บทที่ 1
บทที่ 1
...กระต่าย...
14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2556
โรงเรียนนานาชาติ
ชีวิตของผู้หญิงสวยใสรวยล้นฟ้าอย่างฉัน ที่มีพร้อมไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะหน้าตาฐานะครอบครัวของฉัน มีพี่ชายพี่สาวน้องชายที่อบอุ่น มีแม่ที่คอยรักและให้ความอบอุ่น ฐานะทางบ้านไม่มีใครสามารถเทียบได้เลยแม้แต่น้อยฉันมีคู่หมั้นตั้งแต่ยังเด็ก เป็นคนที่มีแฟนก่อนใครมีแฟนที่น่ารักและซื่อสัตย์
แต่แล้ว.....
มันก็เป็นสิ่งที่ฉันคิดไปเองคนเดียว ว่าเขารักฉันแค่คนเดียวเด็กแค่อายุ 15 ปี ที่กำลังจะเรียนจบมัธยมต้น เป็นคนที่ขยันเรียนเกรดออกมาได้ 4 ทุกตัว ไม่คิดเลยว่าชีวิตของฉันจะต้องโดนหักหลัง จากคนที่ไว้ใจที่สุด อย่างฝาแฝดของฉัน
ตาต้า
ผู้หญิงที่ทำร้ายฉัน หักหลังฉันลักลอบคบกับแฟนของฉัน ที่เป็นทั้งคนรักแฟนเพื่อนรักและคนที่กำลังจะแต่งงานด้วยเมื่อฉันเรียนจบมหาลัย ขอฝันของฉันต้องพังทลายลงเพราะผู้หญิงที่ชื่อ ตาต้าคนเดียวเท่านั้น
"ต่าย!!!"
"อะไร!"
ฉันมองไปยังที่ป้อมกำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาที่นี่ในขณะที่ฉันกำลังเรียนภาษาจีนอยู่ ด้วยความตกใจฉันจึงคานรับไปเสียงดังเพราะปกติแล้วผู้หญิงแสนเรียบร้อยอย่างป้อมไม่มีทางที่จะพูดเสียงดังแบบนี้
"ตาต้ามันหนีไปแล้ว"
"ตาต้าแฝดของชนะหรอจะหนีทำไมอ่ะ"
"มันหนีไปพร้อมกับแฟนของแกตอนนี้ทุกคนกำลังตามหา พี่ชายแกให้ฉันน่ะรีบมาหาแก"
"แล้วเขาจะหนีฉันทำไม"
"นี่แกยังไม่เข้าใจอีกหรอมันเป็นชู้กับแฟนแก"
"ชู้กับแฟนฉัน"
แก้วน้ำในมือที่กำลังจะยกดื่มกับร่วงลงพื้นอย่าง อ่อนแรงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ผู้หญิงที่แสนเรียบร้อยผู้ชายที่แสนดีทั้งสองคนหักหลังฉัน ยังไม่เหลือเยื่อใยได้ยังไงกัน
ฉันรีบวิ่งออกมาโดยไม่ได้สนใจเข้าของที่อยู่บนโต๊ะหรืออะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่งโทรศัพท์ของตัวเองยังลืมเอาไว้ ฉันรีบมาที่บ้านของฉัน ที่บรรดาพี่ชายพี่สาวต่างนั่งหน้าเครียดกัน เพราะตามหาแฝดของฉันไม่เจอ
"กระต่าย พี่ขอโทษ"
"พวกมัน 2 คนอยู่ไหน!"
"ใจเย็นก่อนตอนนี้เรากำลังตามหาคนของพ่อส่งคนตามหาแล้ว"
"เอากุญแจรถมา"
"พี่ให้กุญแจรถต่ายไปได้"
"คิน!!!!!"
"ใจเย็นก่อนรอก่อนได้ไหมตอนนี้ทุกคนกำลังเครียดกันหมดทุกคนนั่นแหละ ไม่ใช่แค่ตัวคนเดียวนะ"
ฉันไม่สนใจคำพูดใดๆ ของใครทั้งสิ้น ฉันรีบเดินเข้าไปในลิ้นชักส่วนตัว ที่มีกุญแจรถเอาไว้ตอนไปเรียนฉันติดรถไปกับปูน้อย เขาไม่อยากขับรถไปเองฉันจึงให้ป้อม มาส่งฉันที่บ้านเมื่อกี้เพื่อที่จะเอารถออกไปตามหาทั้งสองคนแต่ฉันรู้ว่าพวกมันสองคนต้องไปแอบซ่อนกันที่ไหนเพราะที่นั่นฉันเป็นคนพาพวกมันไปเอง
"ใจเย็นก่อนได้ไหม"
ฉันหันไปมองพี่วอร์มที่เจ้ามองฉันอย่างห้ามปราม แต่ฉันก็สะบัดแขนคนท้องออก ก่อนที่จะไม่สนใจอะไรแล้วรีบเดินออกไปทันที
"ห้ามน้องกันเร็ว!!!"
