บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1

“วันนี้มันมาหาลูกอีกแล้วเหรอ” ฉันไม่คาดคิดเลย ว่านี่จะเป็นประโยคแรกที่ได้ยินหลังจากที่กลับบ้านมาเหนื่อยๆ

เจ้าของประโยคนั้นก็คือพ่อของฉันเอง ท่านหยุดชะงักงานที่กำลังนั่งทำอยู่เพื่อเงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉัน แววตาและน้ำเสียงนั้นราวกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“พ่อหมายถึงอะไรคะ” เปิดปากถามอย่างหยั่งเชิง ทั้งๆ ที่พอจะเดาออกว่าเรื่องไหนมันทำให้พ่อเกิดอาการไม่พอใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“มีคนบอกพ่อ ว่าวันนี้มันมากินข้าวกับลูกที่โรงพยาบาล”

ขาเม้าท์นี่รายงานพ่อฉันได้รวดเร็วมากเลยจริงๆ รู้ดีไปซะหมด เผลอๆ รู้ดีกว่าเรื่องของตัวเองด้วยซ้ำ

“คนที่บอกนี่ใช่หลินหรือเปล่าคะ” แก๊งชะนีขาเม้าท์ที่ว่าก็มีหลินนี่แหละเป็นตัวนำ เหตุผลที่เธอใส่ใจเรื่องของฉันมากขนาดนี้ก็เพราะว่าเราไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่

ฉันกับหลินเรียนร่วมห้องกันมาตั้งแต่เด็กยันโต ดูเหมือนเราจะเป็นเพื่อนรักกันใช่ไหมล่ะ...แต่ไม่หรอก หลินพยายามที่จะแข่งกับฉันในทุกๆ เรื่อง และพยายามที่จะเอาชนะฉันทุกอย่าง ไม่ว่าฉันจะอยากเป็นอะไร หรืออยากเรียนที่ไหนหลินก็จะตามฉันไปทุกที่ยิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวรเสียอีก

บางทีฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าหลินทำไปเพื่ออะไรกันแน่ และทุกครั้งที่เกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นกับฉัน หลินก็เป็นตัวต้นเหตุทั้งนั้น ยกตัวอย่างเรื่องที่ฉันทะเลาะกับพ่อก็เป็นหลินนั่นเองที่นำเรื่องปลอมๆ มาเล่าให้พ่อฉันฟัง หนำซ้ำยังคอยพัดไฟให้โหมกระพือ จนตอนนี้พ่อแทบไม่ฟังคำอธิบายอะไรจากปากฉันแล้ว

“ข้าวหอมยังไม่ตอบพ่อเลยนะลูก ว่าวันนี้มันมาหาอีกแล้วใช่มั้ย” น้ำเสียงของพ่อเริ่มเข้มขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่าท่านเริ่มอารมณ์ไม่ดี และใกล้จะหมดความอดทนเต็มที

“ใช่ค่ะ เราก็แค่กินข้าวด้วยกัน ไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของฉันตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยหน่ายเต็มเปี่ยม “พ่อก็รู้ว่าหลินไม่ชอบข้าว แล้วยังจะเชื่อคำพูดของเธออีกเหรอคะ”

“พ่อไม่ได้เชื่อข่าวลือบ้าๆ นั่นทั้งหมดหรอกนะ พ่อก็แค่เป็นห่วงลูก” กระแสน้ำเสียงของพ่อถูกปรับลงมาอยู่ในโทนปกติเพื่อคุยกับฉันดีๆ “ถ้าข้าวหอมไม่อยากตกเป็นขี้ปากของใคร ลูกก็ต้องอยู่ห่างๆ ผู้ชายคนนั้นเอาไว้”

“ข้าวรู้ค่ะว่าควรทำยังไง” ‘แต่เขามายุ่งกับข้าวเอง’ ประโยคนี้ฉันเลือกที่จะพูดกับตัวเองในใจ เพราะกลัวว่าพ่อจะไปหาเรื่องพี่แบล็คถึงที่ เนื่องจากท่านก็เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่โชคดีที่พี่แบล็คไม่อยู่ร้าน ฉันก็เลยโทรให้ ‘พี่ขอบฟ้า’ พี่ชายแท้ๆ ของฉันไปห้ามพ่อเอาไว้และพาท่านกลับบ้าน

“ก็ดีแล้ว พ่อไม่อยากได้คนแบบนั้นเป็นลูกเขยหรอกนะ”

“ถ้าเรื่องที่พ่อจะคุยมีแค่นี้งั้นข้าวก็ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันรีบตัดบทสนทนาทุกอย่าง เท้าเล็กทั้งสองข้างรีบมุ่งตรงไปที่บันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง

ทันทีที่บานประตูปิดลงฉันก็กดล็อกลูกบิด ก่อนจะเดินไปทรุดนั่งลงที่ปลายเตียง และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

สาเหตุที่พ่อไม่ชอบพี่แบล็คขนาดนี้ก็เพราะว่าเขาเป็นช่างสัก พ่อก็เลยตัดสินเอาเองว่าพี่แบล็คเป็นคนไม่ดี ทั้งๆ ที่อาชีพนี้มันก็สุจริต แถมยังมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ฉันเองก็เคยเห็นมากับตาแล้ว เพราะพี่แบล็คเล่นแปะโชว์หราอยู่กลางผนังร้านซะขนาดนั้น

อีกอย่างตั้งแต่ที่พี่แบล็คตามจีบฉัน เขาก็ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวหรือลวนลามอะไรสักหน่อย มีบ้างที่พูดจาแทะเล็มทว่าพอฉันแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ใส่เขาก็หยุด เพราะรู้ว่าฉันเริ่มไม่โอเคแล้ว

โดยรวมนิสัยเขาก็ถือว่าดีอยู่นะ…

[จบบันทึกพิเศษ: ข้าวหอม]

[บันทึกพิเศษ: แบล็ค]

เสียเงินเป็นแสน แขนไม่ได้จับ…

ประโยคนี้แม่งโคตรเหมาะกับผมมากเลยจริงๆ คือผมน่ะแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งมาปีกว่าแล้ว ตามหยอดและตามขายขนมจีบให้กับเธอตั้งแต่ตอนที่น้องสาวผมยังโสด จนปัจจุบันนี้ ‘สโนว์ไวท์’ มีแฟนแซงหน้าผมไปแล้ว

และแฟนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ ‘นาวา’ เพื่อนสนิทของผมเอง

ถ้ากล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมชอบข้าวหอม ก็เป็นเพราะว่าวันนั้นผมมีเรื่องกับอริที่ร้านเหล้าเลยถูกมันแทงเข้าให้ จนเพื่อนและรุ่นน้องต้องพาผมส่งโรงพยาบาล ซึ่งก็ได้ข้าวหอมนี่แหละที่เป็นคนทำแผลให้...

“เจ็บนิดนึงนะคะ” ขณะพูดมือเล็กก็บรรจงใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดรอบบาดแผล ที่เกิดจากการถูกแทงตรงบริเวณสีข้างไปด้วย

เมื่อราวครึ่งชั่วโมงก่อนผมไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนและรุ่นน้องที่ร้านประจำ แต่พอคู่อริของผมก้าวเท้าเหยียบเข้ามาในร้านมันก็เกิดเรื่องขึ้น และขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม มันน่ะวอนหาตีนกันเอง ทว่าพอสู้ด้วยหมัดไม่ได้มันก็เลยเลือกที่จะใช้อาวุธแทน

ระหว่างที่กำลังวางมวยกันอยู่นั้น ผมเองก็ไม่ทันระวังตัวจึงถูกปลายคมมีดตวัดเข้าที่สีข้าง เท่านั้นแหละ...วงแตก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel