คำถามที่ยากจะตอบ
“หลิงหลงเข้ามาสิลูกรัก” หลี่ซือเหนียงหันมองเมื่อได้ยินเสียงของสามีหลี่จางเหว่ยชายวัยห้าสิบต้นๆ เอ่ยขึ้นเมื่อเปิดประตูบ้านออกมาเจอลูกสาวคนสวย เขาอ้าแขนรอรับเมื่อเธอก้าวผ่านประตูเข้าด้านใน
“คุณแม่ล่ะคะ” เธอถามเมื่อผละออกจากอ้อมกอดบิดา
“แม่ของลูกอยู่ในครัวน่ะ เราเข้าไปหาเธอกันเถอะปะ” เขาพูดพลางประคองหลังลูกสาวเข้าบ้าน
“แล้วน้องชายหนูไม่มาเหรอคะ”
“เขากำลังมาน่ะ ว่าแต่ลูกเถอะทำไมมาคนเดียว แฟนของลูกไปไหนทำไมเขาไม่มาด้วย” หลี่จางเหว่ยถามหาว่าที่ลูกเขยเมื่อไม่เห็นเขาทำตัวเป็นเงาอยู่ข้างกายลูกสาวคนสวยเหมือนเมื่อก่อน
“เอ่อ คือ....” หลี่หลิงหลงอ้ำอึ้งเพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจ เลยไม่รู้จะตอบคำถามพ่อออกไปยังไง
“โอลูกสาวผู้น่ารักของแม่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอจ๊ะ”
เสียงของหลี่ซือเหนียงผู้เป็นมารดากล่าวทักทายขึ้นทำให้หลี่หลิงหลงได้โอกาสเฉไฉไปคุยกับแม่ในทันทีแต่ทว่าพ่อนั้นรู้ทันลูกสาวดี หลี่จางเหว่ยเดินห่างจากสองแม่ลูกพลางดึงโทรศัพท์ออกจากกางเกงไปหยุดยืนยังลานกว้างหน้าบ้านแล้วโทรหาใครบางคน
“พ่อครับมาทำอะไรตรงนี้ล่ะ ทำไมไม่เข้าบ้านข้างนอกอากาศหนาวนะครับ” หลี่อี้หลงถามพ่อเมื่อเขาเปิดประตูรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน
“อ่าว อี้หลงเองเหรอลูก” ชายวัยห้าสิบต้นๆ กดวางสายทันทีเมื่อเห็นลูกชาย
“พ่อคุยอยู่กับพ่อของเฉินไป่อี้น่ะ พ่อว่าพักนี้ลูกชายเขาทำตัวแปลกๆ ดูเหินห่างกับหลิงหลงมากแต่เขาก็ไม่รู้เรื่องของเฉินไป่อี้เลย”
“ผมว่าคุณพ่ออย่าไปยุ่งเรื่องพี่เขาเลยครับ”
“ไม่หรอก พ่อคิดว่าถ้าเขาไม่คู่ควรกับหลิงหลงของเราก็คงต้องรีบตัดเขาออกไป ลูกสาวพ่อออกจะสวยมีผู้ชายมากหน้าหลายตาหมายปองตั้งเยอะ แต่ละคนระดับดีๆ ทั้งนั้น”
“มันจะดีเหรอครับคุณพ่อแล้วคุณอาเฉินกับภรรยาจะไม่โกรธพวกเราเหรอ”
“ดีสิ ถ้าอาเฉินจะโกรธก็โกรธเลย พ่อไม่สนหรอกความสุขของลูกพ่อสำคัญที่สุด ไปกันเถอะสาวๆ รอพวกเราอยู่” ว่าแล้วสองคนพ่อลูกก็เดินตามกันเข้าด้านใน
อาหารเย็นมื้อนี้ค่อนข้างอบอุ่นเพราะฉลองกันตามประสาครอบครัวสี่คนพ่อแม่ลูกเหมือนเมื่อก่อน ต่างคุยกันอย่างสนุกสนานเล่าเรื่องต่างๆ ให้กันฟัง จนถึงช่วงเวลาต้องแยกย้ายกันกลับเพราะหลี่อี้หลงต้องไปบ้านเพื่อนฉลองคริสต์มาสตามแบบของหนุ่มๆ ต่อและออกท่องเที่ยวกันในวันถัดไปจึงไม่ได้อยู่ฉลองคริสต์มาสกับพ่อแม่ ส่วนหลี่หลิงหลงเองก็อยากไปฉลองกับคนรักเหมือนกัน เมื่อตอนเช้านั้นเธอโทรถามไม่ได้เธอก็จะไปให้ถึงคอนโด
สามทุ่มครึ่งหญิงสาวหยุดยืนอยู่หน้าห้องของแฟนหนุ่มแต่ทว่ากลับได้ยินเสียงแปลกๆ เธอรู้สึกว่าแฟนของตนกำลังคุยอยู่กับใครสักคน หลี่หลิงหลงแนบใบหน้าเข้ากับประตู
‘ใช่จริงๆ เขาไม่ได้อยู่คนเดียว’ เธอนึกสงสัยแต่ก็ยังปลอบใจตัวเองต่างๆ นานา
‘ไม่หรอกน่าเราคงคิดไปเองบางทีอาจจะอยู่กันหลายคนและอาจมีรุ่นน้องมาฉลองด้วย’
หลี่หลิงหลงตัดสินใจว่าจะเคาะประตูเพื่อรักษามารยาทก่อนเข้าแต่เธอเองกลับนึกขึ้นได้ว่าเสียงคุยกันนั้นมันรู้สึกคุ้นหูและไม่มีเสียงคนอื่นเลย เธอจึงแนบใบหน้าลงบานประตูอีกครั้ง
คราวนี้มันไม่ใช่เสียงคนคุยกันแต่มันเป็นเสียงครางเหมือนคนกำลังเจ็บปวดแต่ก็ไม่ใช่ เพราะบางครั้งมันมีเสียงหัวเราะเหมือนคนกำลังหยอกล้อกันอยู่ ตอนนี้ใจเธอเริ่มสั่น แม้กระทั่งมือและร่างกายก็ยังสั่นเทา
หลี่หลิงหลงยกมือที่สั่นระริกขึ้นเตรียมกดรหัสผ่านที่ เฉินไป่อี้ เคยให้เธอเอาไว้แล้วก็ต้องชะงัก มีบางอย่างผุดมาในห้วงความคิด
‘แต่ว่าห้องนี้ล็อกกลอนอีกชั้นจากด้านใน’ เธอสูดหายใจเข้าปอดลึก
‘เอาเถอะถ้ากดรหัสแล้วเข้าไม่ได้ฉันก็จะกลับ ไม่สิฉันจะเคาะเพื่อให้เขามาเปิด ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าพี่ไป่อี้อยู่กับใคร ถึงเสียงนั่นอาจจะเป็นแค่เสียงทีวีฉันก็อยากแน่ใจ’