EP : 8
“จัดการยังไงคะ เดี๋ยวก็ไม่พอใจมาถลกหัวฉันอีก ไม่ต้องหรอกอยู่ห่าง ๆ คุณก็คงจบเรื่องเอง”
“ก็ถ้ายังกล้ามาถลกหัวแฟนเจ้านายตัวเองปล่อยให้เขาทำไปเลย”
“...”
“เสร็จแล้วเดี๋ยวไปไล่ออกเอง”
“ตลกแล้วค่ะ”
“ถึงเวลาเดี๋ยวก็รู้”
“เหอะ!” ยัยเด็กนี่แค่นเสียง กรอกตามองบน แล้วก็หันหลังเดินหนีผมไปเลย
หึ! น่าจับมาฟาดก้นว่ะ ใครเป็นผมก็ต้องรู้สึกแบบนี้กันทั้งนั้น สะบัดหน้าแล้วเดินทิ้งสะโพกไปลิ่ว ๆ โคตรน่าจับมาฟาดก้นสักทีสองที
คิดว่าน่ารักรึไงยัยเด็กดื้อ แต่แม่ง...ก็น่ารักจริง ๆ นั่นล่ะ
“อ่าส์! คิดเหี้ยไรของมึงไอ้แทน” ผมสะบัดหัวไล่ความคิดอะไรของตัวเองก็ไม่รู้ออกไปแล้วพาตัวเองไปนั่งตรงที่ที่เธอเพิ่งนั่งเมื่อกี้
ความจริงผมไม่ได้รู้อะไรหรอกแค่บังเอิญเห็นเธอเดินออกมาจากห้องทำงานมิลินพอดีหน้าตาก็ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ตอนนั้นผมคุยโทรศัพท์กับลูกค้าอยู่เลยไม่ได้เข้าไปถามอะไรพอตอนเย็นออกมาเดินเล่นก็บังเอิญมาเห็นเธอตรงนี้พอดีแล้วก็ดูหัวเสียมากด้วยแค่นี้ก็รู้แล้วว่าต้องมีเรื่องอะไรมาแน่ ๆ
“ก็ถ้ายังกล้ามาถลกหัวแฟนเจ้านายตัวเองปล่อยให้เขาทำไปเลย”
“...”
“เสร็จแล้วเดี๋ยวไปไล่ออกเอง”
ผมจะทำจริง ๆ ถ้ามิลินล้ำเส้น เธอมาที่นี่นอกจากในฐานะเพื่อนของขวัญเอยก็มาในฐานะของนักศึกษาฝึกงาน ผมเป็นเจ้าของที่นี่ก็ควรปกป้องดูแลเด็กในความรับผิดชอบใช่ไหมล่ะครับ
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
“คะแทน”
“คุณไม่ควรเรียกผมแบบนี้”
“ขอโทษค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะถึงโทรหากัน กินข้าวรึยังออกไปดินเนอร์กันไหมคะ”
“เรียกมิ้งค์เข้าไปทำอะไร”
“คะ?”
“คุณได้ยินที่ผมถามคุณมิลิน”
“...”
“ตอบ”
“ก็เรียกมาถามเรื่องงานไม่ได้มีอะไรนี่คะ ทำไมคะมีใครไปพูดอะไรให้เข้าผิดรึเปล่า”
“ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น”
“ค่ะ ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรนั่นล่ะค่ะคุณแทน” น้ำเสียงของมิลินไม่พอใจแต่พยายามเก็บอารมณ์เอาไว้ผมรู้
“ผมไม่ใช่คนโง่นะมิลินที่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“...”
