รู้แค่ว่าชอบ
"ขอบคุณทุก ๆ คนครับ...วันนี้ทำดีมาก ขอเดินทางกลับปลอดภัยทุกคนนะ พรุ่งนี้มาลุยกันต่อ" นักรบผู้เป็นเจ้าของกล่าวขอบคุณทีมงาน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและราบรื่นในวันนี้ เขาเป็นมิตรกับลูกน้องจนพวกเขารักใคร่ ความไม่ถือตัวเป็นกันเองคือเสน่ห์ที่ทำให้คนใต้บัญชาเคารพ
(ค่ะ/ครับ)
ทีมงานทุกคนกล่าวลาและทยอยกันออกจากพื้นที่ทำงาน แต่ยังมีคุณแม่ลูกติดกับลูกสาวตัวน้อยที่ยังคงเก็บของอยู่ลำพัง ข้าวของเด็กที่มันเยอะกว่าปกติ เลยทำให้น้ำส้มยังคงง่วนอยู่ที่เดิม แถมลูกน้อยของเธอก็นอนหลับสนิท จึงทำให้ดูลำบากและล่าช้ากว่าคนอื่น ๆ เขายืนมองอยู่ห่าง ๆ พลางใช้ความคิดบางอย่าง สองจิตสองใจจะเข้าไปช่วยเหลือหรือให้เธอทำตามลำพัง
"มึงยืนมองเฉย ๆ ได้หรือวะนักรบ...ดูใจดำเกินไปนะ" พลันความคิดฉุดขึ้น ความคิดด้านดีจึงต่อต้าน นั่นจึงทำให้เขาเดินเข้าไปหาเธอเพื่อยื่นมือช่วยเหลือ "ผมช่วยครับ"
"คุณนักรบ" น้ำส้มเงยหน้ามองตามเสียง และระบายยิ้มอ่อนให้คนตรงหน้า ที่อาสาช่วยเก็บของให้
"ผมช่วยครับ" เขาตอบอย่างสุภาพ พร้อมกับหยิบจับของใส่กระเป๋าผ้า ทั้งที่เธอยังไม่ยินยอม
"ไม่เป็นไรค่ะคุณนักรบ ฉันเกรงใจคุณเป็นถึงเจ้าของบริษัทฉันแค่ลูกจ้าง เดี๋ยวคุณจะดูไม่ดี" เธอรีบแย่งของจากมือนักรบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากรับการช่วยเหลือ แต่เธอเจียมตัวเองเสมอว่าเป็นใครและควรอยู่จุดไหน การที่ระดับซีอีโอทำแบบนี้มันทำให้เธอประหม่าและเกรงใจมากกว่า
"มองผมในแง่ลบจังเลยนะครับ" เขาพูดแซวทีเล่นทีจริง เพื่อหยั่งเชิงว่าผู้หญิงตรงหน้าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ...ฉันเกรงใจคุณจริง ๆ " เธอรีบโบกมือไปมาด้วยอาการลุกลี้ลุกลน กลัวว่าคนตรงหน้าจะมองเธอในทางที่ไม่ดี ทั้งที่ไม่ได้มีเจตนามองเขาแบบนั้น แค่เธอเกรงใจที่เขาต้องลดตัวมาคลุกคลีกับคนที่ระดับไม่เท่าเทียม นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
"แต่ผมเต็มใจช่วยนะครับ อีกอย่างน้องมะนาวก็นอนหลับ คุณจะอุ้มเธอไหวได้ยังไง แถมข้าวของพวกนี้อีกตั้งเยอะ...ปฏิเสธแบบนี้ผมเสียหน้านะครับ" เขาพูดติดตลก จึงทำให้คนขี้เกรงใจอย่างน้ำส้มยากจะปฏิเสธ
"ก็ได้ค่ะ...ขอบคุณมากนะคะ งั้นฉันขอเอาของไปเก็บที่รถก่อน ยังไงฝากอยู่เป็นเพื่อนมะนาวสักแป๊บได้ไหมคะ" สุดท้ายแล้วเธอก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในลูกตื้อของผู้ชายที่ชื่อนักรบ ฝากลูกสาวไว้กับเขาชั่วคราวเพราะเป็นห่วงหากจะให้เด็กน้อยอยู่เพียงลำพังยามหลับ
"ได้ครับ" เขาตอบรับด้วยความเต็มใจและส่งยิ้มอ่อนให้
น้ำส้มจึงเดินถือของพะรุงพะรังไปเก็บยังรถยนต์ ระหว่างทางเดินเธอหันหลังกลับมามองเพราะห่วงลูกสาว จนเดินลับสายตาไปสมองก็เริ่มประมวลภาพในช่วงที่ผ่านมา การเข้าหาและพูดคุยมันทำให้เธอที่หัวใจหว้าเหว่ใจเต้นแรง ทั้งที่ในใจบอกย้ำกับตัวเองเสมอว่าสามีที่เป็นพ่อของลูกจะเป็นรักเดียวของเธอตลอดไป...
"น้องมะนาว....ขอบคุณนะที่พาอามาเจอแม่ของหนู ยัยกามเทพตัวกลม" เขามองหน้าหนูที่นอนหลับสนิท มือลูบหัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู พร้อมคำพูดที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกจริง
“คุณแม่ขา” เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกตัวตื่นก็เรียกหาผู้เป็นแม่ทันที เมื่อเธอมองแล้วไม่เห็นแม่ที่รัก
"น้องมะนาวครับ...คุณแม่เอาของไปเก็บเดี๋ยวก็มา" ผู้ชายแสนอบอุ่นบอกกล่าวเด็กหญิง
“เหรอคะ” เด็กหญิงขยี้ตาแล้วลุกนั่งด้วยอาการสะลึมสะลือ ผมเผ้าฟูฟ่องแต่ก็ยังน่ารักน่าเอ็นดู
“หิวน้ำไหมคนเก่ง” เขาถามเด็กหญิงตัวกลม
“หิวค่ะ” เธอตอบฉะฉานไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัว คงเพราะคุ้นชินและนักรบก็เป็นผู้ชายใจดีชอบเด็ก
“น้ำจ้ะ” เขาเปิดฝาน้ำดื่มแล้วยื่นให้กับน้องมะนาว
“ขอบคุณค่ะคุณอาสุดหล่อ” เธอรับน้ำด้วยสองมือป้อม ๆ แล้วดูดกินต่อเนื่องเหมือนกับไม่ได้หายใจ นั่นคงเพราะหิวกระหายน้ำสุดขีด
“น้องมะนาว” เขาเรียกเมื่อพลันนึกถึงบางอย่างได้ แต่ก็เลิ่กลั่กไม่แน่ใจจะถามในสิ่งที่อยากรู้กับเด็กดีไหม แต่ถ้าไม่ถามเขาก็คงจะคาใจอยู่แบบนี้ แม้รู้ดีว่าเป็นคำพูดเลื่อนลอยเดียงสาของเด็กน้อยวัยสร้างสรรค์
"เรียกน้องทำไมเหรอคะคุณอาสุดหล่อเวอร์ ๆ " น้องมะนาวดื่มน้ำจนอิ่มเต็มท้อง เธอตอบรับและย้อนถามอย่างไม่ติดขัด แถมยังใช้คำพูดที่ติดปากจนทำให้คนฟังรู้สึกเขินอาย
"น้องมะนาวหยุดเรียกอาแบบนั้นได้ไหม...อาเขิน"
"ก็คุณอาหล่อเวอร์ ๆ จริง ๆ นี่คะ...น้องชอบ"
"หืม!? ชอบแบบไหนครับ"
"น้องก็ไม่รู้ค่ะ รู้แค่ว่าน้องชอบ"
"ครับ ชอบก็ชอบเนอะ"
คนสองคนที่ต่างวัยนั่งพูดคุยกันอย่างกับเพื่อนที่สนิทสนม เด็กหญิงมะนาวก็เหมือนจะชมชอบผู้ชายตรงหน้ามากเหลือเกิน และเขาก็เอ็นดูเธอที่แสนพูดคุย ยิ่งได้ใกล้ก็ยิ่งน่ารัก ทำให้เขารู้สึกไม่เบื่อหน่าย มีความสุขและยิ้มได้ตลอดเวลาที่ได้อยู่กับเธอ
"ค่ะ...ว่าแต่คุณอาเรียกน้องทำไมคะ" เด็กหญิงพยักหน้าและตอบรับ จากนั้นจึงย้อนถามในคำถามที่เธอนึกขึ้นได้
"เอ่อ~~คือว่า....ที่น้องมะนาวบอกว่าอาหล่อเหมือนคนที่คุณแม่ชอบน่ะ คุณแม่น้องมะนาวชอบใครเหรอครับ" นักรบกระอักกระอวลเมื่อสิ่งที่เขาอยากรู้ แต่เพื่อไม่ให้คาใจจึงได้กระซิบชิดหูเด็กหญิงแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่ว
"อ๋อ...แป๊บนะคะน้องขอเปิดก่อน....นี่ค่ะคนนี้ที่คุณแม่บอกว่าชอบ" น้องมะนาวพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะล้วงหยิบมือถือแล้วเปิดภาพของดาราที่แม่ของเธอชื่นชอบให้คุณอานักรบดู
"เซียวจ้าน!? " นักรบพูดขึ้น
"ใช่ค่ะ น้องว่าจะซื้อเซียวจ้านเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ให้คุณแม่...คุณอาสุดหล่อว่าดีไหมคะ" เด็กหญิงนั่งเอียงคอไปมาด๊อกแด๊กอย่างน่ารัก พลางพูดในสิ่งที่เธอคิดในหัว
"ซื้อง่ายขนาดนั้นเลย" นักรับย้อนถาม เมื่อความเดียงสาของเด็กน้อยทำให้เขานึกขำ
"น้องก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ น้องยังไม่เคยซื้อ คิกคิก" เด็กหญิงตอบด้วยความเดียงสา พร้อมกับยกมือป้องปากหัวเราะขบขัน และดันทำให้ผู้ชายอย่างนักรบยิ่งเอ็นดูในความน่ารักของน้องมะนาว และมีอาการปวดหัวในคราวเดียวกันกับคำพูดของเด็กหญิงมะนาว
"เด็กกวนตีนหรือกูหน้าโง่วะ" เขาก้มหน้าบ่นกับตัวเองเบา ๆ
"คุณอาว่าอะไรนะคะ" คำพูดที่ฟังไม่ชัด ทำให้น้องมะนาวต้องย้อนถาม
"เปล่าครับเปล่า" และเขาก็ปฏิเสธเพราะเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังสำหรับเด็ก
"คุณอาสุดหล่อขา..." เด็กหญิงเรียกขานเสียงยืดยาว
"ครับ"
"น้องมีเงินเท่านี้ซื้อเซียวจ้านให้คุณแม่ได้ไหมคะ" เด็กหญิงแบมือที่เงินแบงก์ยี่สิบสามใบแล้วเอ่ยถามคุณอานักรบที่นั่งอยู่ตรงหน้า ทำเอาเขาอยากจะขำในความเดียงสาของเด็กหญิง
"อาว่าไม่น่าพอนะ เซียวจ้านเขาเป็นซุป'ตาร์ดังทั่วโลกค่าตัวแพงมาก ๆ " เขาให้คำตอบเด็กหญิง
"อย่างนั้นเหรอคะ...ถ้าคุณแม่เห็นเซียวจ้านต้องดีใจน้ำตาไหลแน่ ๆ เลยค่ะ เสียดายจังน้องอยากให้คุณแม่ดีใจ ทำยังไงดีนะเงินมีไม่พอ" เด็กหญิงทำหน้าละห้อยอย่างน่าสงสาร ปากกระจับเล็ก ๆ ก็พร่ำบ่นไปด้วย บางครั้งก็จิ้มแก้มอย่างกับคนใช้ความคิด
"น่ารักจังเลยห่วงคุณแม่ด้วย" ทำให้นักรบอดใจไม่ไหว ต้องหยิบแก้มของน้องมะนาวอย่างมันเขี้ยว
"ก็น้องรักของน้องนี่นา...คุณอาสุดหล่ออยากมารักคุณแม่เหมือนน้องไหมล่ะคะ" เด็กหญิงตอบอย่างทันท่วงที และพูดขึ้นในสิ่งที่ผู้ใหญ่อย่างนักรบตั้งหลักไม่ทัน
"!! " จนเขานั้นนิ่งไป และรู้สึกหน้าแดงเมื่อคิดไกลในสิ่งที่เด็กพูด
"คุณอามีเงินเยอะไหมคะ" จู่ ๆ เด็กหญิงก็ถามขึ้น
"ก็พอมีครับ น้องมะนาวถามทำไมเหรอ" ทำให้เขาสงสัยและได้ถามเธอต่อ การพูดคุยทำให้รู้สึกคอแห้ง เขาจึงเปิดขวดน้ำแล้วกระดกขึ้นดื่ม สายตาก็พลางมองไปยังเด็กหญิงตัวกลม ที่นั่งเหยียดขาส่ายเล่นไปมาบนที่นอนปิกนิก
"งั้นน้องขอยืมไปซื้อเซียวจ้านเป็นของขวัญให้คุณแม่ได้ไหมคะ....โตขึ้นทำงานเดี๋ยวน้องเอามาคืน"
ฟู่!! ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่มลงคอ เมื่อเด็กหญิงพูดออกมาตามความคิดที่ไร้เดียงสา