บทที่ 11 บ่อหมื่นพิษ
ในค่ำคืนที่ไร้แสงเดือนดาว สายลมหนาวเย็นพัดผ่านไปทั่วทั้งฟูเจี้ยน ผู้คนต่างก็เข้านอนกันเสียส่วนมากแล้ว แต่ก็ยังมีเพียงบางคนเท่านั้นที่ยังทำงานอยู่ในขณะที่ผู้อื่นต่างก็ไปพักผ่อนกันหมดแล้ว หนึ่งในผู้คนเหล่านั้นก็คือชายที่ชื่อถังจิ้งสิน เขาเป็นเพียงคนระดับล่างในตระกูลถัง ถูกคนรังแกเฉกเช่นเดียวกับถังเฟยหู่ก็เพราะว่าเขาเกิดมาพร้อมจิตวิญญาณอสรพิษมรกตระดับหนึ่ง
คืนนี้เองก็เหมือนเช่นทุกค่ำคืน ถังจิ้งสินจำต้องทำหน้าที่เป็นเพียงคนเฝ้ายาม แต่นี่เองก็เป็นการตัดสินใจของเขาเองเช่นกัน เพราะด้วยระดับจิตวิญญาณที่ต่ำเช่นนี้ทำให้ใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลยากลำบากนัก หากไปพบเจอผู้คนอื่นก็จะถูกกลั่นแกล้ง แต่หากทำหน้าที่เฝ้ายามแบบนี้แล้วก็จะไม่จำเป็นต้องพบเจอผู้ใดอีก
เขาถือตะเกียงเดินสอดส่องไปทั่วทั้งทางเดิน ทุกตึกยังสงบเงียบเหมือนเช่นที่มันเป็นในทุกๆวัน เขาเดินไปทั่วทั้งตึกนอกตึกใน จนเดินมาถึงส่วนในสุดซึ่งเป็นสถานที่สำคัญของตระกูล มันเป็นตึกหลังเล็กที่ดูเก่าแก่ ป้ายไม้สีซีดด้านบนเขียนไว้เพียงไม่กี่อักษรอยู่บนนั้น มันถูกเขียนไว้ด้วยอักษรสีเขียวแก่ว่า บ่อหมื่นพิษ
บ่อหมื่นพิษนี้ไม่ว่าจะระดับสูงหรือระดับต่ำภายในตระกูลต่างก็รู้จักดี หากเป็นคนสกุลถังไม่ว่าจะตั้งอยู่ที่แห่งไหนก็จำต้องมีบ่อหมื่นพิษทั้งนั้น ของวิเศษนี้เปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตให้แก่สกุลถัง จิตวิญญาณอสรพิษมรกตนั้นหากได้พัฒนาจนถึงระดับสี่แล้ว การแช่ตัวลงในบ่อหมื่นพิษเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาไปสู่ระดับห้า บ่อหมื่นพิษจะเสริมสร้างร่างฐานและพัฒนาพลังด้านต่างๆให้แก่อสรพิษมรกต แต่หากจิตวิญญาณที่ยังไม่ถึงระดับสี่ลงไปแช่ในบ่อวิเศษนี้แล้ว ความเข้มข้นของปริมาณพิษที่มากมายและหลากหลายจะฆ่าจิตวิญญาณนั้นในทันที
การสร้างบ่อหมื่นพิษจำเป็นต้องใช้เวลามากมายหลายปี ทั้งยังใช้ทรัพยากรมากมาย พิษหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังจำต้องให้คนสกุลถังจำนวนมากใช้จิตวิญญาณอสรพิษมรกตปลดปล่อยพิษสู่บ่อหมื่นพิษอยู่เป็นนิจ แม้คนที่มีสายเลือดตระกูลถังจะมีจิตวิญญาณรูปแบบเดียวกันก็ตาม แต่พิษของอสรพิษแต่ละตัวก็มีรูปแบบที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป คล้ายกับลายพาดกลอนของพยัคฆ์ แม้มองโดยผิวเผินแล้วจะดูเหมือนกัน แต่ไม่มีพยัคฆ์ตนใดในโลกนี้ที่จะมีลายเหมือนกันเต็มสิบส่วน พิษของจิตวิญญาณอสรพิษมรกตก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
ถังจิ้งสินหยุดยืนมองตึกหลังเล็กซึ่งเก็บบ่อหมื่นพิษอย่างเหม่อลอย ในวัยเด็กเขาเคยมีความหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะเติบโตเป็นนักรบผู้เก่งกาจ ได้ปลุกจิตวิญญาณระดับสูง รวมถึงแม้แต่ได้แช่จิตวิญญาณของตนลงในบ่อหมื่นพิษ พุ่งทะยานสู่จิตวิญญาณระดับห้า แต่ทุกสิ่งก็สลายหายไปในวันที่เขาปลุกจิตวิญญาณของตนขึ้นมา เขาค้นพบว่าจิตวิญญาณของตนเป็นได้แค่ตัวตนระดับต่ำ เขาเป็นได้เพียงขยะของตระกูล
“เฮ้ออ..” ถังจิ้นสินถอนหายใจให้ตัวตนอันเต็มเปี่ยมด้วยความหวังในวัยเด็กของตนเอง เขาหันกลับมาและเดินตรวจตราต่อ แต่เมื่อหันกลับมา หัวใจของถังจิ้งสินราวกับจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อหันกลับมานั้น แสงไฟจากตะเกียงส่องกระทบเข้ากับบางสิ่งที่ด้านหลังของตนเอง มันคือบุรุษผู้หนึ่งซึ่งสวมใส่ชุดผ้าแพรหรูหรา ผมสีดำยาวซึ่งถูกรวบและปักด้วยปิ่นทองรูปอสรพิษ อีกทั้งยังสวมใส่ไว้ด้วยหน้ากากงิ้วสีดำซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามพวกนักแสดงกายกรรม ถังจิ้งสินตัดสินใจหยิบมีดพกในอกเสื้ออกมาและแล้วแทงไปยังคนลึกลับนั้นทันที แต่ยังไม่ทันที่มีดพกนั้นจะได้ออกมาพ้นฝัก ชายลึกลับนั้นก็ได้ใช้ฝ่ามือดันมีดของเขากลับเข้าไปในฝักทันที ถังจิ้งสินพยายามที่จะออกแรงต่อต้านแต่ก็ไม่เป็นผลเสียเท่าไหร แต่เมื่อสังเกตดีๆแล้วไม่ใช่แรงของชายลึกลับที่ฉุดรั้งแขนของเขาไว้ เขาหันกลับไปมองที่แขนของตนก็พบว่ามีจิตวิญญาณอสรพิษมรกตตนหนึ่งฉุดรั้งแขนของตนเองเอาไว้จึงทำให้ออกแรงดันกลับไปไม่ได้
แต่นั่นก็ทำให้ทราบว่าคนลึกลับผู้นี้ที่แท้ก็คือคนสกุลถังเช่นกัน ถังจิ้งสินลดมือลงและประสานมือคาราวะแทน เขาเป็นเพียงคนระดับล่างของตระกูลเท่านั้น เสื้อผ้าแลดูซอมซ่อ ต่างจากคนลึกลับซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา คงจะเป็นหนึ่งในคุณชายของตระกูลเป็นแน่
“ขออภัยคุณชายด้วยขอรับ”
“ไม่เป็นไร” ชายลึกลับคนนั้นตอบ
“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณชายคือ...”
“…” ชายลึกลับยังคงทำตัวนิ่งเฉยเช่นเดิม ไม่มีแม้แต่ปฎิกิริยาตอบโต้
“คือข้าต้องขอให้ท่านยืนยันตัวตนของท่านรวมถึงเผยหน้าภายใต้หน้ากากออกมาด้วยขอรับ คือข้าไม่ต้องการจะล่วงเกินท่าน แต่ข้าต้องทำไปตามหน้าที่ขอรับ” เมื่อถังจิ้งสินกล่าวเสร็จแล้ว ชายลึกลับผู้นั้นก็ได้หยิบตราสกุลถังออกมาแสดงให้แก่ถังจิ้งสิน จากนั้นชายลึกลับจึงค่อยนำมือซ้ายของเขานำมาปลดหน้ากากออกมาครึ่งหนึ่ง แสดงใบหน้าฝั่งขวาของตนให้แก่ถังจิ้งสินได้ชม
“คาราวะ คุณชายถังชิง!” ถังจิ้งสินรีบคาราวะชายลึกลับอีกรอบหนึ่งเมื่อเห็นใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นอย่างถนัดตา ซึ่งเมื่อถังจิ้งสินได้เห็นใบหน้าของชายลึกลับแล้ว เขาก็ได้นำหน้ากากมาสวมใส่อย่างเดิมอีกครั้ง
“ข้าพึ่งกลับมาจากเที่ยวเล่นภายนอกจึงได้นอนไม่หลับ ขอข้าเดินเล่นอีกสักพักแล้วกัน เจ้าไปกลับไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ” ชายลึกลับเอ่ยเสร็จจึงค่อยเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าตึกซึ่งได้เก็บบ่อหมื่นพิษไว้ เขาเหม่อมองมันเช่นเดียวกันกับถังจิ้งสินก่อนหน้านี้
ถังจิ้งสินเองเมื่อได้ยินดังนั้นจึงได้เดินตรวจตราต่อ แต่ก่อนไปนั้นเขาก็ได้หันกลับไปมองผู้ที่เขาเชื่อว่าเป็นถังชิงอย่าง งงงวยอีกครั้งหนึ่ง ตามปกติแล้วเขาแทบไม่เคยเห็นถังชิงเดินมายังบ่อหมื่นพิษแห่งนี้แม้แต่ครั้งเดียว ผู้ที่ถูกเรียกว่าผู้มีพรสววรค์ของตระกูลทำไมถึงได้มองไปยังตึกหลังนี้ด้วยสายตาเช่นเดียวกันกับเขา แต่ถังจิ้งสินก็เลิกคิดให้มากความต่อไปและเดินตรวจตราไปยังส่วนอื่นๆของตระกูลอีกครั้งหนึ่ง
บุรุษลึกลับนั้นเมื่อเห็นว่าถังจิ้งสินได้จากไปไกลแล้ว ตนเองจึงค่อยเปิดประตูตึกหลังเล็กเบื้องหน้าเข้าไปในทันที เมื่อเปิดออกแล้วนั้น กลิ่นหอมอันแปลกประหลาดได้โชยออกมาแตะยังจมูกของเขา นี่คงจะเป็นกลิ่นของบ่อหมื่นพิษที่ถูกร่ำลือต่อกันมาในตระกูลถัง กลิ่นหอมนี้ราวกับมีอำนาจล่อลวงวิเศษบางอย่างเพื่อเชื้อเชิญให้ไปหามัน ว่ากันว่าในธรรมชาตินั้น สิ่งที่ดูงดงามและหอมหวานมักจะแฝงไปด้วยพิษร้าย คงเป็นเฉกเช่นเดียวกันกับบ่อหมื่นพิษนี้ ชายหนุ่มเมื่อเข้ามาด้านในและจึงค่อยปิดประตูอย่างเงียบเชียบและเดินตรงเข้าไปสู่ด้านในของตึกหลังนี้ เมื่อเปิดประตูอีกบานหนึ่งเข้ามาเขาก็ได้พบเข้ากับบ่อน้ำขนาดเล็กซึ่งมีสีเขียวเข้มข้น ในบ่อนี้ราวกับมีระลอกน้ำไหลวนเวียนตลอดเวลา คล้ายกับมีตัวตนบางอย่างถูกสิงสู่อยู่ภายในบ่อแห่งนี้ ชายลึกลับเมื่อเห็นบ่อหมื่นพิษแล้วก็ทำการปลดเปลื้องเสื้อผ้าทั้งตัวออกรวมถึงหน้ากากงิ้วใบนั้นด้วย แต่ยังไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังนำมือของตนมาฉีกใบหน้าของตนออกไป
ที่แท้ ใบหน้าของถังชิงที่ถูกพบเห็นโดยถังจิ้งสินเป็นเพียงหน้ากากแปลงโฉมที่แนบเนียนมากใบหนึ่งเท่านั้น ภายใต้หน้ากากหนังนั้น ที่แท้ผู้ที่ได้ลอบเข้าบ่อหมื่นพิษก็คือถังเฟยหู่เอง เขาเร่งเดินลมปราณห้าพิษในทันทีจนละอองปราณสีเขียวหมุนวนเวียนอยู่รอบตัวของเขา จากนั้นถังเฟยหู่จึงค่อยโดดลงไปและจมลงสู่ก้นบ่อ นั่งสมาธิเดินลมปราณอยู่ที่ใจกลางของบ่อหมื่นพิษ
ในครานี้นั้นเขาได้ลงมาแช่ตัวในพิษร้ายนี้แต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้นำจิตวิญญาณอสรพิษมรกตของตนเองออกมาด้วย เหตุเป็นเพราะจิตวิญญาณของเขายังมีระดับต่ำเกินไปสำหรับบ่อหมื่นพิษนี้ และถึงแม้ว่ามันจะตายไปก็สามารถคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งได้ก็ตามที แต่มันยังคงมีความเจ็บปวดอยู่ การฆ่าจิตวิญญาณซึ่งอยู่กับตนเองมาตั้งแต่เกิดนั้นดูจะโหดร้ายเกินไปสักหน่อยสำหรับถังเฟยหู่ เขาเดินพลังปราณห้าพิษเพื่อเร่งรีบดูดกลืนพิษร้ายทั้งหมดจากบ่อพิษนี้ แต่ภายใต้บ่อพิษนี้ราวกับมีภาพมายาพญางูใหญ่หลายตัวว่ายวนเวียนลายล้อมอยู่รอบตัวของเขา นี่คงจะเป็นดวงจิตของบ่อหมื่นพิษที่จุติกลายมาเป็นรูปร่างขึ้นมา บ่อหมื่นพิษที่ถูกรวบรวมมาเป็นเวลานานหลายปี จากชีวิตของสัตว์อสูรมีพิษจำนวนมาก รวมถึงชีวิตของคนในตระกูลรุ่นก่อนๆที่เคยลูกลงโทษโดยการประหารโดยบ่อหมื่นพิษ ความอาฆาตจำนวนมากได้ก่อตัวขึ้นจนกลายเป็นรูปร่าง ภาพมายาพญางูใหญ่นั้นเฝ้ารอเพื่อให้ถังเฟยหู่ตกตายไปอีกคนหนึ่งเพื่อเพิ่มพลังให้แก่บ่อหมื่นพิษ แต่มันนั้นคาดคิดผิดไป พลังของพวกมันเริ่มอ่อนแอลง ปริมาณพิษน้อยลงทุกขณะ ราวกับร่างกายของชายหนุ่มเป็นภาชนะไร้ก้นซึ่งดูดกลืนพิษจากทั้งบ่อราวกับร่างกายของเขาเป็นหลุมดำซึ่งดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง
อ๊ากกกก
ดวงจิตพญางูของบ่อหมื่นพิษจำนวนมากร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด เมื่อพิษภายในบ่อที่เปรียบเสมือนชีวิตของมันถูกดูดกลืนลงไป ชีวิตของพวกก็เริ่มสูญสลายหายไป แต่พวกมันไม่ยอมรับชะตากรรมเยี่ยงนี้เพียงง่ายๆ มันพวกแทรกซึมเข้าสู่ร่างของถังเฟยหู่แทน สิ่งสู่อยู่ภายในร่างกายของชายหนุ่มแทนที่จะเป็นบ่อหมื่นพิษ ถังเฟยหู่เองก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขา แต่พวกมันไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายใดๆต่อตัวเขาเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้ปล่อยให้มันได้เข้ามาภายในร่างของตนเองอย่างไม่ต่อต้านใดๆ ดวงจิตพญางูเมื่อเข้ามาสู่ร่างกายของเขาแล้วก็ได้แทรกตัวเข้าไปภายในตันเถียนของเขา จากนั้นจึงค่อยเข้าไปภายในห้วงวิญญาณของเขาและอาศัยอยู่ภายในนั้น
การดูดกลืนพิษยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆนานหลายชั่วยามจนถึงช่วงฟ้าสาง ถังเฟยหู่จึงค่อยแต่งกายด้วยชุดของตัวเองที่ซ่อนไว้ เขาลอบออกไปพุ่มไม้ด้านข้างของตึกเล็กหลังนี้ เมื่อแหวกพุ่มไม้นั้นออกก็พบกับถังชิงในสภาพเปลือยเปล่าที่หลับไหลไม่ได้สติ เขาได้นำเสื้อผ้าของถังชิงที่ขโมยไปสวมใส่นำกลับมาใส่คืนให้แก่ถังชิง จากนั้นจึงค่อยแบกร่างของถังชิงไปวางทิ้งไว้ภายในบ่อหมื่นพิษซึ่งตอนนี้เหือดแห้งไม่เหลือน้ำแม้เพียงสักหยดเดียว พร้อมทั้งโยนหน้ากากงิ้วที่ตนเองใส่เมื่อคืนไว้ข้างตัวของถังชิงอีกด้วย เมื่องานทั้งหลายเสร็จสิ้นแล้ว ถังเฟยหู่จึงค่อยแอบออกไปอย่างเงียบเชียบ โดยไม่ลืมที่จะเปิดประตูตึกหลังเล็กนี้ไว้ก่อนที่จากไปพร้อมรอยยิ้มที่ดูแปลกพิกล เขากลับมาสู่ห้องนอนของตนโดยที่ไม่ถูกใครพบเห็น จากนั้นจึงค่อยนั่งสมาธิเดินพลังปราณอยู่บนเตียงของตนต่อไป เขาเพียงดูดกลืนพิษทั้งหลายเข้าสู่ร่างกายของตนเอง แต่ยังไม่ได้ทำการดูดซึมพิษทั้งหลายเข้าสู่ชีพจรเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะการฝึกวิชาปราณห้าพิษ รวมทั้งมีจิตวิญญาณอสรพิษมรกต และรวมถึงการผ่านพิษหลากหลายรูปแบบมาจึงทำให้ตัวของเขานั้นทนทานต่อพิษได้มากมายมหาศาล เหนือกว่าผู้อื่นในตระกูลหลายเท่านัก
ในตอนนี้ร่างกายเขาเหมือนเป็นเพียงภาชนะที่กักเก็บพิษจำนวนมากไว้ในร่างกายแต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อันใด แต่ทุกวินาทีที่ผ่านไป พิษทั้งหลายจะเริ่มสลายไปเรื่อยๆ นี่จึงทำให้ถังเฟยหู่เร่งรีบกลับมายังที่พักของตัวเองและทำการดูดกลืนพลังพิษทั้งหลายสู่ชีพจรพิษของตนเอง
ถังเฟยหู่เร่งเดินพลังตามเคล็ดวิชาปราณห้าพิษ ชักนำพิษจำนวนมากในร่างกายให้เข้าสู่เส้นเลือดและชีพจร จากนั้นจึงนำพิษมหาศาลเหล่านั้นไหลเวียนไปตามเส้นเลือดและชีพจรทั่วร่างกาย ดึงดูดเข้าสู่ชีพจรพิษทั้งร่าง ถังเฟยหู่ฝึกฝนปราณห้าพิษอย่างบ้าคลั่งจนลืมวันคืน อาจเป็นเพราะเขาไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใดอยู่แล้วจึงทำให้ไม่มีใครสังเกตมากนักว่าเขานั้นได้หายไปไหน
ในเช้าวันเดียวกันนั้น ผู้อาวุโสคนลำดับที่สามซึ่งเป็นผู้ดูแลหมู่ตึกต่างๆภายในตระกูลเดินสอดส่องไปทั่วทั้งอาณาเขตตระกูลตามวิสัยปกติที่เขามักจะทำทุกเช้าหลังจากตื่นนอนเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย เขาเดินไปตามทางทั้งหลาย เมื่อเห็นรอยร้าวหรือฝุ่นจับตรงไหนก็ตาม ผู้อาวุโสลำดับที่สามก็มักจะจดบันทึกลงในสมุดบันทึกของตนเองด้วยพู่กันคู่ใจของตนเอง
เอี๊ยดดด
เสียงบานพับไม้ที่เสียดสีกันเพราะความเก่าของมันดังขึ้น คิ้วของผู้อาวุโสลำดับสามกระตุกอย่างถี่รัวพร้อมกับเส้นเลือดที่ขมับซึ่งเต้นอยู่ไหวๆ สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือความไม่สมบูรณ์แบบ หมู่ตึกทุกหลังที่อยู่ในความดูแลของเขานั้นจำต้องสมบูรณ์แบบทุกอย่าง ใครกันที่มันกล้ามาเปิดประตูทิ้งไว้ต่อหน้าต่อตาของเขา ผู้อาวุโสลำดับสามรีบวิ่งไปทางต้นเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไปถึงตรงนั้นเขาถึงกับปากอ้าตาค้าง ประตูตึกซึ่งเก็บบ่อหมื่นพิษไว้กลับถูกเปิดทิ้งไว้ ใครกันที่บังอาจเข้าไปเล่นในพื้นที่สำคัญของตระกูลเช่นนี้! ผู้อาวุโสลำดับสามรีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที แต่สิ่งที่เขาพบเห็นนั้นแทบทำให้เขาล้มทั้งยืน บ่อหมื่นพิษที่สำคัญของตระกูลสูญหายไปไม่เหลือแม้เพียงสักหยดเดียว! สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงเด็กหนุ่มขี้เมาคนหนึ่ง
ผู้อาวุโสลำดับสามรีบกระโดดลงไปยังก้นบ่อและกระชากเสื้อของถังชิงขึ้นมาและตะโกนถามทันทีด้วยเสียงอันดังจนทำให้คนทั้งตระกูลตื่นตกใจเร่งรีบมาที่เกิดเหตุนี้ในทันที “เฮ้ยย! ไอ้หนูถังชิง!! แกทำอะไรลงไป!!!!” ไม่นานนักผู้อาวุโสรวมถึงผู้เยาว์ที่สังเกตถึงความวุ่นวายต่างรีบเข้ามาเพื่อชมดูในทันที
ผู้อาวุโสทั้งหลายเมื่อมาถึงแล้วก็มีอาการไม่ต่างกันกับผู้อาวุโสลำดับสาม บ่อหมื่นพิษนั้นเป็นสิ่งวิเศษเพื่อพัฒนาคนรุ่นใหม่ของตระกูลถังให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นชนชั้นแนวหน้าได้เทียบเท่าตระกูลอื่น แม้ในตอนนี้จะไม่เห็นผลอันใดมากนัก แต่ตระกูลถังแห่งฟูเจี้ยนนับจากนี้ อาจถึงกับไม่อาจมีผู้อาวุโสรุ่นใหม่ที่มีจิตวิญญาณพัฒนาถึงระดับห้าได้ ถึงแม้จะมีก็ตาม แต่โอกาสคงมีน้อยจนแทบเป็นไปไม่ได้
หลายสิบปีนับต่อจากนี้ นับว่าตระกูลถังแห่งฟูเจี้ยนอาจจบสิ้น กลายเป็นเพียงตระกูลอันดับล่างภายในเมืองไปเลยก็ได้ ผู้อาวุโสทุกคนไล่ให้ผู้เยาว์ทั้งหลายออกไปในทันทีและสั่งห้ามไม่ให้ใครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด!