“อย่ามาหวงก้าง” เธอไม่พูดก็ตามใจเธอเพราะผมโทรไปเพื่อพูดธุระของผมมากกว่าฟังคำแก้ตัวของเธออยู่แล้ว
“...ไม่มีสิทธิ์เลยเหรอคะ”
“โต ๆ กันแล้วมิลิน รู้กันดีว่าอะไรคืออะไร ต้องให้พูดตรง ๆ ด้วยเหรอ” ไม่ต้องมีใครคิดว่าผมไม่รักษาน้ำใจคนที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยเพราะไม่มีสิทธิ์มาว่าผมในเมื่อทั้งผมและเธอต่างก็รู้ดีว่าที่กินกันมันคืออะไร
ผมไม่ได้หลอกให้มานอนด้วยแล้วจะรักเป็นการตอบแทน ผมชัดเจนตั้งแต่แรกว่านอนด้วยกันได้เพื่อเซ็กส์ที่วิน ๆ กันทั้งสองฝ่ายแต่ไม่คบเป็นตัวเป็นตนเพราะฉะนั้นห้ามมาหวงก้างแสดงสิทธิ์ว่าเป็นเจ้าของผมเด็ดขาด
“...ไม่ต้องหรอกค่ะ ลินรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร” เสียงเธอสั่นแต่นั่นเป็นเรื่องที่เธอต้องไปจัดการกับมันเอง
“ถ้างั้นคราวหลังก็อย่ามายุ่งกับเพื่อนของน้องสาวผมเพราะเรื่องพวกนี้อีก”
“...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“อืม มีอะไร”
“แค่เพื่อนของน้องสาวจริง ๆ เหรอคะ”
“ก็คิดเอา แต่บอกไว้ตรงนี้นะมิลินว่าถ้ามายุ่งกับมิ้งค์ด้วยเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกไร่นี้จะไม่มีผู้จัดการชื่อมิลิน”
“คุณแทน~”
ติ๊ด!
ผมไม่มีเวลามานั่งฟังใครฟูมฟาย แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าเป็นเพราะเด็กคนนั้นหรอกที่ทำให้ผมใจร้ายกับเธอแต่ถ้ามิลินมาทำตัวตามหึงตามหวงผมกับพนักงานในไร่ไม่ว่าจะกับใครผมก็ไม่ปล่อยไว้ให้เสียการปกครองเสียการทำงานเด็ดขาด
-เวลาต่อมา-
“เอยล่ะ” ผมเดินมาที่ห้องอาหารแล้วก็เห็นเพื่อนของขวัญเอยอยู่ในนี้คนเดียว
“กินข้าวขึ้นนอนแล้วค่ะ”
“กินข้าวแล้ว?”
“ค่ะ เพิ่งรู้เหมือนกันว่ากินก่อนแล้ว ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อกี้น่ะค่ะขอตัวนะคะ” เธอพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไป
“แล้วนี่กินแล้วรึไง”
“ยังค่ะ”
“แล้วจะไปไหน”
“ขึ้นห้องค่ะ”
“แล้วทำไมไม่กินข้าว”
“ก็...ไม่หิวค่ะ” หึ! อาการแบบนี้ไม่ใช่ไม่หิวหรอกแต่ไม่อยากกินข้าวกับผมสองคนมากกว่า
“มากินข้าว”
“กินเลยค่ะฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เดี๋ยวค่อยมากินแล้วกัน ขอตัวนะคะ”
“แล้วจะให้พี่สร้อยลำบากเก็บอาหารไว้ให้ทำไม” ผมไม่อยากใช้น้ำเสียงดุเด็กคนนี้ทุกครั้งที่คุยกันหรอกแต่ความดื้อรั้นของเธอทำให้อดดุไม่ได้
“ก็...”
“ก็อะไร?”
“...ไม่มีอะไรค่ะ”
“มากินข้าวพี่สร้อยจะได้ยกอาหารมาเสิร์ฟ รีบกินพี่สร้อยเขาก็อยากไปพักผ่อนเหมือนกันไม่มีเวลามานั่งรอบริการใครจนดึกหรอกนะ”
“ก็ไม่ได้จะให้พี่สร้อยมาคอยทำอะไรให้นะคะ ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ จะให้ทำกับข้าวล้างถ้วยล้างจานทำความสะอาดบ้านช่วยพี่สร้อยยังทำได้เลย” ผมพูดจบเธอก็เถียงกลับมาทันที ทั้งเสียงทั้งสีหน้ามีแต่ความไม่พอใจที่แสดงออกมาชัดเจน
“ไม่ได้บอกให้ทำงานอย่างอื่น แต่พี่สร้อยเขาก็เกรงใจเจ้านาย ถ้าเจ้านายยังกินข้าวไม่เรียบร้อยเขาจะกล้าไปพักผ่อนได้ยังไงคิดบ้างไม่ใช่เอาแต่ดื้นรั้น”
“ยัยเอยกินแล้วค่ะคุณก็กินให้เรียบร้อยสิคะพี่สร้อยจะได้รีบไปพักผ่อน ส่วนฉันไม่ใช่เจ้านายค่ะเดี๋ยวฉันหาข้าวกินเอง” เธอพูดจบก็สะบัดหน้าใส่ผมอีกครั้ง
หมับ!
“ปล่อย” เธอหันกลับมามองข้อมือตัวเองที่โดนผมรั้งไว้แล้วสั่งให้ผมปล่อย
“ไปกินข้าว”
“ไม่กินค่ะ”
“ไปกินข้าว”
“ไม่... / มิ้งค์ อย่ามาดื้อ”
“...”
“เร็ว” ผมไม่แค่พูดแต่กระชากเธอมาด้วย ทั้งโลกนี้ผมอนุญาตให้ขวัญเอยดื้อกับผมได้คนเดียวไม่เคยอนุญาตให้ผู้หญิงคนไหนไม่ว่าใครก็ตามมาดื้อกับผมซึ่งก็รวมถึงเด็กคนนี้ด้วย
“โอ๊ย! คุณจะกระชากแขนฉันทำไมเนี่ย!” เธอพยายามสะบัดแต่พยายามไปเถอะถ้าผมเอาจริงไม่มีใครสู้แรงผมได้หรอก ยิ่งกับยัยเด็กคนนี้ที่ตัวแค่นิดเดียวไม่มีทางหรอกที่จะสู้ผมได้ พยายามไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บตัว
“นั่ง” ผมลากเธอมาที่เก้าอี้ตัวที่เธอนั่งตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก่อนจะสั่งออกมา
“ไม่นั่งค่ะ!”
“อย่าให้โมโห”
“...”
“นั่ง”
“...ชิส์!” สุดท้ายเธอก็ยอมลากเก้าอี้แล้วทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้เต็มแรง
พลั่ก!
“อ๊ะ!”
“หึ! ทำประชดสุดท้ายก็เจ็บเองไหมล่ะ” ผมปลายตามองเธอแล้วลากเก้าอี้นั่งลงบ้างทำยัยเด็กนี่ที่น่าจะเจ็บก้นเพราะทิ้งตัวนั่งแรงรีบเชิดหน้าปั้นหน้าเหมือนตัวเองไม่เจ็บทันที
“พี่สร้อย”
“คะคุณแทน” พี่สร้อยที่ยืนหลบมุมอยู่แถวนี้รีบเดินมาทันที
“ไปพักผ่อนเลยครับ”
“คะ?”
“ไปพักผ่อนตอนนี้เลยครับ”
“แต่พี่ยังไม่... / เชิญครับพี่สร้อย”
“ค่ะ ๆ” พี่สร้อยรีบเดินไปทันทีที่เสียงผมเริ่มแข็งขึ้นมาเพราะต้องพูดซ้ำ ๆ พอหันไปมองยัยดื้อรั้นก็เห็นนั่งทำหน้าไม่พอใจมองตรงไปข้างหน้าไม่ปลายตามาทางผมแม้แต่นิดเดียว
“ตักข้าว”
“...”
