MY HUSBAND EP: 4
4
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามากระทบหน้าช่วยปลุกให้ฉันตื่นจากภวังค์ ความรู้สึกแรกที่รับรู้คืออาการหนักอึ้งที่หัวและเอว มันเหมือนมีท่อนอะไรแข็ง ๆ วางพาดอยู่บนเอวของฉันจนต้องชะโงกหน้าไปมอง
"แขน" แขนใคร?
"นาย!" ฉันรีบชันตัวลุกขึ้นอย่างตกใจทันทีที่ได้เห็นหน้าของคนที่นอนกอดฉันอยู่
"เฮ้ย!" แล้วก็ต้องตกใจมากกว่าเดิมอีกรอบเมื่อผ้าห่มที่คลุมตัวของฉันมันหล่นลงมา
ฉันกำลังเปลือย! ใช่ ฉันเปลือย! จนต้องรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมไว้อีกรอบ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน พอมองไปรอบ ๆ ถึงได้รู้ว่านี่คือห้องของฉันเอง แล้วฉันกลับมานอนอยู่ในห้องของตัวเองได้ยังไง แล้วผู้ชายคนนี้...
นายคาวี!!
เขามานอนกับฉันได้ยังไง
"นาย" ฉันจับแขนนายคาวีออกจากเอวแล้วดึงผ้าห่มของตัวเองออกมา
"เฮ้ย!" คราวนี้ฉันตกใจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะนายคาวีก็กำลังเปลือย!
ใช่! นายคาวีไม่ได้ใส่อะไรเลย ฉันเห็นอะไรต่อมิอะไรของเขาจนต้องรีบหันหน้าหนีไปอีกทาง
นี่มัน... เรื่องบ้าอะไรกันแน่
"คาวี นายคาวี" ฉันเเบ่งผ้าห่มอีกครึ่งซีกไปห่มให้เขา ก่อนจะเขย่าร่างที่กำลังนอนหลับไม่ได้สติให้ตื่นขึ้นมาสักที
"อื้อออ" ร่างหนาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แต่ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นฉัน
"มะ... มีนา" นายคาวีเองก็ไม่ต่างจากฉันมากนัก เขารีบชันตัวลุกขึ้นจนผ้าห่มที่ฉันคลุมให้หล่นลงมาปิดแค่ท่อนล่างแต่ท่อนบนเปลือยเปล่า จนฉันต้องหันหน้าหนีอีกครั้ง เพราะถ้าฉันลุกออกจากเตียงผ้าห่มที่เราคลุมอยู่จะคลุมได้แค่คนเดียว อีกคนต้องเปลือย ถึงฉันจะเห็นของเขาหมดแล้วแต่ก็ไม่อยากเห็นอีกหรอกนะ...
นายคาวีตกใจที่เห็นฉันไม่พอ เขายังตกใจที่เห็นตัวเองเปลือยเปล่า ก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้แล้วมองหน้าฉันอย่างพิจารณา จากนั้นนายนี่ก็ค่อย ๆ มุดหัวเข้าไปดูในผ้าห่มแล้วตกใจอีกรอบ
"คะ คาวีน้อย..." ไม่ว่าเปล่า แต่เขายังกอดผ้าห่มไว้เเน่นและมองหน้าฉันอีกครั้ง แถมยังส่ายหัวไปมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นายนี่คงไม่คิดว่าฉันข่มขืนเขาหรอกนะ -_-
"..."
"..."
แล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ในหัวของฉันตอนนี้มีคำถามมากมายที่อยากจะถามนายคาวี แต่...
ก๊อก ๆ ๆ
"ยายปลา! ตื่นรึยัง" แย่แล้ว...
ก๊อก ๆ ๆ
"ยายปลา! สายแล้วนะ" ถ้าเเม่เห็นฉันกับนายคาวีในสภาพแบบนี้ต้องแย่แน่ ๆ
"นายหันหน้าไป ฉันจะใส่เสื้อผ้า" ฉันบอกเสียงแข็ง ยังดีที่เขาทำตามอย่างว่าง่ายแม้จะงง ๆ อยู่บ้าง ฉันเลยรีบลงจากเตียงและเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาเพื่อจะสวมใส่
แต่...
แอ๊ดดด
เสียงเปิดประตูจากคนที่อยู่หน้าห้องทำให้ฉันรีบวิ่งมุดเข้าไปอยู่ในผ้าห่มกับนายคาวีทันที
"ทำไมวันนี้แกตื่นสะ... ยายปลา! คาวี!" แม่มองหน้าฉันสลับกับนายคาวี ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีเสื้อผ้ากระจัดกระจาย แน่นอนว่าใครได้เห็นสภาพห้องของฉันในตอนนี้ก็คงคิดได้แค่ว่ามันต้องเกิดเรื่องอย่างว่าขึ้นนั่นแหละ
"นี่มันอะไรกัน ทำไม... " แม่ดูตกใจมากกับภาพที่เห็นตรงหน้า
"หรือว่า... คาวีแอบปีนขึ้นห้องยายปลา!" แม่ตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่น แต่อย่างนายนี่นะเหรอจะกล้าทำแบบนั้น มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ ๆ
"..." แต่นายคาวีเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
"ทำไมทำแบบนี้" แม่มองเขาแล้วส่ายหน้าไปมาเหมือนรู้สึกผิดหวัง
"มีอะไรกัน" เสียงยายตะโกนมาจากชั้นล่าง
"แม่ออกไปก่อนได้ไหม หนูจะใส่เสื้อผ้า"
"..." เธอไม่ตอบ และยังไม่วายมองนายคาวีเหมือนเดิม ซึ่งนายนั่นเองก็เอาแต่เงียบ
"ออกไปก่อนนะคะ"
"ก็ได้ แต่เรามีเรื่องต้องคุยกันนะคาวี" แม่มองนายคาวีอย่างคาดโทษแล้วจึงยอมเดินออกไป
"นายหันหน้าไป หลับตาไว้ด้วย" เขาหันไปอย่างว่าง่าย ฉันจึงรีบใส่เสื้อผ้า
"ใส่เสื้อผ้าและตามลงไปข้างล่าง เรามีเรื่องต้องคุยกัน" จบประโยคนั้นฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องทันที
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อคืนฉันจำได้ว่ากำลังรอรถที่ป้ายรถเมล์ และอยู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินลงจากรถมาหาฉัน หลังจากนั้น... ฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
แล้วใครมาส่งฉันล่ะ ไหนจะนายคาวีอีก เขามาโผล่ที่ห้องฉันได้ยังไง
"มันเกิดอะไรขึ้นเหรอปลา" ยายถามอย่างสงสัย เมื่อฉันเดินลงมาถึงชั้นล่าง
"จะอะไรล่ะ ก็คาวีแอบปีนขึ้นห้องไปข่มขืนหลานสาวแม่ไง"
"พูดบ้าอะไรของแก"
"บ้าอะไรล่ะ ฉันเห็นกับตานะแม่ นั่นไงคาวีมาแล้ว บอกมาเลยนะว่าจะรับผิดชอบยายปลายังไง"
"นังปู!" / "แม่! อย่าเพิ่งพูดมั่ว ๆ ได้ไหมคะ" ความจริงเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ส่วนนายนี่ก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาอะไรเลย
"มั่วอะไร หลักฐานก็เห็นกันอยู่เต็มตา นอนด้วยกันบนเตียงเสื้อผ้าไม่ใส่แบบนั้น ถ้าจะเถียงว่าไม่มีอะไรกันฉันไม่เชื่อหรอกนะ" แม่เเย้งขึ้นอีก แต่ฉันต้องรู้ความจริงให้ได้ก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"นายมานี่" ฉันดึงแขนนายคาวีออกมาโดยที่ไม่ได้สนใจแม่เลย
"นี่!! แกจะพาเขาไปไหน กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะว่าจะรับผิดชอบยังไง ยายปลา!!"
"เงียบก่อนได้ไหม" เสียงยายกับแม่ดังตามหลังมาติด ๆ แต่ฉันดึงนายคาวีมาหยุดอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นมะม่วงแล้วผลักเขานั่งลง
"นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
"คือว่า..."
"จำอะไรได้บ้าง พูดมาให้หมด" เขาจะอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อะไรนักหนา
"เมื่อคืน... คาวีไปรับมีนาที่ป้ายรถเมล์"
"ไปรับฉัน? นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่ไหน" อย่าบอกนะว่าเขายังไม่เลิกตามฉันอีก
"คือว่า..."
"นายแอบตามฉันไปอีกแล้วเหรอ"
"..." เงียบ แสดงว่าใช่สินะ
"นายนี่มัน!" เขาไม่เคยฟังฉันเลยจริง ๆ
"แล้วทำไมมีนาต้องไปทำงานที่ผับนั้นด้วย ทำไมต้องกินเหล้าด้วยล่ะ ถ้าคาวีไม่ตามไปแล้วถ้าผู้ชายคนนั้นคิดไม่ดีกับมีนาล่ะ จะทำยังไงครับ" เขาเถียงขึ้นมาทันควัน
"คนไหน"
"ก็คนที่นั่งอยู่กับมีนาไงครับ เขาไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย" คงเป็นคนที่ลงจากรถมาหาฉันสินะ
"..."
"ในเหล้าอาจจะมียาอันตรายก็ได้ อาการของมีนาเมื่อคืนเหมือนคนถูกวางยานอนหลับไม่มีผิดเลย"
"..."
"คาวีว่า..."
"ช่างมันเถอะ"
"มีนา"
"เล่ามาเลยดีกว่าว่านายมาอยู่บ้านฉันได้ยังไง"
แม้ว่าความจริงอาจจะเป็นอย่างที่เขาพูด แต่อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่กินเหล้าอีกเด็ดขาด
"แต่ว่า..."
"นายมาอยู่ที่บ้านฉันได้ยังไง" ฉันย้ำอีกครั้ง
"ก็… คาวีพามีนากลับมาส่งที่บ้าน แล้วคุณน้าก็ลงมาเปิดประตูและให้อุ้มมีนาขึ้นไปส่งบนห้อง" นายคาวีนึกอยู่นานก่อนจะพูดออกมาได้
"แล้วยังไงต่อ"
"หลังจากนั้นคาวีก็ขอตัวกลับ แล้ว..."
"..."
"คาวีจำไม่ได้" เขาส่ายหน้าไปมา
จำไม่ได้แล้วเขามานอนในห้องฉันได้ยังไง
หรือว่า...
"เมื่อคืนนายได้ดื่มอะไรรึเปล่า"
"เมื่อคืน... ดื่มครับ ดื่มน้ำเปล่าที่คุณน้าเอามาให้ก่อนที่คาวีจะขอตัวกลับ" แม่งั้นเหรอ แม่… อีกแล้วเหรอ
"..."
"นายกลับไปเถอะ"
"..." นายคาวีมองฉันอย่างไม่เข้าใจ แต่ฉันก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เขารู้
"สรุปว่านายไม่ได้ปีนขึ้นห้องฉัน และนายก็ไม่ได้ข่มขืนฉัน มันอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน แค่นั้นแหละ" ใช่ แค่นี้แหละที่เขาสมควรรู้
"..."
"กลับไปเถอะนะ เราอย่าได้เจอกันอีกเลย และช่วยลืมเรื่องนี้ไปซะ ฉันขอร้อง" ฉันมองหน้าเขาอย่างขอร้องจริง ๆ ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อปล่อยให้นายคาวีนั่งทำหน้างงต่อไป แต่ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานเขาก็คงออกไปจากบ้านฉันเองแหละ
และคนที่ฉันต้องไปคุยให้รู้เรื่องก็คือ แม่
"ทำไมกลับเข้ามาคนเดียวล่ะ คาวีไปไหน" แม่รีบลุกจากเก้าอี้และมองซ้ายมองขวาเพราะไม่เห็นนายนั่น
"แม่ทำแบบนี้ทำไมคะ" ฉันถามออกไปทันที โดยที่ยายก็นั่งอยู่ตรงนี้พร้อมกับเจ้าสำลี
"ฉันทำอะไร"
"มีอะไรเหรอปลา นังปูมันทำอะไร" ยายเองก็ถามอย่างสงสัย
"แม่เอายานอนหลับให้นายนั่นกินใช่ไหม เเละยังจัดฉากเหมือนเรามีอะไรกันเพื่อหวังจะให้เขารับผิดชอบไหม" ฉันยังมองหน้าแม่และพูดออกไปอย่างไม่เข้าใจจริง ๆ เธอทำเเบบเดียวกับที่เคยทำกับพ่อไม่มีผิดเลย ไม่สิ ต้องบอกว่าเขาเป็นพ่อฉันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจต่างหากละ แถมเขาก็ยังไม่ได้รับผิดชอบฉันกับแม่ด้วย ดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ส่วนคนอื่นที่ไม่รู้อะไรก็เอาไปนินทากันปากต่อปากอย่างสนุกสนานว่าแม่ฉันทำเสน่ห์ใส่เขาอีก
"..." เงียบ แม่ไม่ตอบ ส่วนยายฉันท่านก็ส่ายหน้าไปมาเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด
"แม่ทำไปเพื่ออะไรเหรอ" ฉันยังมองหน้าแม่อยู่เหมือนเดิม แม้จะรู้ว่าที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพราะเงิน แต่ฉันก็ยังอยากจะถามอยู่ดี
"ถึงเราจะจนแต่เราก็มีศักดิ์ศรีนะคะ" ตาฉันร้อนผ่าวเหมือนน้ำตามันจะไหลออกมายังไงก็ไม่รู้
"แกรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนทำ เมื่อคืนแกเองก็เมากลับมาไม่ใช่รึไง โกหกว่าช่วยติวให้ยายยี่หวา แต่กลับไปกินเหล้าซะงั้น"
"ก็ยานอนหลับของแม่ไงคะ แม่ใส่มันลงไปในน้ำเปล่าให้เขาดื่มใช่ไหม" ฉันปาดน้ำตาลวก ๆ แล้วถามออกไป แม้จะรู้ว่ามันคือความจริงแต่ฉันก็ยังถาม
ยานอนหลับนั่นหมอเป็นคนจ่ายให้แม่ เพราะเธอเป็นโรคนอนไม่หลับถึงต้องใช้ยาช่วย
"..." พอมีหลักฐานมัดตัว แม่จึงเอาแต่เงียบ
"สันดานแกไม่เคยเปลี่ยนเลยนะนังปู เสียศักดิ์ศรีแค่ตัวแกเองยังไม่พอยังจะมาสร้างเรื่องเสื่อมเสียให้ลูกอีกเหรอ ไม่เข็ดไม่หลาบบ้างเลยเรอะ" แม่รีบหันไปมองยายทันทีที่ท่านพูดขึ้น
"เออ!! ฉันทำเองแหละ แต่แล้วไงล่ะ ศักดิ์ศรีมันกินได้รึยังไงกัน จะหวงอะไรกันนักหนา คนอุตส่าห์จะชี้ทางสว่างให้แท้ ๆ " และแม่ก็ยังเป็นแม่ เธอไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยสักนิด
"ถ้านายนั่นรู้เรื่องนี้ เขาอาจจะฟ้องเราก็ได้นะแม่"
"โอ๊ย! คนอย่างคาวีนะเหรอจะกล้าฟ้องฉัน"
"นังปู! แกเคยคิดจะสำนึกผิดบ้างไหมหา!"
"โอ๊ย!! น่ารำคาญ!!" แม่เดินออกจากบ้านไปอย่างรีบร้อน จนยายต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่
"มานั่งข้าง ๆ ยายสิปลา" ยายตบเก้าอี้เบา ๆ ฉันจึงเดินไปนั่งตามที่ท่านบอก
"..."
"ทำไมถึงกินเหล้าล่ะลูก"
"..."
"หนูทำเพราะเงินใช่ไหม แอบไปทำงานเพิ่มอีกแล้วสินะ"
"หนูขอโทษนะคะที่ต้องโกหก" ถ้าไม่โกหก ยายก็คงไม่ยอมให้ฉันทำ
"แล้วทำไมต้องดื่มเหล้าด้วยล่ะลูก คราวหน้าอย่าดื่มอีกนะ มันอันตราย” ฉันคงไม่ดื่มอีกแล้วล่ะ
"แล้วคาวีเขาว่าอะไรรึเปล่า เรื่องที่นังปูมันก่อไว้"
"ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เขาไม่รู้ว่าแม่เป็นคนจัดฉากทั้งหมด" ฉันค่อย ๆ เอนตัวไปหมุนตักของยาย
ฉันอยากขอโทษนายคาวีนะสำหรับเรื่องที่แม่ทำ แต่ปล่อยให้เขาไม่รู้เรื่องต่อไปนั่นแหละดีแล้ว
และหวังว่าต่อไปนี้เราอย่าได้เจอกันอีกเลย ขอให้เขาเลิกตามฉันสักทีเถอะ ฉันเหนื่อยจะพูดกับเขาแล้วจริง ๆ
"ปลาเอ๊ย" อยู่ ๆ ยายก็เรียกฉัน แต่น้ำเสียงท่านไม่ค่อยดีเอาซะเลย
"ยายคงจะตาบอดจริง ๆ แล้วล่ะลูก" ประโยคที่ยายพูดทำให้ฉันรีบชันตัวลุกขึ้นทันที
"มันมืดไปหมดแล้ว" น้ำเสียงที่สั่นเครือบ่งบอกว่าท่านกำลังจะร้องไห้
"หนูไม่ต้องทำงานหนักอีกแล้วนะลูก ไม่ต้องทำแล้ว"
"ยายคะ" ฉันกุมมือยายและสวมกอดท่าน
"ยายเสียใจนะ ที่ต่อไปนี้จะไม่มีโอกาสได้มองเห็นอีก แต่ยายก็ดีใจที่ต่อไปนี้หนูจะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว" ท่านพูดทั้งน้ำตาและยังฝืนยิ้มส่งให้ฉัน
"หนูไม่เชื่อหรอกคะ เราไปหาหมอกันนะ ไปให้หมอตรวจเช็คดูให้แน่ใจ ยายต้องหายสิ ยายต้องหาย" ฉันส่ายหน้าไปมาโดยที่น้ำตาก็ยังคงไหลอาบแก้มไม่หยุด
"ปลา... ยายรู้ตัวเองดีลูก มันไม่มีโอกาสแล้วล่ะ" ยายฝืนยิ้มทั้งน้ำตาอีกครั้ง มันไม่จริง มันไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ๆ
"หนูหันมาสนใจการเรียนให้เต็มที่เถอะนะ ไม่ต้องห่วงยาย"
"ฮึก ฮือออ" ฉันสะอื้นและกอดยายแน่นกว่าเดิม ท่านจึงลูบหลังฉันเบา ๆ
ไม่จริงสิ ไม่จริง มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ
"อย่าร้องสิลูก ยายแค่ตาบอดนะ ไม่ได้ตายซะหน่อย" ยายพูดติดตลก แต่มันไม่น่าขำเลยสักนิด
"ถึงยายจะตาบอด แต่ยายก็ยังมีหนูคอยเป็นดวงตาและดวงใจของยายไม่ใช่เหรอ" สัมผัสจากน้ำหนักมือที่ท่านลูบหัว น้ำเสียงที่ยายเปล่งออกมา ทั้งหมดนั้นยิ่งทำให้ฉันห้ามน้ำตาไว้ไม่ได้
"ค่ะ หนูจะเป็นดวงตาให้ยายเอง" ฉันเงยหน้ามองท่านอีกครั้ง
ฉันสัญญาว่าจะเป็นดวงตาให้ท่านเอง เหมือนที่ท่านเคยป้อนข้าวป้อนนม เลี้ยงดูฉันมาอย่างยากลำบาก
"หนูขอโทษนะคะ หนูขอโทษ ขอโทษที่หาเงินช้าแบบนี้ ฮึก หนูขอโทษ" ฉันค่อย ๆ เอนตัวหนุนลงบนตักอุ่น ๆ ของยายอีกครั้ง ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วย
"หนูไม่ผิดเลย หนูไม่ผิด อย่าโทษตัวเองสิลูก" ท่านลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน
"..."
"ไม่ว่ายังไงก็ตาม รู้ไว้เสมอนะว่ายายรักหนูมาก ๆ อย่าโทษตัวเองเลยนะลูก" ยายยังคอยลูบกลุ่มผมของฉันอย่างปลอบโยนจนฉันร้องไห้แล้วเผลอหลับไป