EP 01 | คนที่ถูกลืม
คุณคิดว่าคนเราจะสามารถรอคำตอบจากใครคนหนึ่งได้นานสักแค่ไหนกันนะ...
1 ชั่วโมง 3วัน 5สัปดาห์ 7เดือน หรือ...10ปี
เขาจะยังรอคำตอบอยู่ไหม...
หยู๊ดดด! นี่ไม่ใช่นิยายดราม่าสักหน่อย เปิดเรื่องมาแบบนี้ไม่ใช่ตัวฉันเลยนะเนี้ย
ฉันเป็นถึงดีไซเนอร์ชื่อดังเจ้าของห้องเสื้อไทร่า แบรนด์เสื้อผ้าที่สาวน้อยสาวใหญ่ถึงกับขอจองทุกคอลเลคชั่นทั้งที่ยังไม่เห็นแม้แต่เศษผ้า
“เทียร์!”
“อะ..ห..หา”
“ตื่นค่ะสาว! มารอรับฉันแล้วมัวแต่เหม่ออะไรอยู่”
ฟลินต์ถามพร้อมยกมือขึ้นจับกรอบแว่นตากันแดดแล้วเหล่ตาลงมามองฉันอย่างจับผิด
นางคือเพื่อนคนสนิทของฉันเองค่ะ เรารู้จักกันเพราะเรียนดีไซเนอร์ด้วยกันและไม่ต้องกลัวว่าจะทับไลน์สินค้ากันนะคะเพราะนังฟลินต์เป็นเก้งที่ผลิตแบรนด์เสื้อผ้าผู้ชาย
ด้วยเหตุผลง่ายๆ คืออยากวัดตัวผู้ชายค่ะ
ตอนนี้ฉันมารับฟลินต์ที่สนามบินแต่กลับมายืนเหม่ออยู่จนนังฟลินต์เดินมาตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เออๆ ไปเถอะ สงสัยตื่นเช้าไปหน่อย”
ฉันพูดพลางยกแว่นกันแดดของตัวเองขึ้นสวมแล้วเดินนำออกมา
“แกไม่ต้องตื่นเต้นที่ได้มารับฉันขนาดนั้นก็ได้จ้ะ บอกแล้วไงว่ามาคราวนี้จะอยู่หลายเดือน”
ฉันไม่ได้ตื่นเช้าเพราะตื่นเต้นที่จะมารับแกยะแต่ฉันตื่นเช้าเพราะความฝันนั้นต่างหาก
ฟลินต์เปิดห้องเสื้ออยู่ที่เมืองเลออน เป็นร้านสแตนด์อโลนที่ตั้งอยู่กลางเมืองเลยล่ะ ต่างกับฉันที่เปิดห้องเสื้ออยู่ในห้างระดับชั้นนำของประเทศ
โชคดีมากๆ ที่ตอนเปิดแบรนด์ครั้งแรกฉันมีโอกาสได้คุยกับคุณครูซเจ้าของห้างดีเอ็นเวน พอรู้ว่าฉันเป็นคนเมืองเลออนเหมือนกันเขาก็ใจดีให้ฉันเซ็นสัญญาเปิดห้องเสื้อบนห้างประจำหัวเมืองหลักที่เขาไปเปิด
“กินกาแฟก่อน”
“ไหนบอกจะรีบไปดูพื้นที่เปิดห้องเสื้อใหม่ไงยะ! ยังมีเวลามานั่งจิบกาแฟอีก”
ฉันหันกลับไปมองหน้านังเพื่อนสุดเรื่องเยอะของตัวเอง แต่นางก็เชิดหน้าแล้วจอดรถเข็นเอาไว้ที่หน้าร้านก่อนจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟหน้าตาเฉย
“เหมือนเดิม” ฉันบอก
“เอ้า..อินี่”
ฟลินต์หันมามองหน้าฉันเล็กน้อยที่เหมือนจะห้ามไม่ให้เขากินแต่กลับเดินไปฝากนางสั่งให้ด้วย
เมื่อได้กาแฟเรียบร้อยพวกเราก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะใกล้ๆ ประตูเพราะนังฟลินต์กลัวรถเข็นจะหาย
“แกคิดแบบคอลเลคชั่นฤดูกาลใหม่ไว้บ้างยัง”
ได้ยินแล้วหัวจะปวด- -*
ฤดูหนาว ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิเผลอแป๊บๆ เวียนกลับมาหนาวอีกแล้ว
“ยัง”
“ฉันคิดไว้นะว่าคอลเลคชั่นนี้ฉันอยากจะทำแบบ...”
ระหว่างที่นังฟลินต์กำลังพร่ำพรรณนาถึงแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินผ่านหน้าร้านกาแฟไป
นั่นเขา...
ผู้ชายส่วนสูงประมาณร้อยแปดสิบถึงร้อยเก้าสิบ ผิวขาวดูสะอาดสะอ้านเหมือนคนอาบน้ำวันละสิบรอบ ร่างกายหนากำยำและใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสุขุมขึ้นกว่าเมื่อสิบปีก่อน จมูกเป็นสันคม ริมฝีปากอมชมพูธรรมชาติ
“เทียร์...”
ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะจดจำรายละเอียดของเขาได้ดีขนาดนี้แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม
“นังเทียร์!”
“ว๊าย! โอ๊ยยย~ หกหมดเลยฟลินต์”
ฉันสะดุ้งกับเสียงเรียกของฟลินต์จนมือเผลอปัดกาแฟที่วางอยู่บนโต๊ะหกเลอะเสื้อของตัวเอง
“อย่ามาโทษฉันนะยะ แกนั่นแหละมัวแต่มองตามผู้ชาย”
ใช่! ผู้ชายคนนั้น!
“แกๆๆๆ เมื่อกี้ฉันเห็นเค้า”
“เค้าไหน”
“ก็เค้าไง คนที่...เอ่อ ฉันเคยเล่าให้แกฟัง”
“เฮ้ย! จริงดิ แกบอกฉันว่าไม่เจอกันมาสิบปีเลยไม่ใช่เหรอ บังเอิญมาเจอกันตอนนี้พรหมลิขิตชัดๆ”
ฟลินต์รีบหันออกไปมองนอกร้านทันทีแต่หันไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วจ้า เขาเดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“พรหมลิขิตอะไรล่ะ เขาหายไปแล้ว”
ฉันพูดพลางถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หยิบแก้วกาแฟที่มีน้ำเหลืออยู่ข้างในแค่น้อยนิดเดินไปทิ้งที่ถังขยะ
“ฉันไปห้องน้ำแป๊บนึง”
ฟลินต์ยกแก้วกาแฟขึ้นดูดพร้อมกับยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเคส่งมาให้
หลังจากที่จัดการล้างไม้ล้างมือและเสื้อที่เลอะเสร็จเรียบร้อยฉันก็ยืนมองหน้าตัวเองในกระจก ช่วงนี้รู้สึกแปลกๆ เอ๊ะ? หรือจะมีเคราะห์เจ้ากรรมนายเวรมาตามทวงส่วนบุญหรือเปล่าเนี้ย
“เพ้อเจ้อยัยเทียร์”
ฉันบ่นเบาๆ กับตัวเองในกระจกก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปที่ร้านกาแฟ
ปึก!
“โอ๊ยย!”
บังเอิญเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่งหน้าห้องน้ำจนหงายหลังลงไปนั่งกับพื้น เจ้ากรรมนายเวรแหละ!
“เป็นอะไรมั้ยครับ”
“เจ็บ!...”
เคเดน...
กำลังจะเงยหน้าขึ้นไปต่อว่าแต่ปากฉันมันดันรู้สึกชาไปอัตโนมัติ ไม่ใช่แค่ปากที่ชา ตอนนี้ฉันรู้สึกตัวชาไปทั้งตัวเลย
เขาคือเคเดน ผู้ชายที่อยู่ในความทรงจำของฉันมาสิบปี!
หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนมีคนมาตีกลองเป็นร้อยคนอยู่ในอกข้างซ้าย มันไม่ได้เต้นแรงแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เคเดนถามพร้อมยื่นมือของเขามาตรงหน้าแต่ฉันไม่กล้าจับก็เลยลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง
สายตาที่เขามองมามันราบเรียบ ว่างเปล่า ราวกับว่าเขาไม่ได้มีฉันอยู่ในความทรงจำเลย เขาจำฉันไม่ได้เหรอ
“คุณครับ”
เขาเรียกฉันพลางขมวดคิ้วเพราะฉันเอาแต่ยืนมองหน้าเขาแล้วไม่ยอมพูดอะไรเลย
“คะ? อ่อ ฉันไม่เป็นอะไรมากค่ะ”
“ขอโทษด้วยนะครับที่เดินชน”
“ค่ะ”
เคเดนก้มหัวโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป เขาจำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ ทำไมถึงจำไม่ได้? ทั้งที่เราก็เคยสนิทกันนะ
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม....
“หายไปนานมาก”
ฟลินต์เอ่ยปากบ่นทันทีที่ฉันนั่งลงที่เดิม
“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“เมื่อกี้ฉันเจอเขาอีกแล้ว”
“จริงดิ! แล้วทำไมทำหน้าห่อเหี่ยวแบบนั้น”
“เขา...จำฉันไม่ได้วะ”
“อุ๊บ!”
ฟลินต์ยกมือขึ้นปิดปากด้วยจริตจะก้านน่าหมั่นไส้สุดๆ มันน่าทุบจริงๆ เลย
“ฝันสลายเลยดิ หนุ่มรุ่นน้องสุดฮอตที่ทำให้ฝังใจมาเกือบสิบปีว่าเขาจะรอคำตอบกลับจำแกไม่ได้เลยซะงั้น”
“เฮ้ออ~”
ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ถ้าเขาจะโกรธที่ฉันผิดสัญญาฉันยังพอเข้าใจได้นะ แต่นี่เขากลับไม่ได้จำเรื่องราวพวกนั้นเลยมันรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ อยู่เหมือนกันนะเนี้ย
“แกจะมานั่งถอนหายใจแบบนี้ไม่ได้! ถ้ามันค้างคาใจนักก็ลุยเลยเข้าไปถามให้รู้เรื่อง ตัวแกจะได้มูฟออนสักทีคิดถึงแต่เรื่องเขามาเป็นสิบปี มดลูกรอจนแห้งแล้ว”
“นังฟลินต์!”
“แกปล่อยเวลามาตั้งสิบปีแล้วนะเว้ย! ต้องรออีกนานแค่ไหนคะ เลขสามมากวักมือเรียกอยู่หน้าประตูนู้น”
ที่ฟลินต์พูดมาทั้งหมดก็จริงเวลามีหนุ่มมาขายขนมจีบฉันแทบจะไม่สนใจใครเลยด้วยซ้ำ มัวแต่จมปลักอยู่กับเรื่องของเขานั่นแหละ
“เฮ้ออ~ แกว่าฉันควรเดินหน้าหรือจบมันตรงนี้ดีวะ”
ฟลินต์ยกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะเชิดหน้าขึ้นมองหน้าฉัน ทำไมต้องตั้งท่าอะไรขนาดนั้นด้วยยะ
“ถ้าฉันบอกให้ไปต่อล่ะ”
“แต่เขาจำฉันไม่ได้เลยนะเว้ย แปลว่าที่ผ่านมามันมีแค่ฉันคนเดียวหรือเปล่าวะที่รู้สึก”
“งั้นจบ”
“แต่มันจะค้างคานะเว้ยเป็นแบบนี้ฉันตัดใจไม่ได้แน่เลยวะ”
“อีดอกก!”
ฟลินต์ถึงกับส่ายหน้าและเบ้ปากให้กับอาการของฉัน ซึ่งท่าทางของฟลินต์ทำให้ฉันหลุดหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ”
“เรื่องมากแบบนี้ก็แห้งตายไปเถอะค่ะ”
“เออ! ฉันตัดสินใจได้แล้ว”
ฉันพูดพลางยกมือขึ้นกอดอกแล้วเชิดหน้ามองฟลินต์ ในสมองกำลังคิดถึงภาพผู้ชายที่ทำให้ฉันมูฟออนไม่ได้มาถึงสิบปี
“จะจบ?”
“จะจีบ!”
“ว้อท!”
“เออจะจีบนี่แหละ ในเมื่อมันค้างคานะก็พุ่งชนไปเลยค่ะ!”
ที่ฉันมูฟออนไม่ได้เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย เรื่องของเราสองคนมันน่าจะดีมากกว่านี้ถ้าฉันได้ทำอะไรบ้าง
ในเมื่อเขาจำฉันไม่ได้ก็จีบใหม่ไปซะให้จบๆ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันถ้าฉันพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว มันจะเป็นยังไง
“ถ้าโดนปฏิเสธหน้าหงายกลับมาละก็...”
“ห้ามสมน้ำหน้า!”
“พาไปแดกเบียร์สิคะ รออะไร”
เพื่อนของฉันน่ารักที่สุดดดดดดดดด >