EP : 2
-สี่ปีต่อมา-
“พี่เอยสวยจัง”
“ขอบใจจ้า”
“หนูพูดจริง ๆ นะคะ พี่เอยสวยมาก ๆ เป็นไอดอลความสวยของหนูเลย”
“ฮ่า ๆๆ พี่รู้แล้วเด็กน้อย ขอบใจนะจ้ะ แล้วนี่จะกลับรึยัง”
“พี่เอยจะกลับแล้วใช่ไหมคะ เดี๋ยวหนูก็กลับแล้วล่ะค่ะแต่รอแฟนซ้อมบาสกับชมรมก่อน”
“โอเค ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะ”
“ค่ะพี่เอย สวัสดีค่ะ”
“จ้า เจอกันวันจันทร์นะจ้ะ”
“ค่ะ” รุ่นน้องที่ฉันมาช่วยงานกิจกรรมโบกมือลาฉันก็โบกลาเหมือนกันแล้วเดินออกจากคณะ วันนี้วันศุกร์เดี๋ยวต้องกลับบ้านค่ะ
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
...พี่ลุค
“...”
ติ๊ด!
“ค่ะพี่ลุค”
“อยู่ไหนแล้วเรา”
“กำลังออกจากคณะค่ะ พี่ลุคมาถึงแล้วเหรอคะ”
“อื้ม พี่กำลังเลี้ยวเข้ามหาลัยเอย รอพี่หน้าคณะเลยนะ”
“ได้ค่ะ ไม่ต้องรีบนะคะ”
“โอเค”
ติ๊ด!
พี่ลุคพี่ชายข้างบ้านที่เรียนอยู่มหาลัยใกล้ ๆ กันจะแวะมารับฉันกลับบ้านในเย็นวันศุกร์เสมอตั้งแต่ฉันเรียนปีหนึ่งจนตอนนี้อยู่ปีสามแล้ว แต่ปีหน้าพี่เขาเรียนจบฉันคงต้องเดินทางเอง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ ปัญหามันอยู่ที่ปีหน้าคนไกลก็จะเรียนจบแล้วกลับมาเหมือนกัน
คนไกลที่ฉัน...แทบจะไม่ได้ติดต่อเขาเลย
บรื๊น!
บรื๊น!!
เสียงสปอร์ตคาร์คันหรูดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ข้างฉันซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครและไม่มีใครมองมาด้วยความแปลกใจหรอกในเมื่อคนที่นี่เห็นจนชินตาแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่ลุค”
“ไงเราเรียนเป็นไงบ้าง”
“หนักมากค่ะ หนักสุด ๆ” ฉันบอกพี่ลุคแล้วก็ทำหน้าเหนื่อยตบท้ายไปด้วย
“หึ ๆๆ เด็กเก่งแบบขวัญเอยบ่นว่าเหนื่อยเพราะเรียนแล้วคนอื่นจะเป็นยังไง”
“เอยก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นนี่คะมันก็ต้องมีบ่นกันบ้าง”
“ถ้างั้นพี่พาไปหาอะไรอร่อย ๆ กินให้หายเหนื่อยดีไหม”
“อืม...”
“เลือกร้านเลยไม่ต้องคิด” พี่ลุคพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้ทันฉันเลยฉีกยิ้มใส่
“ไม่เลือกได้ไหมคะ”
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าร้านที่อยากกินอยู่ไกลมาก”
“ก็...แหะ ๆๆ”
“หึ ๆๆ ให้พี่เดาต้องเป็นร้านที่แชร์ไว้ล่าสุดแน่นอน”
“หูย~ ไม่มีใครรู้ใจเอยเท่าพี่ลุคอีกแล้วในโลกนี้”
“...ไม่หรอก เอาร้านนั้นใช่ไหมถ้างั้นเอยเปิดจีพีเอสให้พี่เลย” พี่ลุคเงียบไปนิดหน่อยถึงได้พูดออกมาแล้วจากนั้นก็เคลื่อนรถส่วนฉันก็หยิบโทรศัพท์ของพี่ลุคมาเปิดจีพีเอสนำทางให้เขา
“แล้ววันนี้พี่ลุคเป็นยังไงบ้างคะ”
“พี่เหรอ ก็เหมือนเดิมนั่นแหละปีสุดท้ายเรียนไม่หนักแต่งานหนัก”
“ค่ะ ปีหน้าเอยก็คงเจอแบบเดียวกันเนอะ”
“อื้ม แต่เอยเก่งไม่ต้องเครียดหรอก”
“ใช่ค่ะ เอยเก่งแล้วที่สำคัญเอยมีพี่ลุคคอยช่วยด้วยใช่ไหมคะ” ฉันอ้อนพี่ลุคนิดหน่อยทำคนที่กำลังขับรถและมองถนนด้วยความตั้งใจยิ้มออกมา ถึงจะแค่ยิ้มมุมปากก็ตามเถอะแต่ฉันรู้ว่าเขาต้องกำลังมีความสุขแน่นอน
...แค่นี้ก็ดีแล้ว ดีมากแล้วจริง ๆ
เราทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานก็ไปกินข้าวร้านที่ฉันอยากกินนั่งคุยสัพเพเหระระหว่างที่กินข้าวกันจากนั้นพอกินเสร็จก็ตรงกลับบ้าน
“ง่วงไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ถ้าง่วงก็งีบไปเลยะนะรถมันติดมาก” ใช่ค่ะรถติดมา ออกมาได้ยี่สิบนาทีแต่มองกระจกหลังยังเห็นป้ายร้านอาหารชัดอยู่เลย
“เอยขอโทษนะคะ ชอบอยากกินแต่ร้านที่อยู่ไกลตลอดเลยทั้งที่เป็นวันศุกร์แท้ ๆ” เย็นวันศุกร์คือวันที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติดมากใครต่อใครก็รู้ แล้วก็เป็นประจำที่เราสองคนต้องเจอกับปัญหารถติดหลังจากกินข้าวในเย็นวันศุกร์เรียบร้อย
“ไม่เป็นไรหรอกไม่ได้ไปกินทุกวันซะหน่อย”
“แต่เอยก็เกรงใจอยู่ดี ทั้งมารับส่งทั้งพาไปกินข้าวแล้วเอยยังพาพี่ลุคมาเจอรถติด เอยเกรงใจพี่ลุคมากเลยนะคะ”
“หึ ๆๆ นี่แกล้งพูดรึเปล่า” พี่เขาหันมายิ้มขำฉันนิดหน่อยฉันเลยแอบย่นจมูกให้
“ไม่ได้แกล้งเลยค่ะ ตอนหิวมันก็อีกอารมณ์นะพี่ลุคแต่พอตอนกลับเจอรถติดแบบนี้ประจำเอยก็รู้สึกผิดที่ทำพี่ลุคลำบาก ขับรถแบบนี้เหนื่อยน่าดู”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าพี่เต็มใจ เราอยากกินอะไรก็บอกพี่แบบนี้แหละพี่พาไปได้ไม่ได้ลำบากอะไร” พี่เขาพูดออกแล้วก็เอามือมาวางบนหัวฉันก่อนจะขยี้เบา ๆ แล้วก็หันไปขับรถต่อ
“เอาใจน้องเก่งขนาดนี้จะเอาใจสาว ๆ เก่งขนาดไหนคะเนี่ย” ฉันถามพี่ลุคพร้อมกับจัดทรงผมที่เขาเพิ่งขยี้ให้เข้าที่เข้าทางส่วนคนโดนถามก็หันกลับมามองฉันในทันทีที่ถามจบ
“เอาใจสาว ๆ เก่งขนาดไหนน่ะเหรอ...ก็เอาใจเก่งขนาดนี้ไง แต่เอาใจคนนี้คนเดียวนะเพราะมีคนเดียวไม่เคยมีคนอื่น”