“ถ้าไม่ตักข้าวจะบังคับให้กินคนเดียวจนหมดหม้อ กินไม่หมดก็จะง้างปากแล้วยัดเข้าไปในปากเธอเอง อย่าดื้อด้านไม่งั้นเธอจะเจอของจริง”
“ก็แค่จะไม่กินข้าวไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยนี่คะ” เถียงผมเสียงแข็งแต่น้ำตาคลอออกมา อ่าส์! ทำไมต้องเถียงแล้วน้ำตาคลอให้รู้สึกผิดเหมือนกำลังแกล้งเด็กไม่มีทางสู้ด้วยวะ
“ก็เธองี่เง่าเอง”
“งี่เง่าอะไร? ก็ฉันกับคุณไม่ค่อยกินเส้นกันจะให้มานั่งกินข้าวด้วยกันสองคนมันก็อึดอัดไหมล่ะ”
“ถ้างั้นก็ยิ่งต้องกินจะได้ไม่อึดอัดก็แค่นั้น เรื่องง่าย ๆ มันยากตรงไหนทำไมไม่คิด”
“ก็ไม่ได้อยากลดความอึดอัดเพื่อญาติดีกับคุณนี่คะเลยไม่จำเป็นต้องคิดอะไรที่มันง่าย ๆ”
“อ่าส์! ทำไมเธอเถียงเก่งแบบนี้วะ” ผมเริ่มปวดประสาทกับเด็กคนนี้แล้ว เถียงแม่งโคตรเก่ง น้ำตาคลอเบ้าจนแทบจะร้องไห้ออกมาแต่ก็ยังเถียงไม่หยุดไม่หย่อน ถ้ามีแข่งเถียงจะส่งไปแข่งคนแรกเลยคอยดู
“แล้วทำไมคุณเอาแต่บังคับแบบนี้วะ! เอ่อ...คะ”
“...หึ!” ผมมองหน้าเธอที่หน้าเจื่อนลงไปเพราะเผลอหลุดคำพูดไม่ค่อยเหมาะสมออกมาก่อนจะแค่นเสียงแล้วขยับตัวลุกขึ้นไปหยิบโถข้าวมาตักข้าวเองซะ ว่าจะโมโหที่กล้าใช้คำพูดไม่ค่อยดีแต่พอเห็นเธอรีบหุบปากแล้วทำท่าเหมือนสำนึกนิดหน่อยก็โกรธไม่ลง
โกรธไม่ลงแต่อาการอยากจับมาฟาดก้นมีมากขึ้น ผมว่าถ้าเธอยังเอาแต่ดื้อรั้นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานผมคงได้จับมาฟาดก้นจริง ๆ
แล้วดูยัยเด็กนี่ทำหน้าสำนึกผิดได้แป๊บเดียวก็นั่งเชิดหน้าไม่สนใจเจ้าของบ้านที่พ่วงตำแหน่งเจ้านายอย่างผมเลยว่ากำลังตักข้าวกินเอง
“นี่! คุณ! จะตักอะไรเยอะขนาดนี้!” พอผมตักให้ตัวเองเสร็จแล้วตักให้เธอบ้างเธอก็เริ่มโวยวายเพราะผมตักให้เธอจนพูนจาน หมั่นไส้แกล้งให้กินข้าวให้ท้องแตกตายแม่งเลยดีกว่า
“กิน ๆ เข้าไป กินให้หมดจะได้มีแรงมางี่เง่ากับฉันต่อ”
“ใครงี่เง่ากับคุณพูดให้มันดี ๆ นะคะ”
“กิน”
“ไม่ค่ะ”
“อย่าดื้อ” โคตรดื้อจนผมเริ่มโมโหแต่แม่งเอ๊ยจะโกรธจริง ๆ ก็โกรธไม่ลงทั้งที่ถ้ามีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ใช่ขวัญเอยมาทำแบบนี้กับผมคงได้เละไปนานแล้วแต่กับเด็กคนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ผมแม่งเป็นห่าอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ว่ะ
“...”
“กินซะ อย่าให้ถึงขั้นตักอาหารให้ไม่งั้นฉันจะผสมข้าวให้เธอเหมือนข้าวหมาแน่นอน”
“คุณ! ฉันเป็นคนนะ!”
“รู้ว่าเป็นคนถึงได้เตือน อย่าให้ขู่บ่อย ๆ เพราะฉันไม่ใช่คนที่ชอบขู่ใครเท่าไหร่ ที่บอกก่อนฉันเรียกว่าสงเคราะห์” ผมส่งสายตากดดันไปให้ทำให้สุดท้ายเธอก็จำใจหยิบช้อนขึ้นมากินข้าวด้วยใบหน้าที่ปากยู่เข้าหากันจนแทบจะเป็นตูดอยู่แล้ว
“เตือนให้แล้วนะ” กินข้าวกันเงียบ ๆ ไปพักหนึ่งผมก็เอ่ยขึ้นทำให้ยัยเด็กงี่เง่าที่กินข้าวโดยที่ไม่มองหน้าผมเลยหันมามองทันที
“…อะไรคะ”
“เรื่องที่บอกเมื่อเย็น”
“เดี๋ยวก็มีคนมากินหัวฉัน ถึงไม่กินตรง ๆ ก็คงแอบกิน” เธอบ่นพร้อมกับทำหน้าเซ็ง
“กลัวด้วยเหรอ? ขนาดฉันใหญ่ที่สุดในนี้เธอยังไม่กลัวแล้วเธอจะยอมให้คนอื่นรังแกเธอจริง ๆ เหรอ ฉันว่าไม่หรอกมั้ง”
“ก็ไม่อยากยอมหรอกค่ะแต่ไม่อยากมีปัญหาในที่ทำงาน ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดยังไงเรื่องที่ฉันตามยัยเอยมาฝึกงานที่นี่ แต่ฉันขอบอกตรงนี้ว่าฉันอยากตั้งใจฝึกงานให้ตัวเองได้ความรู้มากที่สุดเพราะถ้าไม่จบไปแล้วไม่มีความรู้เรื่องงานติดสมองฉันทำงานที่ไหนไม่ได้แน่นอน”
“โอเค ถ้างั้นก็เอาตามที่ฉันบอก โดนเมื่อไหร่ก็มาบอกไม่ใช่ไปหงุดหงิดอยู่คนเดียวแล้วเดี๋ยวจะจัดการให้” พอผมพูดจบเธอก็มองหน้าด้วยสายตาที่ดูก็รู้ว่าไม่เชื่อคำพูดของผม
“กล้าไล่คุณมิลินออกจริง ๆ เหรอคะ”
“เอาไว้ให้ถึงเวลาก็รู้เอง” ผมตอบเธอแล้วก็สนใจอาหารต่อ
“ไม่ต้องถึงเวลาก็คิดว่าเดาออกนะคะว่าไม่”
“แล้วแต่เธอจะคิด ไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องอธิบายอะไรมากมายเพราะมันยังไม่เกิด พูดไปก็เท่านั้น”
“รู้ค่ะว่ามันยังไม่เกิดแต่จะให้เชื่อว่าคุณจะทำจริง ๆ น่ะเหรอ ไม่เอาอ่ะเชื่อไม่ลงหรอกค่ะ คุณจะไล่ผู้หญิงคนนั้นออกแค่เพราะเขามารังแกฉันนี่นะ ไม่มีความจำเป็นต้องปกป้องฉันจากผู้หญิงของคุณขนาดนั้นหรอกมั้ง ไม่จำเป็นสักนิด” อ่าส์! ยัยเด็กนี่ทำผมหงุดหงิดเพราะคำพูดยาว ๆ ประโยคนี้ของเธอแล้วสิ หงุดหงิดจนผมวางช้อนเพราะไม่มีอารมณ์จะกินข้าวต่อแล้วมองหน้าเธอด้วยความหงุดหงิด
“ไม่ต้องพูดมากได้ไหมวะ ถ้าฉันไม่ปกป้องเธอแล้วไอ้ห่าที่ไหนมันจะปกป้องไหนตอบมาทีซิ?”