EP 5 : ผู้หวังดี
นี่มันบ้ามาก ๆ
มันบ้ามากจริง ๆ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
หลังจากที่เขาลากฉันมาตกลงงานกันที่บ้านเขาแบบงง ๆ ไม่มีสันยงสัญญาอะไรทั้งนั้นแล้วเขาก็พาฉันไปเก็บของที่หอซึ่งมันไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านเขาเลย ฉันไปเก็บของซึ่งก็ไม่ได้เยอะอะไรเอามาแค่ของใช้จำเป็นเพราะบ้านเขามีครบทุกอย่างมาถึงบ้านก็มีอาหารเตรียมไว้ให้บนโต๊ะซึ่งเขาบอกให้ฉันกินเลยเพราะเขาไม่หิวแล้วเขาก็หายขึ้นไปที่ชั้นสองไม่เจอหน้ากันอีกก่อนที่จะมาจบด้วยการที่ฉันจัดการแขวนเสื้อใส่ตู้เสื้อผ้าเงียบ ๆ คนเดียว
...ชีวิตหลังจากนี้ไปอีกสามเดือนจะเป็นยังไงนะปิ๊งรัก ต้องมาอยู่บ้านหลังใหญ่กับผู้ชายที่รู้จักแค่ชื่อสั้น ๆ กับนามสกุลยาว ๆ ที่จำไม่ได้แล้วด้วยอีกต่างหาก ปิ๊งเอ้ย~ ก็ขอให้งานครั้งนี้ของแกมันเป็นงานที่ดีเถอะนะ ^_^!
-วันต่อมา-
“พี่กินข้าวเช้าไหมคะ” ฉันตื่นเช้ามากเพราะแปลกที่เลยลงมาทำอาหารเช้า ค่ำเมื่อวานตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะพอมีอะไรให้ทำกินไหมแต่พอเปิดตู้เย็นเท่านั้นล่ะ โอ้โห~ ของกินเพียบ! เช้านี้ฉันเลยทำอาหารเช้าง่าย ๆ แล้วขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวค่อยลงมากินข้าวเช้าก่อนไปเรียน แต่ระหว่างที่กำลังถือจานไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวเจ้าของบ้านก็เดินเข้ามาพอดีเลยถามเพราะทำเผื่อพี่เขาด้วย
“ทำอาหารเช้าเหรอ” หูย~ หล่อจังเลย ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าดูดีมากจริง ๆ
“ค่ะ”
“ทำเผื่อรึเปล่าล่ะ ถ้าทำก็ขอกินหน่อย” เขาบอกแล้วเดินผ่านฉันไปที่เครื่องชงกาแฟที่หรูมาก ปกติฉันชอบดื่มกาแฟนะคะแต่วันนี้ยังไม่ได้ดื่มเพราะว่า...ชงไม่เป็น แหะ ๆๆ
ฉันเดินไปหยิบจานของเขาที่ทำเผื่อไว้ให้สายตาก็มองไปที่เจ้าของบ้าน พี่เขากำลังยืนอยู่หน้าเครื่องชงกาแฟ มือข้างหนึ่งกดเครื่องชงกาแฟส่วนอีกข้างก็ล้วงกระเป๋ากางเกง ใส่กางเกงราคาแพงพอดีตัวกับเชิ๊ตสีขาวที่คัตติ้งเนียบกริบยืนอยู่ในท่าทางสบาย ๆ แต่ดูดีและเท่มาก คนอะไรก็ไม่รู้ทำไมเกิดมาเพอร์เฟ็คขนาดนี้ สวรรค์ปั้นแต่งเพอร์เฟ็คยิ่งกว่าระเอกดัง ๆ หลายคนซะอีก
“ดื่มกาแฟรึเปล่า” เขาเดินมาที่โต๊ะพร้อมแก้วกาแฟหนึ่งแก้ว คงเห็นว่าฉันไม่มีแก้วอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่ามั้งเลยถาม พอถูกเจ้าของบ้านถามปิ๊งรักก็ยิ้มแหยด้วยความอับอายเล็กน้อย
“ปกติดื่มค่ะแต่พอดีหนูใช้เครื่องชงกาแฟของพี่ไม่เป็น” ^_^!
“ใช้ไม่เป็น?”
“ค่ะ” อายนะแต่ต้องยอมรับ พอยอมรับตรง ๆ นึกว่าเขาจะมองเหยียดแต่ที่ไหนได้เขากลับแค่พยักหน้ารับแล้วเดินไปชงมาให้
“ขอบคุณค่ะ”
“อื้ม เดี๋ยวสอนชง เครื่องมันดูชงยากจริง ๆ นั่นล่ะ”
“ค่ะ”
“เธอชื่ออะไรนะ” นี่ครั้งที่สองที่เขาถามชื่อฉัน ครั้งแรกคือตอนที่บอกว่าเราไม่รู้จักกันซึ่งตอนนั้นที่เขาถามชื่อบอกตรง ๆ ว่ามันดูกวนประสาทมาก~
“ปิ๊งรักค่ะ”
“ปิ๊ง...รัก?” ทำหน้างงทำไมคะ คนเราจะชื่อน่ารัก ๆ ไม่ได้เลยเหรอ
“ค่ะ”
“อื้ม...ชื่อแปลกดี”
“ค่ะ” แต่ฉันว่าชื่อฉันไม่แปลกนะ ชื่อฉันมันน่าร้าก~ ต่างหากล่ะ อิอิ
“จะไปเรียนเลยรึเปล่า”
“ค่ะ”
“เอารถไปใช้แล้วกันนะไม่มีเวลาไปส่ง” เขายื่นกุญแจรถให้ ไม่รู้รถคันไหนเพราะบ้านนี้มีรถหลายคันมากที่จอดในโรงรถทั้งจอดที่โรงจอดข้างนอกแล้วก็ที่จอดในห้องกระจกแต่แค่เห็นกุญแจก็ตาโตแล้วค่ะเพราะกุญแจมีรูปดาวสามแฉกอยู่ตรงกลาง
OoO
บะ บ้าจริง พี่เขาจะให้ฉันขับเบนซ์เลยเหรอ
“พี่...พี่ให้หนูขับจริง ๆ เหรอคะ”
“อื้ม หรือเธอจะเดินไป แค่เดินไปปากซอยก็เหนื่อยแล้วอย่าดีกว่ามั้ง” ใช่ค่ะบ้านพี่เขาเข้าซอยมาพอสมควรเลยน่าจะกิโลกว่า ๆ เพราะบ้านแต่ละหลังพื้นที่เยอะมาก~ ที่สำคัญเห็นตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าซอยนี้ไม่มีวินมอเตอร์ไซต์ -_-!
“แต่รถพี่มันแพงมากเลยนะคะ” ฉันมองเห็นความสำคัญของการต้องใช้รถในซอยนี้นะคะแต่ใครจะกล้าเอารถราคาแพงของคนอื่นไปขับรู้จักกันมากไหมก็ไม่ รู้แค่เขาชื่อพี่พฤกษ์แล้วก็มีบ้านหลังใหญ่ในซอยคนรวยกับรถราคาแพงเกินสิบคัน
“เอาคันที่ถูกที่สุดให้แล้ว”
“ไม่มีรถตลาดธรรมดาเหรอคะ”
“ไม่มีหรอก”
“ถ้างั้นหนูเดินเอาดีกว่าค่ะ หนูไม่กล้าขับรถพี่ไปหรอก ขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะคะ” ^^
ฉันตบท้ายด้วยการยกมือไหว้ขอบคุณในน้ำใจของพี่เขาที่มีมากล้นจริง ๆ
“เอาไปใช้นั่นล่ะ จะเดินยังไงต้องไปเรียนทุกวัน”
“แต่... / สวัสดิการของลูกจ้าง เอาไปเถอะอย่าเถียงให้เสียเวลากินข้าวเลย” น้ำเสียงเขาดุขึ้นมาแค่นิดเดียวแต่ก็น่ากลัวนะคะ คงเพราะฉันไม่รู้จักนิสัยใจคอเขามั้งเลยค่อนข้างกลัว
“...ก็ได้ค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะ” ฉันยกมือไหว้เขาอีกครั้งแล้วต่างฝ่ายต่างก็กินอาหารเช้าเพราะต้องรีบออกจากบ้าน พอพี่เขากินเสร็จก็ขอตัวออกไปก่อนแต่ก่อนไปเขาก็เอาจานกับแก้วส่วนของเขาไปเก็บที่ครัวด้วยนะคะ เป็นเจ้าของบ้านที่แปลก ๆ เหมือนกันนะ
เขาออกไปแล้วฉันก็รีบกินข้าวบ้างจากนั้นก็เดินไปที่โรงจอดรถ ต้องลองกดกุญแจว่ามันคือคันไหนเพราะที่จอดอยู่มี เมอร์เซเดส-เบนซ์ จอดเรียงกันสี่คัน
รวยไม่บันยะบันยังเลยค่ะคุณพี่ขา รวยสุด ๆ ทั้งหล่อทั้งรวย ว่าแต่รวยขนาดนี้ทำไมยังไม่มีแฟนนะ???
...ช่างเถอะปิ๊งไม่ใช่เรื่องของแก
ติ๊ด ๆ
“...โอ้ว~” ฉันกดรีไมทแล้วและคันที่มีไฟกระพริบขึ้นมาก็คือรถสีขาวคันหนึ่ง
“เอาคันที่ถูกที่สุดให้แล้ว”
ฉันเดินมาหยุดหลังรถเพื่อดูรุ่นแล้วกดเช็คดูราคาทันที ห้า...ล้านบวกบวกบวก
...ถูกตรงไหนเนี่ย ขับไปเรียนคนในคณะได้หาว่าเป็นเมียน้อยเสี่ยแน่ -_-!
แต่ช่างเถอะจอดมุมอับก็ไม่มีใครรู้แล้วว่าไอ้ปิ๊งรักนักศึกษาที่ต้องทำงานพิเศษตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตคนนี้มีขับรถไปมหาลัย
เอาล่ะปิ๊ง ไปขับรถที่ทั้งชาตินี้น่าจะมีโอกาสขับแค่สามเดือนกันดีกว่า!
Go Go Go!
^O^
-เวลาต่อมา-
“กลับมาแล้วเหรอ”
ขวับ!
“เอ่อ...ค่ะ สวัสดีค่ะ” พี่ผู้หญิงคนเมื่อวานนี่คะ โผล่มาแบบนี้อีกแล้ว มาทำให้ตกใจเหมือนเมื่อวานเลย
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” สายตาเมื่อวานนิ่ง ๆ แต่สายตาวันนี้ไม่เป็นมิตรเลยค่ะ มีอะไรเนี่ยหรือว่าคนนี้เป็นแฟนพี่เขา แต่ไม่น่าจะใช่นะได้ยินเรียกพี่เขาว่า เจ้านาย
“ค่ะ” พอฉันตกลงพี่คนนี้ก็เดินนำไปที่โถงใหญ่แล้วเธอก็นั่งลงตรงกลางโซฟา
โอ้โห~ ท่านั่งสีหน้าแววตาประหนึ่งจะประกาศศักดาอะไรสักอย่างเลยแฮะ ^^!
“พี่มีอะไรเหรอคะ”
“เธอชื่ออะไร” พูดจาห้วนจัง...ตอนเด็ก ๆ ไม่มีใครว่างสอนเรื่องมารยาทแน่เลย ^^
“ปรินดาค่ะ”
“ชื่อเล่น”
“ปิ๊งรักค่ะ”
“...” แล้วจะมองหนูหัวจรดเท้าทำไมคะ?
“พี่ล่ะคะ พี่ชื่ออะไรคะ” ^^
“ถามทำไม” ดูเหมือนพี่ผู้หญิงเขาจะไม่พอใจเนอะ ตัวเองเพิ่งถามชื่อคนอื่นนี่ก็แค่ถามกลับบ้างเพราะอยากรู้จักมันแปลกตรงไหน
“ก็พี่รู้จักหนูแต่หนูไม่รู้จักพี่เลยมันจะดู...เสียมารยาทแย่เลยค่ะ คือ หนูหมายถึงหนูน่ะค่ะ หนูคงเสียมารยาทแย่เลยถ้าไม่ถามชื่อพี่” ^^
“...ไม่จำเป็นที่ฉันต้องบอกเธอ อยากรู้ก็ไปถามคุณพฤกษ์ได้” ต้องการอะไรเนี่ย?
“อ๋อ ค่ะ ได้ค่ะ ถ้าพี่ไม่สะดวกเดี๋ยวหนูถามพี่พฤกษ์เองก็ได้ ว่าแต่พี่มีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ” ฉันปั้นหน้ายิ้มแย้มหน้าซื่อตาใส รู้แล้วล่ะว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบขี้หน้าตัวเองแต่จะสร้างศัตรูก็ไม่ได้เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกับเจ้าของบ้านกันแน่ยังไม่รู้เลย อย่าว่าแต่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลยขนาดเจ้าของบ้านยังรู้จักแค่ชื่อกับรู้ว่าหน้าตาหล่อม๊าก~
พอฉันถามพี่ผู้หญิงคนนี้ก็จ้องฉันด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่แอบเหยียดอยู่ในที
“...อย่าพยายามเป็นคนที่สำคัญของเขา”
“คะ?” นี่จะพูดอะไร? หวงเจ้าของบ้านเหรอ?
“เธอรู้ใช่ไหมว่าถึงเวลาเธอก็ต้องไปจากที่นี่” ยิ่งพูดน้ำเสียงกับแววตาก็ยิ่งเหยียดฉันหนักมาก ๆ
“หนูรู้ค่ะ” ฉันรู้ว่าตัวเองโดนเหยียดแต่แล้วไง ฉันทำงานมาตั้งหลายอย่างโดนเหยียดบ่อยจะตายฉันเก็บอารมณ์ของตัวเองได้ เพราะถ้าไม่เก็บอารมณ์ตัวเองก็พังเพราะไม่มีใครสนใจคนตัวเล็ก ๆ ไร้แสงอยู่แล้ว
“เหมือนทุกคนที่มาแล้วก็ต้องไป รู้ไหมว่าเธอไม่ใช่คนแรกที่ถูกจ้างให้มาอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงาของคนรวย”
“พี่ต้องการจะพูดมาตรง ๆ เลยก็ได้ค่ะ” ฉันบอกดี ๆ ถึงในใจจะไม่โอเคกับคนคนนี้มากแล้วก็ตาม พอฉันบอกให้พูดตรง ๆ เธอก็ยิ้มเหยียดที่มุมปาก
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่หวังดี ไม่อยากให้เธอเป็นเหมือนคนอื่นที่สุดท้ายก็ตกหลุมรักเขา บอกตรง ๆ นะฉันทั้งเหนื่อยทั้งสงสารเวลาที่ต้องเคลียร์กับเด็กในบ้าน” เด็กในบ้าน พูดอย่างกับตัวเองเป็นคุณผู้หญิงทั้งที่ความจริงไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้นี่นะ?
“หนูมาทำงานตามที่พี่พฤกษ์เขาจ้างแค่นั้นพี่ไม่ต้องกังวลนะคะ หนูไม่ทำให้พี่ต้องตามเคลียร์แน่นอน” บอกแล้วว่าไม่อยากมีปัญหา อะไรอดได้ก็อด นี่ก็โกรธนะแต่อดกลั้นและพยายามบอกด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรที่สุด แต่พูดจบก็โดนเหยียดทางสายตาอยู่ดี
“ผู้หญิงที่เข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเขาทุกคนก็พูดแบบเธอนี่แหละแต่สุดท้ายก็อยากได้เขาจนตัวสั่นกันทั้งนั้น” ฮะ? คำว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นนี่แรงไปแล้วนะ
“พี่คะ หนูแค่... / แต่ฉันก็ไม่แปลกใจนะ ใครอยู่ใกล้เขาแล้วจะไม่หลงรักบ้าง”
“เหมือนพี่น่ะเหรอคะ?” ฉันว่าผู้หญิงคนนี้กำลังดูถูกฉันเกินไปเลยตัดสินใจถามกลับบ้าง พอโดนถามบ้างความไม่พอใจก็แสดงออกจากสีหน้าชัดเจน
“ฉันกับเธอมันคนละเกรดอย่ามาเทียบกัน บอกแล้วว่าแค่หวังดี มาเตือนด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้ลูกจ้างที่จ้างมาอยู่เป็นเพื่อนไม่รู้หน้าที่ของตัวเองไม่งั้นคนที่เจ็บก็คือเธอ”
“แล้วทำไมพี่ไม่อยู่กับเขาล่ะคะ? หวงแล้วปล่อยให้เขาพาผู้หญิงคนอื่นมาอยู่ด้วยทำไมหรือว่าที่ต้องมาพูดจาแย่ ๆ แต่บอกว่าหวังดีกับหนูแบบนี้เพราะพี่...คือคนที่เขาไม่เคยเลือก”
...ฉันไม่เคยชอบการมีเรื่องกับใคร ไม่อยากมีเรื่องกับใครอะไรอดได้ก็อดมาตลอด แต่ถ้าอดไม่ไหว...ก็ใส่แม่งแบบนี้ไปเลยปิ๊งรัก