EP.1 | แต่งงานธุรกิจ ไม่เอานะ!!!!!
"แล้วคุณพ่อว่าไงนะ
พูดจริงแค่ไหน
แล้วฝั่งนั้นล่ะ
ตกลง?!?!?!
โอ้โห....นี่มันยุคไหนเนี่ย
ฉันหรอ กำลังกลับรถจะเข้าบริษัท
แต่เปลี่ยนใจแล้ว
อันย่า ขอmap หน่อย
ใช่ค่ะ ส่งมาเลย
ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว"
ดลยา เสสะธิติกุล หรือ เฌอ ผู้จัดการแผนกพัฒนาธุรกิจ ผู้บริหารหญิงวัยย่าง 25 ปี ดีกรีนักเรียนนอกที่เหาะไปกวาดปริญญามา 2 ใบ แถมยังเป็นอดีตนักแสดงวัยรุ่นที่เคยฮอตดังเปรี้ยงปร้าง แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมาย เธออยากทำธุรกิจที่บ้านมากกว่าอาชีพนักแสดง
แต่ยุคที่อะไรๆ ก็ถูกดิสรัปชั่น (disruption) จากวงการเทคโนโลยี ไม่ว่าใครจะทำอาชีพอะไร หรือทำธุรกิจแบบไหน ก็สามารถหงายเงิบได้ภายในพริบตา
การไปเรียนแล้วกลับมาช่วยที่บ้านนั้น ไม่ทันการเสียแล้ว
ใช่แล้ว
นั่นเป็นเหตุผล ที่ทำให้
บ้านเธอ เลือกที่จะจับมือกับอีกกลุ่มธุรกิจ เพื่อพยุงกันไปให้รอดจากช่วงวิกฤตแบบนี้
"แต่บ้าจริง นี่มันยุคไหนแล้ว เขามีการทำสัญญาตั้งหลายรูปแบบ ทำไมต้องทำสัญญาแต่งงานกัน ละครหรอเนี่ย"
รถหรูจอดเทียบเข้าอีกบริษัทที่เป็นเป้าหมายใหม่ตามทาง GPS บอก
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาในอาคารต่างเผลอมองใบหน้าสวยของอดีตดาราสาวกันทั้งนั้น แต่เธอชินเสียแล้ว
หญิงสาวเดินเข้าไปที่เคาท์เตอร์ต้อนรับ ยื่นนามบัตรพร้อมแจ้งความประสงค์
"ช่วยแจ้งคุณภูริต ว่าดิฉันมาหาค่ะ เอาแบบด่วนที่สุด ลัดทุกคิว"
"สักครู่นะคะ"
พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าและงานประชาสัมพันธ์ แม้จะเป็นคนที่ไม่ติดตามข่าวสารใดๆ ก็ยังต้องรู้จักใบหน้านี้เป็นอย่างดี
"เชิญค่ะ ชั้น 37 นะคะ เดี๋ยว.."
"ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวไปเอง ขอคีย์การ์ดใช้กับลิฟท์ด้วยค่ะ"
"สักครู่นะคะ"
พนักงานรีบจัดการใส่รหัสที่คีย์การ์ด ลงระบบให้พร้อม ก่อนลุกขึ้นยื่นให้ด้วยความสุภาพ
"ขอบคุณค่ะ" ดลยา หรือ เฌอ รีบเดินเข้าที่สแกนและประตูกั้น เพื่อเข้าโซนลิฟท์ชั้นสูง
เธอยืนมองแสงไฟตามตัวเลขที่ระบุชั้นไปเรื่อยๆ
ติ๊ง!!!
ร่างบางสวมชุดทำงาน ดึงเสื้อตัวเองให้เข้าที่ จัดทรงผมให้เรียบร้อย ก่อนก้าวออกจากลิฟท์ สายตามองตรง กวาดหาเป้าหมาย
เลขานุการ 2 คน รีบเดินมาต้อนรับ และเชิญให้เข้าไปในห้องประธานใหญ่
ทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง
หญิงสาวไม่รอช้า ที่จะเอ่ยทักผู้บริหารรุ่นพ่อที่นั่งทำงานอยู่อย่างไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองก่อน
"สวัสดีค่ะ คุณภูริต ท่านผู้บริหารใหญ่" น้ำเสียงตั้งใจเน้นความยิ่งใหญ่ของอีกฝ่าย ทำเอาคนแก่ยิ้ม
"มาแล้วหรอหนูเฌอ" ชายสูงอายุในชุดสูทสีเทาพอดีตัว ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน เดินมานั่งที่โซฟา เชิญเด็กรุ่นลูกให้นั่งลงด้วยกัน
"ทำไมคุณลุงถึง..."
ก๊อก....ก๊อก....
"ขอโทษทีครับพ่อ"
"เอ้อ มาคุยพร้อมกันทีเดียว" ภูริตเรียกลูกชายคนโตเข้ามา
"หนูเฌอมาโดยไม่บอกคุณพ่อใช่มั้ย"
"ถ้าบอกคงไม่ได้มาหรอกค่ะ"
"ภริศ นี่เฌอ ว่าที่ภรรยาของลูก"
"ครับ หวัดดี เฌอ"
"เฮอะ.....เฮ้อ.....คุณลุงงงง"
"ทักทายก่อนหนูเฌอ"
"สวัสดีค่ะ เฌอ ค่ะ คุณภริศ ยินดีด้วยนะคะ คุณได้ภรรยาโดยไม่ต้องพยายามหาเลยค่ะ แท๊แด..."
"หนูเฌอ ใจเย็น ลุงจะอธิบายเอง"
"ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ บริษัทคุณพ่อต้องพึ่งพาเงินทุนของ TJ GROUP แต่มันมีวิธีทำสัญญาตั้งหลายรูปแบบนี่คะ จะJoint Venture หรือทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น การแต่งงานเพื่อควบกิจการมันใช่หรอคะ"
"หนูเฌอมีแฟนอยู่แล้วหรอ ถึงไม่อยากแต่งงาน" ภูริต เอ่ยถามเด็กสาว
"ตรงกันข้ามค่ะ หนูไม่อยากแต่งงาน แค่เพราะไม่อยู่ในความคิดเลยค่ะคุณลุง เรามาปรับสัญญาให้มันสมจริงตามยุคสมัยดีมั้ยคะ คุณลุงมีลูกชายวัยรุ่นจะตาย ไม่น่าจะเป็นคุณพ่อที่ล้าหลังเหมือนพ่อหนูหรอกนะคะ พ่อหนูเค้าทุกวันนี้ยังอ่านหนังสือพิมพ์เป็นแผ่นๆอยู่เลย"
ชายหนุ่มที่นั่งฟังและดูพฤติกรรมของพ่อและผู้หญิงตรงหน้า ความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่แฝงไปด้วยความคิดที่เตรียมการมาแล้วนิดหน่อย ดูน่าสนใจดี
"คุณภริศ เห็นด้วยกับฉันมั้ยคะ เราสามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ อันที่จริงฉันมีแผนพัฒนาธุรกิจให้พรีเซ็นต์แล้วขอเป็นเงินทุนมาเป็นรอบๆ ดีมั้ยคะ ถ้าอยากลงทุนให้ แค่มองตามมูลค่าที่เห็นจากแผนเราก็ได้ค่ะ"
เธอหันหน้ามาหาตัวช่วยอีกคน เผื่อจะจูงใจเขาได้
"ถ้าเฌอไม่พอใจ เพราะไม่มีแผนอยากแต่งงาน อันนี้ลุงคิดว่า แต่งน่ะดีแล้ว จะได้ให้ภริศช่วยดูแลกิจการบ้านเธออีกแรง"
"ไม่ หนูจะทำเองค่ะ หนูไม่ได้ไปร่ำเรียนมาเพื่อแต่งงานมีลูกหรือเพื่อมาเป็นพนักงานในบริษัทตัวเองนะคะ หนูอยากดูแลกิจการที่บ้านและจะทำให้ยิ่งใหญ่กว่าที่พ่อทำด้วย"
"สองปีเอง แค่สองปี ให้สถานการณ์มันนิ่งก่อน แล้วค่อยว่ากัน" คุณภูริต ผู้บริหารรุ่นใหญ่ ใจเย็นและเข้าใจวัยรุ่นเป็นที่สุด เพราะลูกชายคนเล็กของเขานั้นทั้งฉลาดทั้งแสบแบบที่เผลอไม่ได้ อาจโดนตลบหลังตลอด
"นี่อีกประเด็น ทำไมต้องสองปีคะ สัญญาแต่งงาน สองปี ตลกอ่ะ แล้วหลังจากนั้น หนูก็เป็นหม้าย คุณภริศ ก็เสียประวัติเหมือนกัน มันใช่หรอคะ เรามาทำสัญญาธุรกิจดีกว่าค่ะ
เกิดแต่งงานแล้วถ้ามีลูก มันจะจบในสองปีได้ไงคะ"
"แต่งงานแค่ในนาม เพื่อให้สินสมรสเป็นสมบัติส่วนตัว ไม่ใช่เงินลงทุนที่เข้าบริษัท" ภูริตสรุปให้
"คุณภริศ พูดอะไรหน่อยมั้ยคะ อยากแต่งหรอ!!"
"ครับ ตามนั้น สองปี" ชายหนุ่มพูดสั้นๆ ไม่ได้ยิ้มดีใจหรือทำสีหน้าโกรธเคือง
"คุณ!!!!"
"หนูเฌอ พ่อ ลุง พี่ โอเคหมดแล้ว เหลือแต่เรา" ว่าที่คุณพ่อสามีเริ่มใช้เสียงประชาธิปไตยมากดดัน
"ทำไมต้องสองปี" คนไม่ยอม ขอโวยสายประเด็นอื่นต่อ หาเรื่องไปเรื่อยๆ มันต้องมีช่องว่างให้เธอหนีออกจากเรื่องบ้าๆล้าหลังแบบนี้
"หรืออยากยาวกว่านั้น" ลุงถาม
"เงินนั่นถือเป็นสินสอด ไม่ต้องคืน ไม่ใช่เงินลงทุนที่ต้องมาคืนอีกเข้าใจมั้ย" ภูริตย้ำประโยชน์ให้ฟัง
"แล้วคุณลุงจะได้อะไร"
"ธุรกิจเราจะเฟื่องฟู เราไปกอบโกยรายได้จากตรงนั้นกัน"
"คุณลุงคะ ได้โปรด"
"คุณเฌอครับ แค่สองปี อย่าคิดมาก ชีวิตเราจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยครับ แค่แต่งในนาม" ภริศ พูดยาวขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ
"อ๋าาาาา เข้าใจแล้ว เพราะแต่งแต่ในนาม คุณเลยไม่เดือดร้อน เป็นฉันที่วุ่นวายใจอยู่คนเดียว
หึหึ...
เอางี้ดีกว่าค่ะ
เพราะสองปีนี้ คุณจะทำให้ฉันเสียสิทธิการใช้ชีวิตตามแผนของฉัน ดังนั้น
ถ้าแค่ในนามฉันจะทำให้วุ่นทั้งบริษัทคุณลุงและบริษัทพ่อด้วย
อย่ากระนั้นเลยค่ะ มาทำจริงค่ะๆ แต่งกันจริงๆ สองปีแล้วเลิก เอามั้ยคะ"
หญิงสาวยื่นคำขาด เธอเข้าใจแล้วพวกผู้ชายคิดว่าจะแต่งแต่ในนาม จะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ คิดว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ส่วนเธอ ที่ต้องโดนคนหัวเราะว่า มาพึ่งพาครอบครัวเขา เป็นดาราดีแต่สวย สมองกลวง พึ่งพาผู้ชาย เป็นแค่ตัวละครหุ่นเชิดของผู้ใหญ่ แต่งกัน แล้วเขี่ยทิ้ง
เอ้อ...คิดว่าชีวิตคนๆหนึ่งมันจะถูกจับไปทำอะไรก็ได้หรอ ไร้สาระชะมัด
เป็นไงล่ะ พอโดนขู่ว่าไม่เอาแต่งแต่ในนาม แต่จะแต่งจริงๆ ไม่กล้าเลยสิ คุณภริศ คิดเอาแต่ได้มากเกินไปแล้ว
"เอาสิครับ แต่งจริงๆ เป็นสามีภรรยาจริงๆ" ร่างสูงที่นั่งอยู่ เห็นเธอถามความคิดเห็นของเขา แต่พอตอบไปก็ดูไม่พอใจ ดังนั้น เธออยากจะให้มันเป็นแบบไหน เขาก็จะทำให้แบบนั้น เพราะเขาก็มีสิ่งที่ต้องการเหมือนกัน
"หา!!!!!!" คนตกใจที่ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้ามกับที่ต้องการ
"ตามนั้นครับคุณพ่อ ปิดดีล" ภริศลุกขึ้น ติดกระดุมสูทให้เรียบร้อย
"อะไร๊!!!!!" เสียงแปดหลอดของดลยาดังลั่นแทบทะลุออกไปนอกห้อง
"รักษาคำพูดนะครับ เป็นภรรยาจริงๆ" ภริศ เน้นย้ำให้อีกฝ่ายเข้าใจตรงกัน ก่อนจะเดินออกจากห้องไป