บท
ตั้งค่า

EP : 3 : พี่เมฆคืออีกคนที่รักที่สุด

-หลายวันต่อมา-

“คุณผิงคะ คุณผิงเข้าไปไม่ได้นะคะ!”

แอด~

“คุณผิง!... / หยุดเดี๋ยวนี้คุณเลขา!” ผมมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า มองคนที่เปิดประตูเข้ามาทั้งที่ข้างนอกห้ามไม่ให้เข้า พอเปิดประตูเสร็จก็หันไปชี้หน้านิชาแล้วตะคอกเสียงดัง ทางนั้นต่อให้ไม่โดนตะคอกก็ไม่กล้าทำอะไรมากนอกจากห้ามอยู่แล้วเพราะคนที่กำลังห้ามเป็นใครไม่มีใครที่นี่ไม่รู้จัก

“เดี๋ยวผมจัดการเอง” ผมเอ่ยออกไปเบา ๆ ทำให้นิชาก้มหน้ารับคำแล้วยอมหันหลังกลับไปทั้งที่กำลังไม่พอใจคนไร้มารยาทเหมือนกัน ส่วนคนไร้มารยาทก็แค่นยิ้มออกมาด้วยความสะใจแล้วหันหน้ากลับมามองผมก่อนจะเดินดุ่ม ๆ มาทางนี้

แป๊ะ!

“นี่มันหมายความว่าไง” บัตรเครดิตการ์ดสีดำที่ไม่จำกัดวงเงินถูกโยนลงที่โต๊ะทำงานตรงหน้าผมพร้อมเสียงเอาเรื่องของคนทำ ผมมองมันแล้วก็มองหน้าเธอก่อนจะยิ้มให้

“บัตรเครดิตไงครับ”

“ชื่อใคร?”

“ชื่อน้องผิงไง”

“ก็รู้นี่ว่ามันเป็นชื่อผิง แล้วคุณเมฆามีสิทธิ์อะไรมาระงับบัตร!”

“พี่เป็นคนทำพี่ก็ต้องมีสิทธิ์ระงับสิครับ” ผมยิ้มบาง ๆ พร้อมคำตอบให้เธอคนตรงหน้าก็ตาลุกวาวแถมยังกำมือตัวเองแน่น

“อย่ามากวนประสาทผิงนะพี่เมฆ ทำเกินไปแล้วนะ”

“ตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองน้อง พี่มีสิทธิ์ที่จะตัดเงินเด็กที่ไม่รู้จักกลับบ้าน” คุณพ่อคุณแม่ของคนตรงหน้าไปเที่ยวฉลองครบรอบแต่งงานของท่าน 4 วันแล้ว และเป็น 4 วัน 4 คืนที่ลูกสาวของท่านไม่ยอมกลับบ้านเลย

“พี่เมฆ! มันจะมากเกินไปแล้วนะ! พี่เมฆเป็นคนทำบัตรแล้วไง? คนจ่ายเงินมันก็คุณพ่อคุณแม่ของผิงรึเปล่า!”

“...” หึ ๆๆ ใช่...มั้ง

“คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ก็ไม่ใช่ว่าผิงติดต่อท่านไม่ได้ อย่าเยอะ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของทุกอย่างพ่อผิงยังเป็นประธานบริษัทไม่ใช่พี่! หรือคิดจะฮุบทุกอย่าง?”

หึ! หึ ๆๆ

“หรือคิดจะฮุบทุกอย่าง?”

...พูดออกมาได้ยังไงวะ คำนี้คิดได้ยังไงถึงพูด คิดว่าไอ้เมฆคนนี้มันเป็นคนแบบไหน

ผมมองน้ำผิง เลียริมฝีปากที่แห้งผากขึ้นมากะทันหันของตัวเองช้า ๆ แล้วถึงได้ยิ้มออกมา

“...โอเค จบแล้วใช่ไหมพี่มีประชุมต่อ”

“จัดการเรื่องบัตรให้ผิงเดี๋ยวนี้ อย่าต้องให้มันเป็นเรื่องใหญ่ผิงไม่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่ของผิงหมดสนุก”

“โอเค เอาบัตรพี่ไปใช้ก่อนแล้วกัน วันนี้พี่ไม่มีเวลา” ผมหยิบบัตรของตัวเองออกมาจากกระเป๋า วางลงที่โต๊ะแล้วใช้นิ้วเลื่อนมันไปข้างหน้า

“ดี! จะเอาคืนให้หมดตัวเลย” น้ำผิงหยิบมันไปด้วยอารมณ์ผมก็แค่ยิ้มให้

“ครับ”

“แต่คงไม่หมดง่าย ๆ หรอกเนอะ ได้จากที่นี่ไปเยอะนี่ในฐานะทายาทคนโต” ผมโคตรเกลียดคำนี้เลยว่ะ คำว่า ทายาทคนโต ยิ่งออกจากปากคนตรงหน้าผมก็ยิ่งเกลียดจนถึงขั้นขยะแขยงมันด้วยซ้ำ

“...น้องผิงไปช้อปปิ้งเถอะพี่ต้องทำงาน มีประชุมสำคัญ”

“ได้ค่ะ ไม่จำกัดวงเงินใช่ไหมคะ แต่ระดับคุณเมฆา รองประธานศิริชนันท์กรุ๊ปคงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเนอะ”

“ครับ ตามสบายเลย” ผมตอบคนตรงหน้าก็แค่นยิ้มแล้วหันหลังเดินออกไปแต่ก่อนที่เธอจะเปิดปรตูผมก็เรียกเอาไว้ก่อน

“น้องผิง” คนถูกเรียกหันกลับมามองผมด้วยสีหน้ารำคาญ

“มีอะไรอีกคะ”

“กลับไปค้างที่บ้าน อย่าให้พี่ต้องระงับบัตรตัวเอง”

“เหอะ! ทราบแล้วค่ะคุณทายาทคนโต”

ปัง!

“...”

อดทนไอ้เมฆ จะคิดยังไงก็ปล่อยให้คิดไปเพราะคนอย่างมึง พูดให้ตายเขาก็ไม่ฟัง

-เวลาต่อมา-

ก๊อก ๆๆ

“เข้ามา” ผมเอ่ยปากอนุญาตพร้อมกับมองคนที่เข้ามาใหม่ นธีคนสนิทของผมเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า

“เป็นไงบ้าง”

“ไปซื้อรถครับนาย”

“กี่ล้านล่ะ”

“...” ไม่มีคำตอบนอกจากรอยยิ้มที่ดูขยาดแต่นี้ผมก็รู้แล้วว่าราคาต้องไม่ธรรมดา

“หึ ๆๆ หมดตัวแน่ ๆ” ผมได้แต่ส่ายหน้าบ่นพึมพำออกมา

“นายอยากให้ผมระงับบัตรของนายไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอก อยากซื้ออะไรก็ปล่อยไป” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ผมเลี้ยงได้ เลี้ยงมาตั้งนานแล้ว

“คุณผิงจะเสียคนเอานะครับนาย”

“ไม่เป็นไร แค่ไม่เอาเงินกูไปเปย์ผู้ชายก็พอ” แต่คงไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก น้ำผิงคบแต่ผู้ชายระดับเดียวกัน...ไม่เหมือนผม

“ถ้าทำแบบนั้นจะทำยังไงครับนาย นายจะจับเด็กดื้อของนายมาตีก้นเหรอครับ” เสียงแซวทำให้ผมตีหน้านิ่ง

“ไปทำงานเถอะไป”

“หึ ๆๆ ได้ครับนาย” นธีก้มหัวให้ผมนิดหน่อยแล้วหันหลังให้

“เดี๋ยว”

“ครับนาย”

“ไปดูรถกับใคร” ผมถามจบลูกน้องของตัวเองก็ยิ้มให้

“แฟนสิครับเจ้านาย”

“...อืม ไปเถอะ”

“ครับ”

อ่าส์! เงินผมหามาแทบตายเขาเอาไปใช้เท่าไหร่ผมไม่หวงหรอกแต่ให้ผู้ชายคนอื่นช่วยเลือกผมว่ามันเกินไปหน่อย...น้ำผิงใจร้ายกับผมเสมอทั้งที่รู้ว่าผมคิดยังไงกับเธอ

-เวลาต่อมา-

“พี่มี่ พี่มี่...พี่มี่~”

“พี่มี่ไม่อยู่”

ขวับ!

“พี่มี่ไม่อยู่แล้วพี่เมฆมาทำอะไรตรงนี้” ฉันถามคนที่นั่งอยู่กลางโซฟาตัวใหญ่ของบ้านด้วยท่าทางวางอำนาจ

เกลียดท่าทางของเขาที่สุดเลย หน้าตาหยิ่งยโส ท่าทางที่ต่อให้ยืนอยู่คนเดียวก็ยังดูหยิ่งสโยวางอำนาจอยู่ดี

ต้องเป็นคนแบบไหนถึงวางตัวแบบนี้ได้ตลอดเวลา!

“มานั่งรอลูกสาวบ้านนี้กลับบ้าน เป็นไงครับ ได้อะไรบ้างวันนี้” อย่ามายิ้มได้ไหม! ฉันหงุดหงิดหน้าตาเขา หน้าเขาหยิ่งยิ่งเวลายิ้มบาง ๆ มันยิ่งน่าหมั่นไส้ 100 เปอร์เซ็นต์

“นิดหน่อยค่ะ” ฉันยักไหล่ตอบ เรื่องอะไรจะบอก เอาไว้ให้ช็อคตอนเห็นยอดสิ้นเดือนเถอะ

พอฉันบอกพี่เมฆของคุณแม่ก็ยิ้มบาง ๆ เป็นยิ้มที่ฉันไม่ชอบเลย ไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาแต่ยิ้มแบบนี้แหละ ยิ้มเหมือนอบอุ่น เหมือนตัวเองเป็นคนดี เป็นคนอ่อนโยนทั้งที่ความจริงไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด ฉันขี้เกียจจะมองหน้าต่อเลยหันหลังเดินแกว่งกระเป๋าเพื่อขึ้นห้องนอน

“อื้ม แล้วเป็นไงเขาให้รับรถวันไหน”

ขวับ!

“นี่ให้คนตามผิงเหรอ?”

“พี่ถามน้องอยู่”

“ผิงก็ถามพี่เมฆเหมือนกัน ให้คนตามผิงเหรอ?” อย่าให้โมโหไปมากกว่านี้นะจะเอาสิ้นชื่อเลยคอยดู

“น้องไปซื้อรถโชว์รูมเพื่อนพี่มันก็ต้องบอกรึเปล่า”

“แล้วทำไมไม่ถามพี่วีล่ะมาถามอะไรผิง อยากรู้อะไรก็โทรไปถามเพื่อนสิ แค่นี้แหละจะนอน!” ฉันหันหลังเดินขึ้นชั้นสองทันที ไม่ใช่พี่วีเพื่อนเขาบอกหรอก คนของเขาต่างหากที่ฟ้องฉันมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์!

ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด

ติ๊ด!

(ว่าไงคะคนสวยของแม่)

“ลูกชายคุณแม่ชอบให้คนสะกดรอยตามผิง ผิงควรทำยังไงดีคะ” ไม่อยากรบกวนเวลาสนุกของคุณพ่อคุณแม่เลยสักนิดแต่ฉันไม่สามารถจัดการปัญหาพวกนี้ได้แน่ ผู้ชายที่ชื่อ เมฆา ไม่เคยกลัวใครยกเว้นเกรงใจคุณพ่อคุณแม่อยู่บ้าง ยิ่งตอนนี้พวกท่านไม่อยู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยจะยึดอำนาจตอนไหนก็ไม่รู้เพราะครั้งนี้คุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวนานที่สุดในชีวิตของฉันแล้ว ไม่รู้ทำไมพวกท่านถึงได้รักแล้วก็ไว้ใจกันขนาดนั้น น้ำนะคะไม่ใช่เลือด มันไม่มีทางข้นหรอก

(แล้วน้องไปทำอะไรให้พี่เขาต้องให้คนตามรึเปล่าล่ะจ้ะ) เหอะ! ก็อุตส่าห์โทรหาที่พึ่งแต่ก็ดันเผลอลืมไปว่าคุณแม่รักพี่เมฆของคุณแม่มากแค่ไหน

“ผิงมาขอความช่วยเหลือเพราะลูกชายคุณแม่ก้าวล้ำคำว่าชีวิตส่วนตัวของผิงอยู่นะคะ ช่วยเห็นใจผิงบ้างอย่าเอาแต่เข้าข้างลูกชายตัวเองได้ไหม” ฉันแอบต่อว่าท่านด้วยความน้อยใจแต่คุณแม่ก็ยิ้มอ่อนโยนมาให้ฉัน

(พี่เขาห่วงน้อง ทุกอย่างที่พี่ทำมีเหตุผลเสมอน้องผิงเชื่อแม่สิคะลูก)

“...” น้ำตาคลอแล้วอ่ะ คุณแม่เป็นแบบนี้ตลอดเลย แสนดีตลอดแหละพี่เมฆคนนั้นอ่ะ

(น้องผิงคะ แม่รู้ว่าหนูกำลังน้อยใจเรื่องเดิม ๆ)

“...ช่างเถอะค่ะ” คุณแม่รู้แค่ไหนคุณแม่ก็ไม่เคยเทคแคร์หัวใจของลูกสาวคนนี้มากกว่าลูกชายคนนั้นอยู่ดี

(น้องผิง พี่เขาห่วงหนูมากนะคะลูก) ห่วงผิงหรือห่วงอย่างอื่น? ให้ตายเถอะฉันอึดอัดกับการที่ทุกคนสรรเสริญว่าเขาแสนดีจริง ๆ

“ค่ะ”

(น้ำผิง พี่เมฆดูแลหนูมาตั้งแต่เด็ก นอกจากแม่กับคุณพ่อ พี่เมฆคืออีกคนที่รักหนูที่สุด หนูเชื่อแม่ได้ไหม)

“...ค่ะ เที่ยวต่อเถอะค่ะคุณแม่ผิงพักผ่อนดีกว่า” ฉันยิ้มตัดบทแล้ววางสายคุณแม่

“นอกจากแม่กับคุณพ่อ พี่เมฆคืออีกคนที่รักหนูที่สุด”

“เหอะ!” ไม่จริงหรอก ความรักความเอ็นดูที่คุณแม่มีให้ลูกบุญธรรมที่รักเหมือนลูกในไส้ทำให้ท่านตาบอด พี่เมฆของคุณแม่ไม่ได้ดีอย่างที่คิดและฉันสาบานว่าฉันจะกระชากหน้ากากลูกชายสุดที่รักของคุณพ่อคุณแม่ออกมาให้ได้พวกท่านจะได้รู้สักทีว่าไม่ได้เลี้ยงคนดีเอาไว้ในบ้าน!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel