแบบนั้น มากินข้าวเดี๋ยวนี้น้ำผิง”
“อย่ามาสั่ง!” ฉันตะคอกใส่แล้วก็หันหลังเดินออกมาทันทีก่อนที่จะระเบิดอารมณ์ไปมากกว่านี้
“อย่าทำตัวไม่น่ารักในบ้านนะผิง”
“ทำไมคะ”
“เพราะผิงจะไม่มีใครเข้าข้างไง ทุกคนจะรักและพร้อมเข้าข้างคนที่น่ารักเท่านั้น ทำตัวให้น่ารักเข้าไว้”
“...ค่ะ ผิงจะจำไว้ ขอบคุณนะคะ”
เพราะคำเตือนหรอกนะที่ทำให้ฉันต้องพยายามอดกลั้นไม่อาละวาดใส่หน้าจนตัวเองแทบจะกระอักเลือดอยู่แล้ว
คอยดูนะสักวันจะกระชากหน้ากากหนา ๆ ของเขาออกมาให้ได้!
#NAMPHING END
#MAEKA TALK
“...”
ผมมองตามหลังน้ำผิงจนลับตา เมื่อกี้ไม่ได้ดื้อหรอกครับ ใครจะดื้อกับคนที่เกลียด
หึ ๆๆ
“เอ่อ...ให้ป้าจัดสำหรับคุณผิงไหมคะคุณเมฆ” ป้าแก้วที่เพิ่งถือชามข้าวต้มกับเครื่องดื่มของคุณหนูบ้านนี้ออกมาถามผมเบา ๆ ผมเลยส่ายหน้าตอบ
“ไม่ต้องครับ”
“ถ้างั้นป้าเอาไป... / ให้เด็ก ๆ กินเลยครับป้า ถ้าไม่มีใครกินก็เททิ้งเลย”
“แต่คุณเมฆอุตส่าห์... / ทำตามที่ผมบอกครับ ไม่กินให้เป็นเวลาก็ไม่ต้องกิน เหนื่อยคนอื่นตามอุ่นให้”
“ได้ค่ะคุณเมฆ” ป้าแก้วรับคำแล้วเดินกลับไปที่ห้องครัววส่วนผมก็แค่ยกกาแฟดำขึ้นมาดื่มพร้อมกับปรายตามองชามข้าวต้มของตัวเองที่ยังไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว
ข้าวต้มกระดูกหมูกับไข่ต้มยางมะตูมของโปรดของคุณหนูบ้านนี้ที่ไอ้เมฆอุตส่าห์เดินมาทำตั้งแต่เช้า
หึ ๆๆ ช่างมันเถอะ ไปทำงานของมึงดีกว่าไอ้เมฆ
-เวลาต่อมา-
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
...มี๊
ติ๊ด!
“ครับมี๊”
(อยู่บริษัทเหรอครับลูก)
“ครับผม มี๊ทำอะไรอยู่ครับไม่ออกไปเที่ยวเหรอครับวันนี้”
(มี๊อยู่โรงแรมครับลูก บ่าย ๆ จะออกไปดื่มชา ป๊านัดเจอเพื่อนของป๊าไว้)
“ครับผม แล้วมีอะไรให้ผมรับใช้รึเปล่าครับคนสวยของป๊าถึงได้โทรมาหาผม”
(ฮ่า ๆๆ ไม่มีอะไรหรอก มี๊แค่โทรมาหาลูกชาย) มี๊หัวเราะร่วนส่วนผมก็อมยิ้มให้ท่าน
“ผมนึกว่ามีเด็กที่ไหนโทรไปฟ้องอะไรซะอีก” ผมแกล้งแซวแต่ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนโทรไปฟ้องอะไรท่านบ้างล่ะ ไม่มีทางที่จะไม่ฟ้องหรอก
(เรื่องของเด็กงอแงมี๊ไม่สนหรอกครับ มี๊สนใจอยู่เรื่องเดียว ป๊าก็เหมือนกัน)
“ครับ?” สีหน้าท่านดูจริงจังขึ้นมาผมเลยเงียบรอฟัง
(...ตามใจน้องเกินไปรึเปล่าพี่เมฆ) มี๊เอ่ยออกมาเสียงเข้ม นาน ๆ ผมจะโดนดุซึ่งทุกครั้งที่โดนท่านดุก็เรื่องนี้ล่ะ ผมเองก็ทำได้แค่ยิ้มบาง ๆ
“ไม่หรอกครับ”
(ก็เป็นซะอย่างนี้ไงน้องถึงเอาแต่ใจ มี๊กับป๊าไม่เคยตามใจน้องเท่าพี่เมฆเลยรู้ตัวบ้างรึเปล่า) ผมทำได้แค่ยิ้มบาง ๆ ก็มีเขาคนเดียวจะไม่ตามใจได้ยังไง
(เฮ้อ! รู้ไหมว่าดื้อกว่าน้องก็คือพี่เมฆนี่ล่ะ) ผมได้แต่ยิ้มรับคำพูดของมี๊ ไม่เถียงหรอกเพราะเรื่องนี้ผมคงดื้ออย่างที่ท่านว่าจริง ๆ
“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ไม่สบายใจ”
(กลัวจะเสียคน กลัวพี่จะเอาไม่อยู่เข้าใจไหมลูก)
“...ครับ” เอาไม่อยู่อยู่แล้ว ไม่ต้องมีใครเตือนผมก็รู้ตัว
(โอเคจ้ะ มี๊ไม่ดุพี่เมฆแล้วเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก พี่เมฆก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูกอย่าหักโหมทำงามให้มาก)
“ครับผม เที่ยวให้สนุกนะครับ”
(จ้ะ)
ติ๊ด!
ผมวางโทรศัพท์แล้วก็ทำงานต่อทันที ไม่โหมงานไม่ได้หรอกผมยังต้องสร้างเนื้อสร้างตัวอีกเยอะ อย่างน้อยก็ลบคำดูถูกของคนที่ผมแคร์ที่สุดในชีวิต
“...”
หึ ๆๆ ตลกว่ะ ทั้งตลกทั้งขำชีวิตตัวเอง ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ผมพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองคู่ควรกับเขาทั้งที่เขาไม่เคยสนใจตัวเองเลยสักนิด ชีวิตไอ้เมฆคนนี้น่าสมเพชฉิบหาย
ก๊อก ๆๆ
“เข้ามา”
“ขออนุญาตค่ะคุณเมฆ”
“ครับ” นิชาเลขาของผมเดินเข้ามา
“คุณเชียร์มาขอพบค่ะ”
“เชียร์?”
“ค่ะ”
“โอเค ให้เข้ามาได้เลย” ผมพยักหน้ารับนิชาก็ยิ้มแล้วเดินออกไปก่อนที่ไม่ถึง 5 วินาทีประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดแล้วผู้หญิงคนหนึ่งก็โผล่หน้าเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส
“จ๊ะเอ๋~”
“หึ ๆๆ ไง”
“ทำอะไรคะท่านรองประธาน”
“อย่าเรียกแบบนี้เชียร์ เข้ามา” ผมดุนิดหน่อยแต่เชียร์ก็ยังยิ้มแล้วเดินเข้ามาในห้องทำงาน เชียร์เป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่สมัยอนุบาลแล้วครับ คบกันตั้งแต่ 6 ขวบจนถึงวันนี้ เป็นลูกสาวของเพื่อนป๊า คุณหนูไฮโซที่ใคร ๆ ก็คิดว่าอนาคตผมกับเชียร์ต้องลงเอยกันแน่ ๆ
“มาทำอะไรแถวนี้” ผมวางปากกาแล้วทักทายแขกก่อน
“เชียร์แวะมาแถวนี้เลยมาหาคนเลี้ยงข้าวเย็น”
“เพิ่งบ่ายโมง”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวนั่งรอ...นอนรอก็ได้~”
“เชียร์” ผมเรียกเชียร์ด้วยน้ำเสียงดุคนตรงหน้าเลยยิ้ม
“นั่งเช็คหุ้นรอเมฆดีกว่า ตามสบายเลยค่สุดหล่อ รับรองว่าเชียร์จะไม่กวนเวลาทำงานของคุณเมฆาเลย” เชียร์พูดจบก็เดินตัวปลิวไปนั่งที่โซฟาส่วนผมก็ได้แค่มองแล้วส่ายหน้าก่อนจะทำงานต่อโดยที่ไม่สนใจเธออีกเลย ไม่ต้องไปสนใจมากหรอกครับเพราเดี๋ยวทำงานเสร็จเชียร์ก็เกาะผมเป็นปลิงลากผมให้พาไปกินข้าวตามที่เธอบอกอยู่แล้ว
-เวลาต่อมา-
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณเมฆ” ผมจอดรถหน้าบ้านใหญ่แล้วเดินเข้าไปในบ้านป้าสุแม่บ้านของที่บ้านก็ทักทาย
“ครับ ดึกแล้วยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“ป้าลืมเก็บของเลยมาเก็บน่ะคะ แล้วคุณเมฆแวะบ้านใหญ่ทำไมเหรอคะ ต้องการอะไรรึเปล่าคะหรือคุณเมฆยังไม่ได้ทานข้าวคะป้าจะได้จัดการให้”
“เปล่าหรอกครับ ผมแค่... / พี่เมฆเขาแค่แวะมาเช็คว่าผิงกลับบ้านรึยังแค่นั้นค่ะป้าสุ เขาไม่กินอะไรหรอกป้าสุมีอะไรก็ไปทำเถอะค่ะ” ผมมองไปที่เสียง ไม่รู้ว่าอยู่แถวนี้ แต่โอเคครับ เจอก็ดีจะได้สบายใจว่ากลับบ้านแล้ว ถึงจะไม่ค่อยดีเพราะเห็นสายตาของเธอก็ตาม
“ไงคะ แวะมาเช็คใช่ไหมคะ”
“พี่แค่จะมาดูว่าที่บ้านเรียบร้อยรึเปล่าแค่นั้น ไม่ได้มาเช็ค” ผมตอบตามเจตนาจริงของตัวเองคนฟังก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม...รอยยิ้มที่เบ้ปากเบา ๆ
“อ๋อ~ ว่าที่เจ้าของบ้านแวะมาตรวจดูสมบัติ~ แล้วเป็นไงคะ เห็นพี่เชียร์ลงสตอรี่ไปดินเนอร์กันสนุกไหมคะพี่ชาย”
“...อื้ม ครับ”
“แล้วทำไมกลับเร็วจังเพิ่งสี่ทุ่มเอง ค้างที่อื่นบ้างก็ได้นะ”
“...ไปนอนเถอะน้องผิงมันดึกแล้ว”
“ดึกตรงไหน ผิงก็เพิ่งพูดอยู่ว่ามันเพิ่งสี่ทุ่มเอง แล้วนี่ยังไงคะกับพี่เชียร์ถึงไหนกันแล้ว~”
“ถามอะไร” ผมส่งสายตาดุเพราะคำพูดกับน้ำเสียงของน้ำผิงมันไม่น่ารัก
“ก็ถามเรื่องที่อยากรู้ไง เห็นคบกันมาตั้งนานไม่เปิดตัวกันสักทีทั้งที่คนเขาก็... / พี่สองคนเป็นเพื่อนกันน้ำผิง อย่าเที่ยวพูดแบบนี้อีก” ผมไม่รอให้คนตรงหน้าพูดจบก็พูดแทรก ใช้น้ำเสียงปรามเธอแต่เธอก็ยิ้มเยาะออกมา
“บอกใครเขาก็ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าเป็นแค่เพื่อนกัน ทำไมไม่จริงจังกันสักทีล่ะ พี่เชียร์เขาก็รวยมากนะ”
“น้ำผิง” ผมปรามเธออีกครั้งในขณะที่อีกคนกอดอกเดินมาหาผมช้า ๆ พร้อมกับสายตาดูถูก
“หรือเป็นเพราะ...เขามีญาติพี่น้องเป็นตัวหารไม่เหมือนผิง?”