บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 สัญญาเด็กม.ปลาย (2)

สิบห้าปีต่อมา

พิชาวีร์ที่เรียนจบและได้ทำงานเป็นล่ามที่บริษัทแห่งหนึ่งในภาคเหนือ นอกจากงานล่ามแล้วยังมีงานเสริมอย่างงานแปลอีกด้วย และคิดว่างานแปลมันคงจะเป็นงานเสริมอย่างนี้ไปตลอดตราบที่เธอยังมีงานประจำอยู่ ทว่าทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะจู่ ๆ คนเป็นแม่ก็เกิดล้มป่วยกะทันหัน ไม่มีใครดูแล จากที่เมื่อก่อนกลับไปเยี่ยมท่านปีละสองสามครั้ง ตอนนี้จำต้องลาออกจากงานประจำมาอยู่ที่บ้านเป็นการถาวร

ปกติเธอจะจ้างหลานสาวที่เป็นญาติห่าง ๆ มาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนของคนเป็นแม่พอมาเป็นอย่างนี้ เด็กที่เพิ่งอยู่แค่ประถมปลายก็คงดูแลไม่ไหว งานแปลที่เคยคิดว่าจะเป็นแค่งานเสริมตอนนี้เลยกลายมาเป็นงานหลักไปเสียแล้ว ซึ่งมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร กลับคิดว่าดีนะที่ตัวเองมาจับงานนี้ไม่อย่างนั้น ด้วยการที่ต้องดูแลคนเป็นแม่ตลอดเวลา จะไปหางานที่ต้องเข้าออฟฟิศหรือตะลอนออกไปตามสถานที่ต่าง ๆ เหมือนงานล่ามก็คงไม่ได้ ดังนั้นงานที่ทำผ่านออนไลน์มันคือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้

เมื่อกลับมาบ้าน สิ่งที่ได้รับรู้จากคนเป็นหมอคือแม่ของเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เรื่องนี้ทำเอาเธอและญาติ ๆ พี่น้องช็อกไปตาม ๆ กัน เพราะมันไม่มีการแสดงอาการให้เห็นมาก่อน พอมาเจอก็หนักแล้ว

“แม่เป็นไงบ้างคะ” หญิงสาวถามคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล

“สบายดี แม่อยากกลับบ้าน” นางบอกเสียงแผ่ว ต่างกับคำว่าสบายดีของเจ้าตัวมากโข

“ให้แม่แข็งแรงขึ้นอีกหน่อยหมอก็น่าจะให้กลับแล้วล่ะค่ะ” พิชาวีร์ยิ้มพลางลูบหลังมือปลอบคนเป็นแม่ แม้จะดูไม่มีทางเป็นไปได้เลย

“แม่ไม่ชอบบรรยากาศในนี้เลย” นางพัดชายังไม่วายบ่น ได้ยินอย่างนั้นพิชาวีร์ก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปรับมื้อเที่ยงจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล

“กินข้าวกันดีกว่าค่ะ” พิชาวีร์บอกขณะที่ปรับเตียง แล้วเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เตรียมตักข้าวป้อน

“ข้าวโรงพยาบาลไม่อร่อย ไข่เจียวที่บ้านยังอร่อยกว่าเลย” นางบ่นอีกครั้ง แต่พิชาวีร์ก็ไม่คิดจะถือสา “งั้นก็กินเยอะ ๆ นะคะ จะได้แข็งแรง คุณหมอจะได้ให้กลับเร็ว ๆ”

ถึงจะบอกอย่างนั้น แต่แม่ของเธอก็กินไปไม่กี่คำก็เบือนหน้าหนี เมื่อกินยาเสร็จก็บ่นอยากกลับบ้าน ไม่นานก็หลับไป

“รีบหายไว ๆ นะคะ” พิชาวีร์ลูบศีรษะที่ผมสีดำมีสีขาวขึ้นแซมมามากกว่าครึ่งอย่างอ่อนโยน แม้ในความเป็นจริงมันจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน

“เอย”

เสียงนุ่มทุ้มที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พิชาวีร์ที่มัวแต่เหม่อมองคนเป็นแม่อย่างสงสารหันกลับไปแล้วเธอก็ได้เห็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นสิบกว่าปี

“ไอ้ผา”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับยิ้ม ๆ แล้วเดินเข้ามายืนข้าง ๆ หญิงสาว ทอดสายตามองนางพัดชาที่แตกต่างไปจากเดิมค่อนข้างมาก แม้จะเพิ่งมานอนในโรงพยาบาลได้แค่ไม่กี่วันก็ตาม “คุณหมอว่ายังไงบ้าง”

“ก็รักษาตามอาการแหละ” พิชาวีร์บอกเสียงเศร้า

“แล้วนี่แกกินอะไรหรือยัง” ภูผาถามอย่างเป็นห่วง เพราะดูจากสภาพแล้วนอนก็คงไม่เต็มอิ่ม เรื่องกินคงไม่ต้องพูดถึง และก็ตามคาด

“ยังเลย”

“อยากกินอะไรฉันจะไปซื้อให้”

“อะไรก็ได้” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ จนคนเป็นน้าที่ฝากร้านให้สามีดูแลแทนและมาดูอาการพี่สาวอย่างนางพัดชาเดินเข้ามาพอดีต้องบอก “เอยไปหาอะไรกินก่อนสิ เดี๋ยวน้าดูพี่อายเอง ไปยืดเส้นยืดสายหน่อย” คนเป็นน้าตบที่ไหล่ของหลานสาวเบา ๆ ก่อนจะยกมือรับไหว้ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเตียง

“งั้นไปหากินที่ร้านแถว ๆ นี้ก็ได้ปะ” ไม่พูดเปล่าภูผายังเข้าดันร่างของหญิงสาวให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ลากออกจากห้องพักฟื้นคนป่วยออกไปข้างนอก “ทำตัวให้มันสดชื่นหน่อยสิ อย่างน้อยก็ต่อหน้าป้าอาย ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างห่อเหี่ยว คนที่จะทรุดหนักคือคุณป้านะ” ภูผาเตือนสติเมื่อเห็นท่าเดินที่เหมือนคนไร้เรี่ยวแรงของพิชาวีร์

“แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าแกขออ่อนแอไม่ได้เหรอ” พิชาวีร์มองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เหนื่อยล้า

“ได้อยู่แล้ว” ภูผาดึงร่างของอีกฝ่ายมากอดและตบที่หลังบอบบางนั้นเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจแล้วส่งยิ้มอบอุ่นให้ “ฉันเป็นที่พึ่งให้แกได้เสมอนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel