EP.1 ลูกคนกลาง
"กลับมาแล้วค่ะ" ปลายฝนเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยท่าทีอิดโรย เหงื่อโชกเต็มแผ่นหลังด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนระอุ
ระยะทางเกือบเป็นกิโลเมตรที่เธอต้องเดินลงจากรถเมล์ และเดินเข้ามาในซอยเพื่อกลับบ้าน แต่ทว่ายังไม่ทันที่ปลายฝนจะถอดรองเท้าผ้าใบออก
จู่ ๆ รถมอเตอร์ไซค์ ซูมเมอร์เอ็กซ์สีดำสนิท เงาวับก็ขับตรงเข้ามาจอดเทียบ
ข้าง ๆ กายของเธอในโดยไม่ทันตั้งตัว
"อากาศแม่งร้อนฉิบหาย ร้อนอย่างกับนรก!" เสียงสบถที่คุ้นเคยดังออกมาจากหมวกกันน็อก ขณะถอดออกพร้อมกับยัดใส่มือของปลายฝนทันที
ปลายฝนหันไปมองเขาอีกครั้งอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า นี่น้องชายของเธอขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปเรียนตั้งแต่เปิดเทอมขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นวันแรก ในขณะที่เธอต้องเดินไปขึ้นรถเมล์ ต่อรถสองแถว และต่าง ๆ เพื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัย
"นี่ต้นหนาว...นายมีใบขับขี่รถแล้วเหรอ"
"พ่อถึงซื้อมอเตอร์ไซค์ให้" ปลายฝนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามหลังของน้องชายเข้าไปในบ้าน
"ฮื้อ! จะมีได้ไงล่ะเจ้ เพิ่งได้ลองขี่รถไม่กี่วันนี่เอง" ต้นหนาวตอบกลับอย่างทะเล้น
ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวและหยิบไก่ทอดกรอบ ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าปากกินเลย โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกคนมานั่งรวมกันก่อนแต่อย่างใด
"แบบนี้มันก็อันตรายมากเลยนะ น้องยังขี่รถไม่แข็งทำไมถึงรีบซื้อหะ..ให้ (ปลายฝน) / เลิกพูด! แล้วไปตักข้าวมาเตรียมให้พ่อกับน้องได้แล้ว ไม่เห็นเหรอว่าน้องมันหิวจะแย่แล้ว!" พ่อของเธอที่นั่งส่องพระเครื่องอยู่ ก็พูดขัดจังหวะขึ้นมา โดยไม่รอให้ปลายฝนได้พูดจบเลยสักครั้ง
"ค่ะพ่อ" ปลายฝนทำได้แค่พยักหน้ารับ เดินไปวางกระเป๋าผ้าของเธอและหนังสือเรียน ก่อนจะเข้าครัวไปช่วยแม่ตักข้าว และเตรียมน้ำเตรียมท่าให้กับทุกคนในบ้าน
ต้นหนาวหยิบไก่ทอดกิน รวมไปถึงตักของกินอร่อย ๆ บนโต๊ะ กินไปก่อนโดยไม่รอข้าวเลยด้วยซ้ำ แต่พ่อของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งหลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันกินข้าวอาหารมันก็หายไปเป็นหย่อม ๆ พร้อมกับกองกระดูกไก่ข้างจานของต้นหนาวที่นับไม่ถ้วนเลยว่ากี่ชิ้น
ปลายฝนที่ไปเรียนและปฐมนิเทศเข้าปีหนึ่งมาอย่างหนักหน่วง ไหนจะการเดินทางในกรุงเทพที่สุดแสนจะวุ่นวายนี้ เธอหิวจนท้องร้องเลยเอื้อมมือไปหยิบไก่ทอดกรอบชิ้นหนึ่งเข้าปาก แต่ยังไม่ทันจะกัดลงถึงเนื้อไก่ แม่ของเธอก็ตักเต้าหู้มาวางใส่จานให้เธอแทน
"ไก่ทอดน่ะ เก็บไว้ให้เฮียเขาดีกว่า เราเป็นผู้หญิงกินไก่ทอดอมน้ำมันแบบนั้น มันจะทำให้อ้วนเปล่า ๆ นะฝน" แม่พูดพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อนไป
"อึก" ปลายฝนทำได้แค่มองไก่ทอดกรอบในมือแล้วกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ แต่สุดท้ายเธอก็วางไก่ทอดกลับคืนในจานไปตามเดิม
มือเล็กตักเต้าหู้หมูสับ ที่มีเพียงเศษหมูชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น มาคลุกกับข้าวสวยในจานและกินเข้าไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกกระทำแบบนี้ แต่มันคือความเคยชินที่ทุกคนในบ้านปฏิบัติต่อเธอ ไม่ต่างอะไรจากหมาหัวเน่าคนหนึ่งในบ้าน
น้องชายเป็นลูกชายสุดที่รักของพ่อ
ส่วนพี่ชายก็เป็นลูกชายสุดที่รักของแม่
จะมีก็เพียงแค่เธอคนเดียว ลูกสาวคนกลางที่ไม่มีใครเคยสนใจไยดีไม่ต่างอะไรจาก...หมาหัวเน่าตัวหนึ่งในบ้าน
"เดี๋ยวล้างจานเสร็จแล้ว หนูเข้าไปเตรียมปูที่นอนใหม่ และปัดกวาดห้องนอนให้พี่สายหมอกด้วยนะฝน" แม่พูดขึ้นขณะที่จัดเตรียมสำรับอาหารไว้อีกชุดเพื่อรอสายหมอก ลูกชายคนโตกลับบ้านมากิน
"พี่หมอกเขาทำเองบ้างไม่ได้เหรอคะแม่ เดี๋ยวฝนมีงานต้องไปทำเหมือนกันอะ" ปลายฝนที่ก้มหน้าล้างจานถอนหายใจเบา ๆ และเงยหน้าขึ้นเถียงแม่ของเธอกลับไป
"แล้วแกขึ้นไปทำให้พี่เขา ก่อนจะออกไปทำงานมันจะตายรึยังไง" พ่อที่เดินผ่านมาก็ขึ้นเสียงใส่ปลายฝนด้วยอีกครั้ง
"และไอ้งานปัญญาอ่อน ๆ ออกไปล่าท้าผีอะไรของแก มันได้เงินมาช่วยเหลือครอบครัวบ้างไหม" พ่อเดินตรงเข้ามาชี้หน้าต่อว่าเธอ พร้อมกับกระแทกจานผลไม้ที่ว่างเปล่าลงในอ่างล้างจานตรงหน้า เพื่อให้เธอล้างจานเพิ่ม เธอกัดฟันแน่นไม่อยากจะเถียงเลยว่าผลไม้ที่พ่อกับน้องกินกันจนหมดเนี่ย เธอเป็นคนใช้เงินส่วนตัวซื้อมันมา
"แล้วไอ้งานที่พี่หมอกทำ เวลาเขาได้เงินมา เขาเคยเอากลับมาจุนเจือคนในครอบครัวไหม" ปลายฝนถามกลับไปอย่างสุดจะทน พร้อมกับล้างมือของเธอจนสะอาด และมองจานใบใหม่ที่พ่อวางในอ้างล้างจานด้วยสายตาดูแคลน
"พอแล้ว ๆ ถ้าแกไม่ขึ้นไปทำให้พี่เขา...เดี๋ยวแม่จะขึ้นไปทำให้เขาเอง" แม่เดินเข้ามาห้ามปรามทั้งพ่อกับฝนทันที
"ถ้าขี้เกียจตัวเป็นขนแบบนี้ กับอีแค่งานบ้านง่าย ๆ หน้าที่ลูกผู้หญิงมันยังทำไม่ได้" พ่อพูดกระแทกเสียงใส่หน้าของปลายฝนอย่างไม่รักษาน้ำใจใด ๆ
"อีกหน่อยก็คงขายไม่ออก และอยู่คาบ้านเป็นภาระพ่อแม่ไปจนตาย" พ่อตวาดลั่นใส่หน้าของเธออย่างไม่ไว้หน้า
"น่ารำคาญ" น้องชายบ่นขึ้นพร้อมกับสวมหูฟังเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงของพ่อแม่และพี่สาวทะเลาะกัน ก่อนจะคว้ากุญแจรถขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปจากบ้านทันที
"งั้นพ่อไม่ต้องกลัวนะ...เพราะหนูก็ไม่คิดจะอยู่เป็นภาระคนในบ้านนี้ไปจนวันตายหรอก" ปลายฝนพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนห้อง ทั้งน้ำตาคลอ ๆ
"ปากเก่งซะจริง เก่งให้มันได้อย่างปากก็แล้วกัน!" พ่อตะโกนไล่ตามหลังเธอไปทันควัน
…..กลางดึกคืนนั้น…..
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ปลายฝนที่นอนหลับไป รีบขยี้ตาตัวเองเล็กน้อย พอมองไปข้างนอกหน้าต่าง ฝนตกหนักมากจนมองแทบไม่เห็นอะไรเลย
ปัง ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นซ้ำอีกครั้ง ปลุกเธอให้ได้สติและรีบลุกจากเตียงเดินไปที่ประตูห้องนอน
แอ๊ด... ปลายฝนดึงประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับปรับสายตาของเธอให้พยายามมองไปยังคนที่เคาะ ผ่านความมืด
"ฝน...หลานรัก" ใบหน้าของหญิงชราผู้ใจดียิ้มหวาน ๆ พร้อมกับยืนถือจานผลไม้อยู่ในมือ
"ย่า..ฝนคิดถึงย่าที่สุดเลยค่ะ ว่าแต่วันนี้มาถึงบ้านกี่โมงคะ" ปลายฝนพุ่งเข้าไปสวมกอดท่านทันทีทั้งน้ำตา ย่าเป็นคนเดียวในบ้านที่รักเธอและเข้าใจเธอที่สุด
"ย่าก็คิดถึงฝน" ท่านพูดขึ้นอย่างช้า ๆ เนิบ ๆ ตามประสาคนมีอายุ
"แล้วย่าได้เจอพ่อกับแม่รึยัง" ปลายฝนยิ้มก่อนจะกระชับอ้อมแขนกอดย่าของเธอเอาไว้แน่น เพราะย่าของเธอมักจะมาเยี่ยมหาที่กรุงเทพโดยไม่ได้บอกล่วงหน้าก่อนเสมอ
"..เจ้าต้นหนาว..." เสียงของย่าค่อย ๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ขณะที่มือเหี่ยวย่นค่อย ๆ ลูบหัวของเธออย่างเบา ๆ กลิ่นน้ำอบ ยาหม่องของย่าเริ่มชัดมากขึ้น ๆ ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นธูปปิดท้าย
และใช่...ปลายฝนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าย่าของเธอ เสียไปนานถึงสองปีแล้วด้วยโรคหัวใจ