EP : 9
“ไม่ต้องพูดมากได้ไหมวะ ถ้าฉันไม่ปกป้องเธอแล้วไอ้ห่าที่ไหนมันจะปกป้องไหนตอบมาทีซิ?”
พูดอะไรเนี่ย คำพูดของอีตานี่หลอกหลอนหูแล้วก็หลอกหลอนใจที่สุด!
“ว่าไงทำไมไม่ตอบ”
“ขอบคุณค่ะที่ดูแลนักศึกษาฝึกงานในปกครอง”
“ตอบ” จะมาจ้องเขม็งทำหน้าดุใส่ทำไมล่ะ!
“ไม่มีอะไรจะตอบค่ะ”
“...”
“อะไรล่ะคะ ก็ไม่มีคนอื่นไง อยู่ที่นี่ไม่ได้รู้จักใครถ้าคุณที่เป็นเจ้านายไม่ปกป้องแล้วใครจะมาปกป้องเรื่องนี้รู้อยู่หรอกค่ะ”
“หึ! กินข้าวซะ” เขาพูดแค่นี้ก็กินข้าวกินอะไรของเขาไปส่วนฉันก็กินเช่นกันไงจะให้ทำอะไรล่ะ นั่งซึ้งใจกับคำพูดของเขาเหรอ ไม่มีทาง จะซึ้งทำไมไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากคนที่เหม็นขี้หน้ากันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอก็แค่นั้น เหอะ!
ตอนแรกก็ว่าจะหยิ่งแต่หิวมากอยู่นะพอได้กินก็ยิ่งหยุดกินไม่ได้ พี่สร้อยทำอาหารเหนืออร่อยมาก ปกติไม่ค่อยได้กินอาหารเหนือเท่าไหร่แทบจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ รู้จักจริง ๆ ก็คงมีแค่ข้าวซอย น้ำเงี้ยว แล้วก็ไส้อั่ว ^_^! พอได้กินอาหารเหนือหลายเมนูก็ติดใจมาก ฝึกงานเสร็จคงคิดถึงอาหารที่นี่น่าดู แต่คิดถึงแค่อาหารนะคะเพื่อนร่วมโต๊ะไม่รวมอยู่ในลิสเด็ดขาด
“พริ้งพลอยจะมาพรุ่งนี้นะ” เขาพูดขึ้นลอย ๆ อีกครั้ง แต่ละอย่างที่พูดบนโต๊ะมีแต่เรื่องสาว ๆ ของเขาที่โคตรจะไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิดแต่เขาก็ดึงฉันไปเอี่ยวด้วยทั้งที่มิ้งค์คนนี้ไม่เคยคิดจะเต็มใจ
โคตรเซ็ง -_-
“ค่ะ”
“ถ้าอยู่ต่อหน้าพริ้งพลอยกับพ่อเลี้ยงอเนกก็ช่วยทำตัวเป็นแฟนฉันหน่อยแล้วกัน”
“เดี๋ยวคนอื่นเขาก็เห็นด้วยน่ะสิคะ”
“ไม่ได้ให้เธอเดินมากอดมาหอมซะหน่อยแค่อย่าทำเมิน ฉันว่าเธอไม่น่าโง่ถึงขั้นไม่รู้หรอกมั้งว่าต้องทำยังไง หรือว่าโง่จะได้จูงจมูกเอง”
“คุณแทนคุณ!” เขาไม่ได้ด่า เขาพูดแล้วก็กลั้วหัวเราะทำให้ฉันวีนออกไปมากกว่าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่เขาพูดอย่างกับฉันเป็นวัวเป็นควายต้องจูงจมูก
“หึ ๆๆ”
“...” อีตานี่กวนประสาทที่สุดเลย!
“พริ้งพลอยน่าจะวุ่นวายหน่อย ทน ๆ ไปหน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวให้รางวัลเป็นคะแนนฝึกงาน”
“เหอะ! เมื่อวันก่อนขู่จะไม่ให้ฝึกงานผ่านวันนี้บอกจะให้คะแนนเต็ม ผลฝึกงานไม่เกี่ยวกับความสามารถความตั้งใจของฉันเลยมีแต่ผลประโยชน์ของเจ้าของที่นี่ล้วน ๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ” ขอบ่นหน่อยเถอะถ้าจะขัดหูเขาก็แล้วแต่เลย
“แล้วอยากได้อะไรตอบแทนล่ะ บอกมาเดี๋ยวให้”
“ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้นค่ะแค่ระหว่างที่ฉันเป็นแฟนทิพย์ของคุณคุณอย่าให้ใครมารังแกฉันได้ก็พอ”
“แค่นี้?”
“แค่นี้ค่ะฉันมาไกลบ้านไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องมียัยเอยแค่คนเดียวส่วนสาว ๆ ของคุณมีแบ็คอัพทั้งสองคนฉันจะเอาอะไรไปสู้ถ้าเขาทำฉันขึ้นมา”
“ไม่ต้องกลัวบอกไปแล้วไง เอาล่ะเราจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว รู้แค่ฉันมีปัญญาปกป้องเธอได้ก็พอ”
“...”
“กินข้าวให้หมดจะได้ช่วยกันล้างจาน”
“คะ?”
“สงสัยอะไรจะไม่ล้างรึไงพี่สร้อยไปนอนแล้ว”
“ไม่ค่ะไม่ใช่แบบนั้น แต่คุณบอกว่าช่วยกันล้างจาน คุณจะล้างจานเหรอคะ?”
“ทำไมฉันล้างไม่ได้รึไง”
“ล้างได้ค่ะแต่อย่าเลย ฉันเป็นคนอาศัยเดี๋ยวฉันล้างเอง”
“ไร้สาระ กินข้าวซะ” ดุอีกแล้วไม่รู้ทำไมชอบทำเสียงดุ กับคนอื่นอย่างฉันยังดุขนาดนี้แล้วสาว ๆ ของเขาจะโดนขนาดไหนกันเนี่ย เอ๊ะ! หรือความจริงถ้าเป็นสาว ๆ อีตานี่อาจจะคะขาจ๊ะจ๋าก็ได้ใครจะไปรู้
“...”
“อะไร มองหน้าทำไม”
“เปล่าค่ะ” ฉันปฏิเสธแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวทันที ขนลุกว่ะมิ้งค์ แค่มองหน้าแล้วจินตนาการว่าอีตานี่จะพูดจาคะขากับใครสักคนบนโลกก็ขนลุกแล้ว
-วันต่อมา-
“อาฝากน้องด้วยนะแทน”
“ไม่ต้องห่วงครับที่นี่เราดูแลนักศึกษาฝึกงานดีทุกคนครับ”
“อื้ม ขอบใจนะแทน”
“แล้ววันนี้พริ้งต้องเริ่มงานเลยไหมคะพี่แทน”
“ยังครับแค่รายงานตัวกับฝ่ายบุคคลก็พอ”
“ค่ะ” พริ้งพลอยยิ้มหวานให้ เธอเป็นคนสวยนะครับ สวยมองเพลินแค่มองเผิน ๆ ก็ทำให้คนอยากเข้าไปทำความรู้จักได้ไม่ยาก แต่อาการของเธอที่แสดงออกกับผมมากเกินไปทำให้เสน่ห์ของเธอลดลงจนไม่เหลือเลยในสายตาผมทำให้ผมไม่สนใจเธอแม้แต่นิดเดียว
“เดี๋ยวพ่อจะกลับเลยมีนัดกับท่านผู้ว่าต่อ อย่าดื้อล่ะยัยพริ้ง”
“ไม่ดื้อแน่นอนค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วงนะคะพริ้งไม่กล้าดื้อกับพี่แทนหรอก”
“หึ ๆๆ ถ้าดื้อก็ฟาดได้เลยนะแทน”
“...ครับ” อ่าส์! อึดอัดว่ะ
“แล้วจะกลับมากินข้าวเย็นกับเราสองคนไหมคะหรือว่ากลับไร่โน้นเลย”
“กลับเลยล่ะพ่อไม่อยากกลับดึก”
“โอเคค่ะ ถ้างั้นเราเดินไปส่งคุณพ่อกันดีกว่าค่ะพี่แทน”
“เชิญครับคุณอา” ผมไม่ได้ไปเพราะพริ้งพลอยบอกแต่เป็นมารยาทที่ผมต้องทำอยู่แล้ว ผมเดินไปส่งพ่อเลี้ยงอเนกพร้อมกับพริ้งพลอยเสร็จแล้วเธอก็เดินตามผมมาที่ห้องทำงานต่อ ยังดีที่แค่เดินข้าง ๆ ไม่ได้เดินเกาะแขน
“แล้วน้องสาวพี่แทนอยู่ไหนคะ”
“ฝึกงานอยู่ครับ”
“อ้อ ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวก็ได้เจอกันที่บ้านเนอะ” หึ ๆๆ ไม่ถามหาแฟน (ปลอม ๆ) ของผมเลยว่ะ ผมต้องรีบหาทางทำให้เธอตัดใจจากผมให้เร็วที่สุดซะแล้วสิไม่งั้นสี่เดือนต่อจากนี้ผมปวดประสาทแน่นอน
“วันนี้ไม่มีอะไรเดี๋ยวพี่ให้แม่บ้านพาไปพักผ่อนก่อนแล้วกันนะจะได้เก็บข้าวของด้วย” เธอหอบกระเป๋าเสื้อผ้ามาสี่ใบใหญ่ ๆ ไม่รู้ตั้งใจย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยรึเปล่า
“พริ้งนั่งเล่นกับพี่แทนก่อนก็ได้นะคะ พริ้งสบาย ๆ ค่ะพี่แทน” พริ้งสบายแต่พี่ไม่สบาย ผมโคตรอยากบอกเธอด้วยคำนี้เลย
“อย่าเลยเดี๋ยวพี่ต้องทำงาน นั่งรอก่อนนะพี่เรียกแม่บ้านมาแล้ว”
“โอเคค่ะ เอาตามที่พี่แทนว่าก็ได้ค่ะ” ผมรู้ว่าไม่ค่อยถูกใจเธอเท่าไหร่แต่เธอก็ยอมตกลงแต่โดยดี
ก๊อก ๆๆ
“ขออนุญาตค่ะคุณแทน” แม่บ้านเข้ามาได้รวดเร็วทันใจ แต่จะไม่ทันใจก็คงไม่ได้ในเมื่อผมสั่งเอาไว้แล้วว่าให้สแตนบายรอถ้าเรียกเมื่อไหร่ให้รีบมาทันที
“ครับ นี่พริ้งพลอยจะมาฝึกงานที่นี่ ช่วยพาไปห้องพักด้วยนะที่สั่งไว้เมื่อวาน”
“ได้ค่ะคุณแทน เชิญค่ะน้องพริ้งพลอย”
“น้อง?” แค่แม่บ้านของออฟฟิตเรียกเธอว่าน้องพริ้งพลอยก็เปล่งเสียงที่เต็มด้วยความไม่พอใจออกมาทันที
“ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัวครับ” ผมพูดออกไปกลาย ๆ เพื่อเตือนให้พริ้งพลอยรู้ว่าเธอไม่ควรถือตัวหรือแบ่งชนชั้นกับใครในไร่นี้
“ค่ะ ดีเลยค่ะพี่แทนจะได้อบอุ่น ที่ไร่ก็อยู่กันแบบครอบครัวเหมือนกันค่ะ ยังไงพริ้งรบกวนพี่พาพริ้งไปที่บ้านหน่อยนะคะ” พริ้งพลอยพูดกับผมเสร็จก็หันไปคุยกับแม่บ้านด้วยน้ำเสียงกับท่าทางที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับ ผมได้แต่มองจนเธอกับแม่บ้านเดินออกจากห้องทำงานของผมไป
“อ่าส์! อึดอัดว่ะ” ผมทิ้งตัวนั่งแล้วก็ส่ายหน้า นี่แค่ชั่วโมงแรกนะแต่เดี๋ยวก็คงมีปัญหาตามมาเชื่อผมสิ
-สิบนาทีต่อมา-
ก๊อก ๆๆ
ก๊อก ๆๆ
นั่นไงผมว่าแล้วเดี๋ยวก็มีปัญหาตามมาแล้วปัญหาก็ตามมาอย่างที่คิดจริง ๆ
“เชิญครับ”
“พี่แทนคะ แม่บ้านเขาเข้าใจผิดอะไรรึเปล่าคะ” พริ้งพลอยเดินเข้ามาถามด้วยเสียงหงุดหงิด
“เข้าใจผิดอะไรเหรอครับ” ผมพอจะรู้ว่าเธอกลับเข้ามาในออฟฟิตทำไมแต่ก็ถามไปงั้น
“ก็ห้องพักของพริ้งไงคะ”
“มีอะไรเหรอครับ มันไม่เรียบร้อยเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่แม่บ้านเขาน่าจะเข้าใจผิดเลยพาพริ้งไปบ้านพักของพนักงาน”
“ใช่หลังสีครามข้างบ้านหลังสีเขียวรึเปล่าครับ”
“ค่ะ หลังนั้นนั่นล่ะค่ะ”
“ถ้าหลังนั้นก็ถูกแล้วครับพริ้งพลอย แม่บ้านไม่ได้พาไปผิดหลังหรอก”
“คะ? จะให้พริ้งนอนบ้านพักคนงานเหรอคะ?”
“ความจริงบ้านตรงนั้นมีไว้ให้พนักงานระดับบริหารพักครับ ไม่ได้อยู่รวมกับคนงานในไร่หรอก”
“แต่พริ้งคิดว่าพี่แทนจะให้พริ้งอยู่บ้านพี่แทนนะคะ คุณพ่อก็คิดแบบนั้นนะไม่งั้นคุณพ่อไม่ให้มาหรอกถ้ารู้ว่าพริ้งต้องไปอยู่ที่นั่นคนเดียว” พริ้งพลอยพูดเหมือนผมขอร้องให้เธอมาเลยว่ะทั้งที่ความจริงผมโดนมัดมือชกชัด ๆ
“ที่ไร่พี่ปลอดภัยครับแล้วบ้านตรงนั้นก็เป็นส่วนตัวแล้วก็ปลอดภัยมาก หลังข้าง ๆ ก็เป็นบ้านพักของคุณมิลินผู้จัดการของไร่”
“ยัย เอ่อ คุณมิลินอยู่ตรงนั้นเหรอคะ”
“ครับ คุณมิลินอยู่มานานก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรนะ ไม่อันตรายแน่นอนสบายใจได้”
“แต่มันก็อันตรายสำหรับพริ้งอยู่ดีนะคะพี่แทน ถ้าคุณพ่อรู้ท่านต้องไม่สบายใจมากแน่ ๆ” ขอมาฝึกงานที่นี่เองแล้วจะมาอะไรนักหนาวะ พูดเหมือนขอให้มาเลยว่ะ อ่าส์! ปวดหัว
“ถ้างั้นไปพักที่โรงแรมไหมเดี๋ยวพี่ให้คนเปิดห้องให้”
“โรงแรม?”
“ครับ” ผมหมายถึงโรงแรมของไร่นี่ล่ะ ถ้ากลัวเรื่องความปลอดภัยมากคงต้องให้ไปนอนที่โรงแรมจะได้จบคนเยอะขนาดนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว
“ไม่เอาหรอกค่ะ ไปนอนที่โรงแรมก็ทำโรงแรมขาดรายได้สิคะ ทำไมไม่ให้พริ้งนอนที่บ้านล่ะคะอยู่กับพี่แทนแล้วก็น้องพี่แทนพริ้งจะได้ปลอดภัยแล้วก็ไม่เหงาด้วย” ในที่สุดเธอก็เสนอสิ่งที่ต้องการที่ผมเองก็รู้แต่แรก
“พี่ขอโทษนะครับพริ้งพลอยแต่พี่คงให้เราไปอยู่บ้านหลังเดียวกันกับพี่ไม่ได้เพราะเรามาในฐานะนักศึกษาฝึกงานที่สำคัญพี่ไม่อยากให้มิ้งค์ไม่สบายใจ”
“มิ้งค์?”
“แฟนพี่ไง ที่พี่พาไปไร่ของพริ้งเมื่อวันก่อน”
“...เอาตรง ๆ นะคะพริ้งก็อยากถามตั้งแต่วันนั้นแล้ว” เธอเงียบไป ผมรู้ว่าเธอไม่พอใจมากแล้วพริ้งพลอยก็เอ่ยขึ้น
“ถามอะไรครับ”
“คืออย่าว่าพริ้งเสียมารยาทเลยนะคะ พริ้งก็เป็นผู้หญิงสมัยใหม่พี่แทนก็จบมาจากเมกา เราคุยกันตรง ๆ ได้เนอะ”
“ครับ”
“พริ้งคิดว่าพี่แทนกิ๊กกับคุณมิลินซะอีก ไม่คิดว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตน ที่รู้จักก็ไม่เคยเห็นเปิดตัวเลยสักนิด”
“แค่ไม่เปิดตัวเองครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม อ่าส์! ไม่อยากว่าผู้หยิงเลยแต่ตอนนี้อดขำไม่ได้ ผู้หญิงมัยใหม่งั้นเหรอ ตรงไหนวะ?
“...”
“พริ้งมีอะไรรึเปล่า ถ้าสงสัยอะไรถามพี่ตรง ๆ ได้เลยนะ” เพราะเธอเอาแต่มองหน้าผมทำให้ผมามออกไป ถามมาเลยจะได้ตอบให้ชัดเจนให้จบไปเลย
“...กินเล่น ๆ รึเปล่าคะ พี่แทนคุยกับพริ้งตรง ๆ ได้นะพริ้งรับฟังได้ทุกอย่าง” พริ้งพลอยพูดขึ้นแล้วก็มองผมด้วยสายตา...ยั่ว
“พี่เคยกินเล่น ๆ มาเยอะครับพริ้งพลอยเรื่องนี้พี่ไม่ปฏิเสธแต่ไม่ใช่กับมิ้งค์แน่นอน อย่าถามคำนี้อีกนะ ผู้หญิงที่เราถามถึงเขาทำตัวมีค่ามากจนพี่ไม่แม้แต่อยากให้ใครดูถูกเขาด้วยคำพูดหรือความคิดแย่ ๆ”