ตอนที่ 9 เริ่มต้นกันใหม่นะ
ทุกวันเสาร์อาทิตย์ หมอธันวาจะตามมาดูแลและใช้เวลาอยู่กับฉันเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน แต่วันนี้แปลกแฮะ!
“พี่ธัน ไม่ไปทำงานเหรอคะ” ฉันถามด้วยความแปลกใจเมื่อฉันเห็นพี่ธันเดินเข้ามาที่บ้านในเช้าวันจันทร์ ซึ่งปกติพี่ธันจะไม่ได้มาหาฉัน
ตอนนี้ฉันเริ่มให้ความสนิทสนมกับพี่ธันถึงขั้นเรียกพี่แล้ว เพราะอยากตามใจพวกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่บอกว่าพวกเราเป็นว่าที่คู่หมั้นกันมาตั้งแต่เด็ก
“พี่ลาออกแล้วครับ”
“ลาออก เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมพี่ธันถึงลาออก” ฉันลุกจากโต๊ะอาหารเดินนำพี่ธันไปนั่งเล่นยังสวนหลังบ้านที่อากาศกำลังสบาย
“พี่อยากชดเชยเวลาสิบกว่าปีที่เสียไปให้กับน้องอัยย์นะครับ พี่บอกพ่อกับแม่ไว้ว่า ตราบใดที่น้องอัยย์ยังไม่ตกลงคบกันหรือแต่งงาน พี่จะไม่กลับไปทำงาน จะตามตื๊อน้องอัยย์อยู่แบบนี้แหละ”
“แล้วลุงทัศน์กับป้าตาก็โอเคหรือคะ” ฉันถามด้วยความแปลกใจ
“น้องอัยย์ว่าพ่อกับแม่พี่จะโอเคไหมล่ะครับ”
เฮ้อ!! ไม่น่าถามเลยฉัน ก็ลุงทัศน์กับป้าตาอยากให้เราสองคนแต่งงานกันจะตาย
“น้องอัยย์ล่ะครับ ว่าไง”
“อัยย์อยากทำงานก่อนค่ะ เพิ่งเรียนจบยังไม่ได้ทำงานเลย จะแต่งงานซะแล้ว อีกอย่างอัยย์ยังไม่ได้รักพี่ธัน ทุกอย่างที่พี่ธันเล่ามา อัยย์ไม่มีความทรงจำใดๆ เลย อัยย์ไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก อัยย์ไม่อยากเสียใจค่ะ” ฉันเอ่ยตอบไป
“น้องอัยย์ครับ พี่ยอมรับผิดว่าที่ผ่านมาทำไม่ถูก พี่ปล่อยปละละเลยน้องอัยย์ไป จนสุดท้ายเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา พี่สำนึกแล้ว เรามาเริ่มต้นใหม่กันได้ไหม”
“พี่ธันคะ พี่ธันชอบอะไรในตัวอัยย์คะ พี่ธันเห็นอัยย์เป็นตัวแทนของใครหรือเปล่า หรือพี่ธันชอบอัยย์จริงๆ อัยย์รับได้นะคะ ถ้าพี่ธันจะบอกความจริงกับอัยย์” ฉันถามพร้อมกับจ้องหน้ารอคำตอบอย่างคาดหวัง
RRRRR
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น หน้าจอคือพี่ซัน ฉันเลยเอื้อมมือหมายจะหยิบมือถือขึ้นมา แต่ก็ช้าไปชะก่อน ฉันพยายามจะคว้าเอามือถือคืนมา แต่คนตัวสูงกว่าก็ได้เปรียบ เขารวบฉันไว้ในอ้อมกอด ก่อนกดรับโทรศัพท์อย่างถือวิสาสะ
หมอธันวา: สวัสดีครับ คุณคเชนทร์
คเชนทร์: หมอธันวาหรือครับ ขอสายน้องอัยย์ครับ
หมอธันวา: น้องอัยย์ไม่ว่างรับสาย มีอะไรหรือเปล่าครับ
คเชนทร์: ผมจะชวนน้องอัยย์ไปกินข้าวเย็นนี้ครับ
หมอธันวา: น้องอัยย์มีแฟนแล้ว คุณเลิกเป็นมดแดงแฝงต้นมะม่วงได้แล้ว แฟนน้องอัยย์ขี้หวงมาก ผมหวังว่าจะไม่เห็นคุณมาที่บ้านนี้อีก แค่นี้นะครับ
พี่ธันพูดรัวเร็วจบในรอบเดียวก่อนตัดสายไป จนฉันไม่ทันได้ตั้งตัวและแก้คำพูดของพี่ธัน
“พี่ธันไปพูดแบบนั้นกับพี่ซันได้ยังไงคะ อัยย์ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกับพี่ธันนะคะ และก็ปล่อยอัยย์ได้แล้วค่ะ” ฉันโกรธจนหน้าแดงไปหมด เขามีสิทธิ์อะไรมาพูดและทึกทักเอาเองแบบนี้
“ไม่ปล่อย วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง น้องอัยย์ต้องให้พี่ทำยังไง น้องอัยย์ถึงจะรักพี่” พี่ธันนอกจากไม่ปล่อยแล้ว ยังรัดฉันแน่นขึ้นไปกว่าเก่าอีก
“พี่ธัน อัยย์อึดอัด พี่ธันขอให้อัยย์รักพี่ธัน แล้วพี่ธันรักอัยย์หรือคะ” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงโมโหหน่อยๆ
“รักสิ รักจนจะบ้าตายแล้ว รักจนไม่มีสมาธิทำงาน รักจนต้องลาออกจากงานเพื่อมาตามง้อตามจีบอยู่นี่แหละ ก่อนที่จะมีมคปด.ไปซะก่อน”
“...”
“มคปด. อะไรคือมคปด. แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอัยย์ เดี๋ยวนะ พี่ธัน ทำไมพูดจาหยาบคายแบบนี้คะ ไม่สมกับเป็นคุณหมอเลย” ฉันนิ่งงันไป เพราะพยายามทวนคำพูดของพี่ธันว่าเขาหมายถึงอะไร ก่อนที่จะตีลงไปบนหน้าอกของพี่ธันไม่แรงนัก
“ก็มันจริงไหมล่ะ ถ้าขืนพี่ช้า ปล่อยเวลาให้นานไปกว่านี้ พวกแมลงหวี่ แมลงวัน พวกมดแดงแถวนี้ได้เอาน้องอัยย์ไปกินน่ะสิ พี่ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ”
“พี่ธันยังไม่ได้บอกอัยย์เลย เพราะอะไรพี่ธันถึงรักอัยย์” ฉันอยากรู้จริงๆ นะ ว่าเพราะอะไรพี่ธันถึงรักฉัน
“ไปนั่งตรงเก้าอี้เถอะ” พี่ไอปล่อยฉันจากอ้อมกอด แล้วจูงมือฉันไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ต้นแก้วที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งให้บรรยากาศสดชื่น
“ในวันเกิดพี่ครบรอบอายุสิบห้าปี ที่มีเพื่อนๆ มากมายมาร่วมงาน พี่ช่วยชีวิตน้องอัยย์ที่ตอนนั้นอายุแค่เพียงเจ็ดขวบจากการตกสระน้ำ แต่น้องอัยย์ไม่รู้เกิดนึกอะไรขึ้นมา ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าโตขึ้นจะเป็นเจ้าสาวของพี่
ในตอนนั้นพี่เป็นวัยรุ่น แล้วถูกเด็กอ้วนขี้เหร่มาสารภาพรัก พี่จึงอายมาก และยิ่งพ่อกับแม่ทำการหมั้นหมายน้องอัยย์ให้พี่ พี่เลยไม่มาเจอน้องอัยย์แล้วหนีไปเรียนต่อเมืองนอก พี่ตัดการติดต่อกับน้องอัยย์ทุกช่องทาง
เมื่อหลายเดือนก่อน พี่กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลศิริแพทย์ พี่มีโอกาสได้เจอกับวิญญาณสาวตนหนึ่ง แปลกมากที่พี่เห็นเธอ พี่ไม่ได้รู้สึกกลัวเธอด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เธอความจำเสื่อม และรู้แค่ว่าตนเองชื่ออัยย์
ในตอนแรกพี่ทำเป็นมองไม่เห็นเธอ เชื่อไหม เธอประกาศต่อหน้าพี่ ว่าเธอจะจีบพี่เป็นแฟน หลังจากนั้นเธอก็ตามติดชีวิตพี่เป็นสตอล์กเกอร์เลย
เมื่อผ่านไปนานวันเข้า พี่เริ่มมีเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว วันไหนไม่เห็นก็มองหา สุดท้ายเธอก็รู้ว่าพี่มองเห็นเธอ และเราก็ตกลงเป็นแฟนกัน มีเคสหนึ่งชื่อวิญญาณอลินดาที่เป็นเจ้าหญิงนิทราแล้วฟื้น จนทำให้พี่กับเธอสงสัยว่าเธออาจจะยังไม่ตาย เหมือนวิญญาณอลินดานั่น สุดท้ายพี่ก็รู้ว่าเธอยังไม่ตายจริงๆ พี่จึงสืบหาร่างของเธอจนพบในที่สุด พอเธอจำเรื่องราวต่างๆ ได้ เธอก็หายไปแล้วฟื้นขึ้นมาเป็นน้องอัยย์ คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าพี่นี่ยังไงล่ะ
เธอคนนั้นเป็นคนที่ใจดี อัธยาศัยดี ชอบช่วยเหลือวิญญาณที่ตายใหม่ๆ แต่ความจริงแล้ว พี่ว่า เธอขี้จุ้นมาก...”
“พี่ธันอะ อัยย์ไม่ได้เป็นคนขี้จุ้นนะ และเคสนั้นก็เป็นคุณประสิตา คุณเปิ้ลเตียงเจ็ดต่างหากล่ะคะ ไม่ได้ชื่ออลินดาซะหน่อย อีกอย่าง อลินดาไม่ได้เป็นวิญญาณ เธอเป็นหมอที่เห็นวิญญาณต่างหากค่ะ”
พี่ธันยังพูดไม่จบ ฉันก็รีบแย้งทันทีเพราะที่พี่ธันพูดมามันไม่ถูกซะหน่อย
“น้องอัยย์ น้องไม่ได้ความจำเสื่อม น้องอัยย์จำทุกอย่างได้ทั้งตอนเป็นวิญญาณและหลังฟื้นขึ้นมา...น้องอัยย์ใจร้ายมากนะ” พี่ธันได้ยินเช่นนั้นก็หันหน้าหนีฉันไปเลย
ฉันผิดเหรอ?
ฉันต้องเป็นคนง้อ?