เสียงของไนท์ดังขึ้นมาก่อนที่เสียงรถ บิ๊กไบค์ ดังกระหึ่มขึ้นมาก่อนจะทะยานออกไปจากรั้วบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะตามไปทันแน่นอนและอีกอย่างฉันมีใบขับขี่เรียบร้อยแล้วฉันไม่กลัวอะไรอยู่แล้วแหละ ฉันมายังที่ที่ฉันเคยมาและพาทั้งสองคนนั้นมา ไม่คิดเลยว่าสถานที่ที่ฉันเก็บเป็นความลับ กลายเป็นที่ซ่อนของพวกเขาทั้งสองคนไปแล้ว
"ต่าย..."
"เธอคิดว่าจะหลบฉันพ้นอย่างงั้นหรอ!"
"ปล่อยพวกเราไปเถอะนะพวกเรารักกันเธออย่ามาขัดขวางเราเลยนะ"
"ตาต้ามึงแหกตาดูด้วยมันเป็นแฟนกู เป็นคู่หมั้นของกู แต่มึงก็ยังทำ มึงแอบมีอะไรกันกับมัน แอบมีอะไรกันลับหลังกู ที่เป็นแฟนของมึง เป็นพี่น้องออกมาจากรูเดียวกันกับมึง!!!!"
"ฉันขอโทษฉันรักเขา"
"การที่มึงกับกูทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้ชายมันก็แย่มากพอแล้วนะมึงหักหลังกูเพราะผู้ชายคนนี้หรอ!!"
"ฉันท้อง ฉันท้องมันตั้งนานแล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดถึงวันนั้นฉันจะมีความสุขกับครอบครัวของฉันได้ยังไงถ้าฉันไม่หนีออกมา"
"ท้อง..."
"ฉันมีอะไรกับเขามานานแล้ว ฉันเป็นของเขาฉันเป็นแม่ของลูกเขาเขาเป็นพ่อของลูกฉันเธออย่าพรากจากกันเลยนะ"
"แต่มึงกลับหักหลังคนที่มึงรักอย่างกูงั้นหรอ"
"ตาต้าไม่ผิดนะเจผิดเอง ที่ไม่อาจห้ามหัวใจให้รักตาต้าได้"
"กูต้องมาฟังพวกมึงบอกรักกันด้วยหรอกูจะอ้วกแล้วกันงั้นหรอ แล้วมึงมาหมั้นกับกูทำไม ทำไมมึงไม่หมั้นกับมันไอ้คนทรยศ!!!"
"เรารักตาต้าเราไม่ได้รักเธอเลย พ่อแม่ของเราจะหมั้นกัน เรารักตาต้าไม่ต้องแต่เด็กแต่เราต้องอดทนฝืนที่จะคบกับเธอ เราบอกตรงนี้เลยนะ เราไม่ได้รักเธอจริงๆ"
คำพูดที่แสนเจ็บปวดทำเอาฉันไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้คำพูดของพวกมัน 2 คน ทำให้ฉันอยากจะอ้วกทั้งขยะแขยงพวกมันรักกันแต่คนที่เจ็บคือฉันไม่ใช่พวกมัน
"รักกันมากใช่ไหมตายไปพร้อมกันเลยดีไหมกูจะฆ่าพวกมึง"
"แล้วจะฝังพวกมึงเอาไว้ที่นี่เพราะที่นี่ไม่มีใครรู้นอกจากกูคนเดียวไม่มีใครเห็นแน่นอน!!"
"ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าฉันเถอะ"
ฉันเดินเข้าไปกระชากหัวของฝาแฝดตัวเอง กดตกลงไปหน้าผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเกลียด ใบหน้าที่เหมือนกันกับฉันไม่ว่าจะตรงไหนก็เหมือนกันกับฉัน ฉันเกลียดไปนานที่สุด เกลียดและไม่สามารถให้อภัยได้ ไม่มีวันที่จะให้อภัยได้เลย
"หึๆๆๆ พวกมึงตลกจริง กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าชีวิตคู่ของมึงจะไปได้ดีขนาดไหนกูก็อยากจะรู้เหมือนกัน พวกมึงจะรักกันมากขนาดไหนถ้าพวกมึงไม่มีอะไรเลยมึงก็รู้ใช่ไหมว่ากฎของตระกูลเราคืออะไร"
"แล้วมึงรู้ใช่ไหมว่ามึงทำผิดกฎของตระกูลมึง เป็นหลายข้อจนไม่น่าให้อภัย!!"
ฉันลากฝาแฝดของตัวเองออกมาจากบ้าน พักที่ฉันเป็นคนซื้อเอาไว้ลากมันขึ้นรถยนต์ของพวกมัน โดยทิ้งบิ๊กไบค์ของฉันเอาไว้ที่นั่นก่อนจะโยนกุญแจลงที่พื้น
"แน่จริงมึงก็ขับรถตามกูมาให้ทันสิ"
ในเมื่อจะเลวแล้วก็เลวให้ถึงที่สุดคนทำชั่วกับฉันมันต้องได้รับบทลงโทษของตระกูล ฉันจะไม่ใช้ศาลเตี้ยตัดสินมาเด็ดขาด ฉันจะให้คนทั้งตระกูลรับรู้ว่าคนอย่างมันเป็นเสนียดของตระกูลขนาดไหน
รถยนต์คันหรูทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงรถบิ๊กไบค์ขับตามมา โดยที่รถบิ๊กไบค์ไม่สามารถที่จะขับแซงฉันได้ไหมจะมีความเร็วมากขนาดไหนก็ตาม ตาต้าหน้าเสียก่อนจะหาที่จับไม่ให้ตัวเองไปล้มกระแทกอะไรทั้งสิ้น เพียงขับรถแค่ไม่นานก็มาถึงบ้านใหญ่ของฉันก่อนจะกระชากหัวมันลงจากรถลากมันเข้าไปในบ้าน
"เธอไปเจอตาต้าที่ไหน"
"อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าพวกคุณก็รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน"
"ต่ายเธอพูดอะไร พวกเราไม่เห็นเข้าใจเลย"
"ก็ที่หลบซ่อนของพวกมันอย่าบอกนะพวกพี่ไม่รู้อ่ะมันหลบอยู่ที่ไหนคนของพ่อจะไม่รู้ได้ยังไงว่ามันอยู่ที่ไหน นอกเสียจากจะปล่อยพวกมันไป"
"พวกพี่ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาสองคนรู้กันอยู่ที่ไหน"
"คุณป๋าอยู่ไหน"
"คุณป๋าอยู่บนห้อง"
"มาถึงเร็วดีนิไปตามเขามา"
ฉันหันไปบอกคนใช้ก่อนที่คนไทยจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนชั้นที่ยังไม่ปล่อยมือจากผมของผู้หญิงคนนั้น พอจะมีร่างของผู้ชายอีกคนที่เป็นอดีตคู่หมั้นของฉันวิ่งเข้ามากอดขาขอร้องฉัน
"ขอร้องอ่ะนะได้โปรดเถอะนะ"
"เห็นกูเป็นคนดีหรอมึงแหกตาดูว่ากูคนดีหรือเปล่า!"
ฉันหันไปบอกผู้ชายคนนั้นก็จะเตะมันออกไปไกลๆ ก่อนที่คุณป๋าจะลงมาใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ว่าจะอยู่จะล่วงเลยเข้าไปหลายหลักแล้ว แต่ก็ยังคงความหล่อเราไว้ฉันต้องมองไปยังพ่อของตัวเอง ฉันรู้ว่าเขารักตาต้ามาก มากกว่าฉันเสียอีก แต่ครั้งนี้เขาต้องให้ความเป็นธรรมกับฉัน
"เรื่องมันแล้วไปแล้ว..."
"ก็ปล่อยไปเถอะ"
เสียงคำพูดของพ่อตัวเองทำให้ฉันรู้เลยว่า พ่อของฉันเลือกใคร ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน ดวงตาของฉันว่างเปล่าไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้นไม่เหลืออะไรให้รู้สึกอีกแล้ว ไม่มีเลยจริงๆ
"ทุกคนรู้ใช่ป่ะ ว่าอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง"
"คือว่า...."
"ตอบมาสิ ว่าทุกคนรู้ว่าพวกมัน 2 คนทำอะไรลับหลังฉันน่ะ"
"พวกเรารู้มานานแล้ว แล้วก็พยายามห้ามแล้วด้วย"
"อะไรกันวะ...!!!"
สิ้นสุดคำพูดคำนั้นของทุกคน ทำให้ฉัน กลายเป็นคนโง่ที่สุดในที่นี้ ฉันต้องมองพี่น้องฉันทุกคนก่อนจะได้รับรู้ความหมาย เขาไม่เคยรับฉันเป็นน้องเลยไม่มีใครรับฉันเป็นคนในครอบครัวเลยสักคน
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำได้ก็คือการไปจากที่นี่
"ต่ายจะไปไหนทำไมถึงเก็บของ"
ฉันลากกระเป๋าของตัวเองลงมาจากบ้านก่อนจะเดินออกไป โดยไม่สนใจใครที่เข้ามาห้ามฉันเลยสักคน
"ต่าย!!!"
"มีมันไม่มีกู มีกูไม่มีมัน ในเมื่อพวกมึงเลือกมันก็เชิญอยู่กับมันกูไม่อยู่ให้พวกมึงหลอกกูอีกหรอก!!"
"ต่ายห้ามไปนะเราจะไปเอง..."
"เสือก!!!"
ฉันกลับอิตาลีไปอยู่กับคุณย่าใหญ่ และรับมรดกเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเขาคุณย่ารู้เรื่องทุกอย่างจากลูกน้องคนสนิท ท่านจึงมอบมรดกของฉันทั้งหมดให้กับฉันให้ฉันเป็นทายาทคอยดูแลธุรกิจของท่านต่อจากท่าน
"ที่เรียนที่ใหม่เป็นยังไงบ้าง"
"ก็ดีนะคะคุณย่ามีเพื่อนใหม่ มีอะไรใหม่ๆ ก็แปลกดี"
"ได้ยินแค่นี้ย่าก็ดีใจแล้ว"
"คุณย่าทานยาหรือยังคะ"
"ยาหรอ ย่าทานแล้ว"
"จริงหรือเปล่าหนูนับเม็ดยาไว้นะ ถ้าคุณย่าไม่กินหนูจะพาไปหาคุณหมอดีไหม"
"ไม่เอานะเอาอย่างนี้ ย่าจะไปกินยาให้ตรงตามที่คุณหมอบอกดีไหม"
"อย่างนั้นล่ะค่ะถ้าคุณย่าไม่กินหนูจะพาคุณย่าไปหาหมอแล้วทีนี้คุณย่าจะได้นอนโรงพยาบาลคุณหมอจะได้ฉีดยาง่ายๆ ดีไหมถ้าไม่ดีคุณย่าต้องกินยาให้ตรงตามที่คุณหมอสั่งไม่อย่างนั้นนะคะหนูจะโกรธคุณย่าและคุยกับคุณย่าด้วย"
"อย่าเข้าใจแล้วอยากจะเป็นเด็กดีของหนูกระต่ายนะคะ"
"ดีมากค่ะคนสวย งั้นคนสวยก็กินยาแล้วก็นอนนะคะเดี๋ยวหนูจะได้ไปดูที่สนามแข่งด้วย ว่าเป็นยังไงบ้าง"
ฉันก็มาที่สนามแข่งทุกวันได้พบเจอคนใหม่ๆ ที่มาเข้าแข่งขันกันอย่างดุเดือดและวันนี้ฉันก็เตรียมตัวที่จะแข่งเหมือนกัน แล้วคนที่จะแข่งกับฉันก็เป็นผู้ชายที่มาจากประเทศไทยเห็นว่าแข่งรถเก่งมากไม่รู้ว่ามันจะเจ๊งอย่างที่เขาพูดกันหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ เห็นใครให้มันรู้บ้าง เพราะเมื่อวานฉันไม่ได้เข้าไปดูที่สนามแข่งลูกน้องของฉันก็แพ้ราบคาบเสียเงินไปหลายล้านวันนี้ฉันจะเอาทุนคืนและเพิ่มกำไรคืนให้ด้วย
ผู้ชายคนนั้นชื่อดอนเช่ เป็นคนที่ดูดีมากเลยทีเดียว แม้ตอนนี้จะหุ่นบอบบางเป็นเด็กไปบ้างแต่ก็ถือว่าโอเค แต่ถ้าดูแล้วประเมินอายุก็คงจะพึ่ง 16 ละมั้ง เด็กอายุแค่นี้ทำไมถึงมาแข่งรถตัวฉันเองก็เพิ่ง 15 จะ 16 ปี ก็ยังแข่งรถได้เลย ที่นี่ไม่จำกัดอายุเพราะไม่ได้ใช่สนามเถื่อน ที่แข่งกันรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิตกันแต่ก็มีกฎเกณฑ์อยู่ว่า ห้ามแข่งถึงขั้นเอาชีวิตกันเท่านั้นเอง
แล้วก็เป็นไปอย่างที่ฉันคาดการณ์เอาไว้ ฝีมือเขาก็เก่งพอตัวแต่ก็ไม่เท่าฉันการขับรถของเขาก็ยังคงเป็นเด็กที่กำลังห้าวอยากขับอย่างเดียวเท่านั้นเอง
"เราคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ"
"แน่นอน ไว้พวกเราสองคนไปเที่ยวกันดิ"
ฉันส่งยิ้มให้กับเขา ก่อนที่เราจะมาแข่งขันกันบ่อยๆ จนผ่านมาเป็นปีความสัมพันธ์ของพวกเรา ก่อเกิดเป็นความรักจากคู่แข่งการเป็นคนรักกัน เราพัฒนาความสัมพันธ์คบกันได้เกือบปี และความฝันของฉันกับการได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน
ก็ต้องจบลง
"ฉันว่าเรากลับมาเป็นเพื่อนกันดีกว่า ขอโทษนะ ที่ฉันเป็นมากกว่าเพื่อนให้เธอไม่ได้ เธอยังไม่ใช่สำหรับเรา 100% ว่ะ"
"แต่นายคือคนที่ใช่สำหรับเรา 100%"
"นั่นมันก็แค่คำพูดของเธอ และความคิดของเธอเราต่างฝ่ายต่างไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ใส่กันมันก็คงไม่โอเคอ่ะ"
"นายยังลืมคนรักเก่าของนายไม่ได้ใช่ไหม นายถึงไม่กล้าเปิดใจให้กับฉัน"
"ใช่ฉันรักเขา ถ้าเราเจอกันเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกันนะ"
"ฉันคงไม่เจอนายอีกแล้ว เพราะฉันไม่มีวันได้เจอกันอีก"
หลังจากคืนนั้น ที่ฉันกับเขาได้ตัดความสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ที่เกือบพัฒนาเป็นถึงความรัก ทั้งๆ ที่ฉันยอมเปิดโอกาสที่จะเริ่มรักใครสักคนเข้ามาอยู่ภายในใจของฉันมันกลับล้มเหลวเมื่อเขายังไม่ลืมคนรักเก่า สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้ก็คือ เก็บอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ เธอไม่แสดงให้ใครได้รู้ว่าฉันมีความรู้สึกอย่างไรในตอนนี้ ฉันอาศัยอยู่กับคุณย่าได้เพียง 3 ปี
ที่ประเทศไทยก็โทรศัพท์สายตรงมาหาคุณย่าใหญ่ เกี่ยวกับการเสียชีวิตอย่างกระทันหันของคุณพ่อ และทุกคนในครอบครัวอยากให้ฉันกลับไปงานศพของคุณพ่อ ฉันก็ปฏิเสธว่าฉันไม่อยากไปแต่คุณย่าก็ยังให้ฉันไปแล้วบอกกับฉันว่า เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะได้เจอคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของฉัน จึงอยากให้ฉันมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง
"ไปเถอะย่าอยู่ได้"
"หนูจะรีบกลับมานะคะ หนูจะไม่ให้คุณย่าต้องอยู่คนเดียวอยากแน่นอน"
"ไม่ต้องรีบย่ารอได้ไปเถอะ"
ใครจะคิดว่าวันนั้นคือครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้มองเห็นใบหน้าของคุณย่าฉัน เพราะหลังจากที่ฉันมาธุระงานศพของคุณพ่อ ที่มีปัญหาพี่น้องอยู่ร่วมกัน ต่างยินดีที่ได้พบกันกับฉันแต่ฉันไม่ได้ยินดีกับพวกเขาเลยสักนิด หลังจากเสร็จสิ้นงานศพฉันก็เดินทางกลับมาที่ประเทศอิตาลีอีกครั้ง แต่ฉันก็ต้องจัดงานศพให้กับคุณย่าอีกครั้งเช่นเดียวกัน
"ในพินัยกรรมเขียนเอาไว้ว่าทรัพย์สินมรดกทุกอย่างให้ไว้แก่นางสาว....นโมธรรม แต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าจะกิจการใดๆ ทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้าอันก่อเกิดสร้างมาด้วยตนเองอันได้แก่สนามแข่งรถ บริษัทขนส่ง บริษัททัวร์ บริษัทผลิตอาหาร ร้านเสื้อผ้า คาสิโน บาร์ ที่รวมๆ แล้ว มีกิจการทั้งหมด 10 ประการ มีพื้นที่ที่เป็นที่ดิน 2000 ไร่ ที่เป็นรายชื่อของข้าพเจ้าได้มอบให้แก่หลานสาวเพียงคนเดียวของข้าพเจ้า ที่ระบุไว้ข้างต้น บ้านหลังนี้พร้อมที่ดินอีก 500 ไร่ มอบให้หลานสาวเพียงคนเดียวของข้าพเจ้า สนามกีฬา ฟิตเนสอีก 20 แห่ง มอบให้หลานสาวของข้าพเจ้า แต่เพียงผู้เดียว ในการทำพินัยกรรมฉบับนี้ ดิฉันมาเรียม เธน่า ฟลูบัส วัย 87 ปี มีสติครบถ้วนสมประกอบ ไม่มีอาการดื่มแอลกอฮอล์ใดๆ ทั้งสิ้น และดิฉันมีหมอประจำตัวมีทนายประจำตระกูล เป็นพยานหลักฐานให้แก่ข้าพเจ้า"
"พินัยกรรมจบแค่นี้ครับ"
"คุณย่า"
"คุณนายมาเรียม เตรียมพร้อมทุกอย่างให้กับคุณต่ายเพื่อที่จะให้คุณต่ายได้มีชีวิตที่สุขสบาย และสิ่งสุดท้ายที่คุณมาเรียมต้องการให้คุณต่าย ได้ทำก็คือการกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ประเทศไทยครับ"
"ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณย่าต้องการอะไร"
"อีก 2 อาทิตย์เตรียมไฟท์บินให้ฉันด้วยฉันเคลียร์ทุกอย่างที่นี่แล้ว ฉันจะกลับไปประเทศไทย"
"ทราบแล้วครับ"
ฉันมานั่งเล่นที่ห้องสมุดที่คุณย่าสั่งห้ามฉันไม่ให้ฉันมาเล่นที่นี้ แต่ครั้งนี้แตกต่างจากเดิมเพราะฉันตั้งใจที่จะมาที่นี้ก่อนจะกลับประเทศไทย ฉันมานั่งอ่านหนังสือที่นี้ก่อนจะพบบันทึกของคุณย่าที่เขียนเอาไว้อยู่หลายเล่มฉันจึงเลือกที่จะอ่านเล่มล่างสุดฉันนั่งอ่านเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปจนถึงอีกวันฉันยังคงนั่งอ่านอยู่อย่างนั้นและเล่มสุดท้ายที่คุณย่าเขียนก็มาถึง
ปี 199X ต้นฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
ลิต้า น้องสาวของฉันได้พบรักกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่อายุน้อยกว่าหลายปีจนตอนนี้ทั้งสองคนได้แต่งงานกันแต่ว่า ชายคนนั้นกลับทอดทิ้งน้องสาวผู้น่าสงสารของฉันไป
น้องสาวของฉันเอาแต่เก็บตัวแม้ว่าในท้องของเธอจะมีทารกตัวเล็กๆ อยู่ในนั้น และเก็บงำ ไม่ให้ผู้ใดรู้เกี่ยวกับทารกตัวน้อยผู้นี้ แม้กระทั่งตัวของฉันเองที่เป็นพี่สาวคนโตของน้องสาวที่น่ารักของฉันในวัยที่ห่างกัน ฉันในวัย 50 น้องสาวของฉันในวัย 20 ต้องมาพบรักและเสียใจ กับผู้ชายคนนี้ที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าค่าตา หลังจากที่น้องสาวของฉันคลอดเด็กคนนี้ออกมาเป็นเด็กฝาแฝดผู้หญิง ฉันโอบอุ้มด้วยความรักใคร่ แต่การที่ฉันได้เห็นหลานสาวของฉัน ก็กลับกลายเป็นว่าฉันไม่ได้เห็นน้องสาวของฉันอีกต่อไป เพราะอาการหลังจากคลอดไปแล้ว ทำให้น้องสาวของฉันเสียเลือดไปมาก และไม่อาจยื้อชีวิตเอาไว้ได้สุดท้ายเด็กทั้งสองคนก็ถูกรับเลี้ยง โดยลูกสะใภ้ของฉัน ซึ่งเป็นสะใภ้ใหญ่ที่ไม่สามารถจะมีลูกได้เด็กคนนี้จนกลายมาเป็นหลานสาวของฉันจริงๆ
ฉันอ่านบันทึกนี้จบลงแล้วเหงื่อเย็นของฉันไหลออกมามากมายฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ขอคุณแม่งั้นหรอ ฉันเป็นลูกสาวของน้องสาวของคุณย่าฉันไม่ได้มีสายเลือด ที่เป็นหลานคุณย่า จากพ่อกับแม่ แต่เป็นลูกของน้องสาวของคุณย่าต่างหาก ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับฉัน ครอบครัวที่ฉันอยู่ด้วยมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่ครอบครัวที่แท้จริงของฉันถ้านับดูดีๆ ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ อาจจะเพราะอย่างนี้ คุณพ่อเลยไม่ได้สนใจใยดีฉันมากเท่าไรเพราะฉันเป็นเด็กที่คุณแม่เก็บมาเลี้ยง ธนัชดูดีๆ ฉันก็มีศักดิ์เป็นน้องของคุณพ่อและเป็นน้าของทุกคน
และเรื่องราวความลับของฉันก็คงต้องเก็บเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด ฉันต้องกลับบ้านแล้ว กลับไปใช้ชีวิตให้เหมือนกับแต่ก่อน ฉันรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่แล้ว ขอบคุณนะคะคุณป๋าที่คอยดูแล มาตลอดเลย
"คุณหนูครับได้เวลาแล้วครับ"
"ฉัน กำลังจะไป"
"ได้ครับผม"
ลาก่อน คุณย่าไว้หนูว่างๆ จะกลับมาเยี่ยมคุณย่านะคะแล้วเราค่อยเจอกัน หนูรักคุณย่านะคะ ต่อให้หนูจะเป็นลูกสาวของน้องสาวคุณย่าถึงคุณย่าจะมีศักดิ์เป็นคุณป้า แต่หนูอยากเรียกคุณย่ามากกว่านะคะหนูรักคุณย่านะคะ ลาก่อน
ประเทศไทย
สนามบินสุวรรณภูมิ
ประเทศไทยเมืองแห่งเขตร้อน ลักษณะภูมิอากาศก็คือร้อน ร้อนมาก และร้อนมากๆ ที่ไม่มีใครทำลายสถิติความร้อนของประเทศไทยได้เลยไม่นับพวกแถบแอฟริกานะ ประเทศไทยก็ร้อนจริงๆ นั่นแหละฉันได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะนั่งรถ กลับมาที่คฤหาสน์หลังโตที่มีครอบครัวของฉันอยู่ที่นี่แม้แต่วันที่มาเผาศพของคุณป๋า ฉันก็ไม่แม้แต่จะมาเผา แม้ว่าจะรู้สึกผิดมากก็ตาม แต่เขาก็ทำร้ายความรู้สึกชั้นเหมือนกันฉันจึงเลือกที่จะไม่มาให้เขาเห็นมากกว่า
"ดีใจนะที่เธอกลับมา"
"ใกล้คลอดแล้วนี่ดีใจด้วยนะ"
"ถ้าไม่ใช่เพราะคำสาปของตระกูลฉันก็คงไม่ท้องป่องขนาดนี้หรอก"
"ได้ข่าวว่าไนท์กับพี่พีจะแต่งงานกันหรอ"
"ใช่แต่อีกฝ่ายอ่ะหัวหมุนเชียวไม่ยอมแต่งท่าเดียว"
"ก็เหมือนกับพี่ป่ะที่ไม่ยอมแต่งงานเพราะขี้หึงพี่แฟนน่ะ"
"ใครจะไปหึงมันพูดเป็นเล่น"
"ไม่ได้เล่นนะพูดจริงๆ"
"ชอบพูดแบบนี้ตลอดเลยไม่ได้หึงสักหน่อยก็แค่ไม่ชอบที่แคร์แฟนเก่ามากกว่านั้นเอง"
"เข้าใจแล้วทุกคนไปไหนอ่ะ"
"ต่าย...."
"ตาต้า ยังไม่ออกไปจากวงจรชีวิตของฉันอีกหรอน่าจะให้ผู้นำตระกูลลากคอเธอกับผัวของเธอไปฆ่าหมกป่าดีกว่ามั้ง"
"ขอโทษฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเรากลับมาคืนดีกันได้ไหม"
"คืนดีมึงแย่งคู่หมั้นกูนะพวกมึงหักหลังกูไม่รักกูไม่ชอบกูก็บอกกับกูตรงๆ ทำไมต้องมาหักหลังกูแบบนี้ต่อให้เรื่องของกูกับพ่อของกูเคลียร์กันจบแต่เรื่องของมึงกับกูแล้วก็มันเรื่องของเราสามคนมันไม่จบง่ายๆ หรอกจะมาไว้ถ้ามึงยังอยากอยู่ที่นี่ต่างคนต่างอยู่กับกูไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับกูเข้าใจไหม"
"เราแค่อยากขอโทษอยากให้เธออภัยให้เรา"
"อย่าตอแหลให้มันมากดูแลลูกกับผัวมึงให้ดีก็แล้วกัน"
"ขอโทษนะ"
"เก็บคำขอโทษมึงเอาไปทำอย่างอื่นให้มันคิดสร้างสรรค์มากกว่านี้ไม่ดีกว่าหรอ อย่าทำตัวเป็นนางเอกมันมากเพราะมึงทำตัวเป็นนางเอกกูยิ่งอยากทำตัวเป็นนางร้ายที่ไม่ได้แย่งพระเอกแต่อยากทำร้ายนางเอกมากกว่า"
"พอแล้วจะทะเลาะอะไรกัน เธอตาต้ากลับไปบ้านของเธอซะ แกก็เหมือนกันต่ายอย่าไปทะเลาะกับมันมากได้ไหม แค่นี้ก็ปวดหัวมากแล้วฉันท้องอยู่นะ"
"เห็นแก่พี่ที่ท้องอยู่ฉันจะไม่ทะเลาะกับมันก็ได้แต่อย่าให้มันมาอยู่ใกล้ฉันก็พอฉันจะไปพักแล้ว"
"บอกกี่ครั้งแล้วนะตาต้าว่าอย่ามาที่นี่บ้านของเธอก็มีคุณป๋าแยกบ้านให้กับเธอแล้วอยู่ในส่วนของเธอไม่ดีกว่าหรอ"
"หนูอยากมาหาเขาบ้าง หนูคิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่เรายังเป็นพี่น้องกันรักกันมากโดยไม่มีเรื่องผู้ชายเข้ามาแยก พวกเราสองคนให้ห่างกันขนาดนี้"
"เธอคงลืมไปแล้วนะตาต้าว่าเธอต่างหากที่เป็นคนแย่งคู่หมั้นของกระต่ายเองเธอเป็นคนทำลายความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเราเองเธอเป็นคนทำให้กระต่ายต้องนี้ไปต่างประเทศเพราะทนเห็นหน้าเธอไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวของเราต้องแตกแยกเธอเป็นคนเริ่มต้นมันทั้งหมดเพราะความใจง่ายของเธอก็เห็นผู้ชายดีกว่าครอบครัวเธอเป็นคนทำร้ายชีวิตของมันเองของตัวเธอเอง"
"หนูรู้ค่ะว่าหนูทำร้ายชีวิตของตัวเองแต่หนูต้องการที่จะให้คนที่เป็นพี่น้องเข้าใจหนู"
"เธอกลับไปในที่ของเธออยู่กับสามีที่เธอเป็นคนเลือกเองกลับมาบ้านกลับได้แต่อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นที่ฉันพูดคงเข้าใจนะ"
"หนูเข้าใจค่ะขอบคุณนะคะที่ยอมพูดกับหนู ไม่เหมือนพี่น้องคนอื่น ที่ไม่ยอมคุยกับหนูเลย"
"ฉันไม่ได้ให้อภัยเธอแต่ฉันแค่จะพูดให้เธอสำนึกในสิ่งที่เธอกระทำในวันนั้นที่ฉันคุยกับเธอเพราะฉันเห็นเธอตั้งแต่เล็กและสงสารเธอเพราะเธอไม่มีใครเอาแล้วฉันในฐานะที่เป็นพี่ก็ต้องดูแลน้องทุกคนให้เสมอภาคกันและจำไว้ห้ามทำแบบนี้กับใครอีก เพราะคนอื่นคงไม่ใจดีเหมือนกับต่ายหรอกนะ"