เหล่าผู้อาวุโสที่มีสีหน้าเคร่งเครียดนั้นได้นำพาถังชิงไปยังตึกลงทัณฑ์ เพื่อให้ผู้อาวุโสที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุมกฎจัดการให้ถังชิงเอ่ยปากให้ได้ว่าทำอะไรลงไป ถังชิงเมื่อตื่นขึ้นมาก็งงงวยเป็นอย่างมากที่ถูกจับมายังตึกลงทัณฑ์
“ปล่อยข้าออกไป!!!” ถังชิงตะโกนลั่นจนเส้นเสียงแทบจะขาด เขาถูกล่ามโซ่เข้ากับกำแพงภายในตึก เขาได้ถูกลงทันฑ์หมื่นอสรพิษ ถังชิงถูกสัตว์อสูรงูพิษหลากหลายชนิดฉีดพ่นพิษใส่ร่างกายให้พิษเหล่านั้นสร้างความทรมาณแก่เขาอย่างแสนสาหัส หลังจากนั้นค่อยให้ยาถอนพิษ จากนั้นค่อยให้สัตว์อสูรงูพิษทั้งหลายฉีดพ่นพิษต่อไป เป็นอย่างงี้วนไปเรื่อยๆจนกว่าผู้คุมกฎจะพอใจ
อ๊ากกกกก
เสียงร้องอันทรมาณของถังชิงดังโหยหวนไปทั่วทั้งตระกูลเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนจนทุกคนนั้นชินชากับเสียงนี้ซะแล้ว เมื่อไม่ได้ความอะไรเลยจากถังชิง เรื่องทั้งหลายจึงลงเอยด้วยการสรุปว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความเมามายของถังชิง เมื่อคราที่ถังชิงถูกปล่อยตัวออกจากตึกลงทัณฑ์ มีเพียงเพื่อนของเขาสามคนเท่านั้นที่มารอรับเขาอยู่ที่เบื้องหน้านี้ ผู้คนทั้งหลายที่เคยรายล้อมต่างหนีหายเมื่อเขาทำพลาดเพียงหนึ่งครั้ง สูญเสียทั้งอำนาจและความนับหน้าถือตาภายในตระกูล แม้แต่ผู้เป็นพ่อแท้ๆยังไม่เคยมาเยี่ยมเยียนเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ความผิดครั้งนี้นับว่าใหญ่หลวงจนเกินไป แม้แต่ทางตระกูลยังลงโทษเขาต่อด้วยการไม่ให้ทรัพยากรในการฝึกฝนอีกต่อไป รวมกับการลงทัณฑ์จากผู้คุมกฎนานนับเดือนเพื่อลงโทษความผิดครั้งนี้
แม้ดูเหมือนว่ามันจะหนักหนาสำหรับถังชิงจนเกินไป แต่หากเทียบกับการที่ทำลายอนาคตของคนรุ่นใหม่ทั้งตระกูลนั้นนับว่ายังน้อยจนเกินไปเสียด้วยซ้ำไป ถังชิงนั้นหันไปมองเหล่าเพื่อนทั้งสามคนที่มาต้อนรับเขาทั้ง ถังเหยียน ถังหลิวและถังฝู เขาจะจดจำภาพในวันนี้ตลอดไป เพื่อนแท้ของเขามีเพียงสามคนนี้เท่านั้น
“ข้า….ขอบใจพวกเจ้ามาก..” ถังชิงแย้มยิ้มพิกลให้แก่คนทั้งสาม
“อย่าคิดมากไปเลยถังชิง ไม่มีบ่อหมื่นพิษแล้วยังไง ฮ่าๆๆๆ ด้วยพรสวรรค์ของพวกเรา การจะก้าวสู่จิตวิญญาณระดับห้านั้นไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้นว่าพวกเราจะบรรลุไปถึงในวันไหน” ถังเหยียนกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันจริงใจ
“ถูกของถังเหยียนแล้วละ” ถังหลิวกล่าว
“ใช่แล้ว หากเจ้าโดนลงโทษให้ไม่ได้รับทรัพยากรเพื่อฝึกฝน ข้าก็จะแบ่งส่วนของข้าให้แก่เจ้าไปก็ได้ เป็นสหายกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน” ถังฝูกล่าวขึ้นมาเพื่อเห็นความลำบากที่สหายของตนเองได้รับ
“ถังฝูพูดถูกแล้ว งั้นนับแต่นี้ ทรัพยากรของพวกเราสามคนจะนำมารวมกันและแบ่งเป็นสี่ส่วนให้แก่ทุกคนเท่าๆกันเป็นยังไง?” ถังเหยียนเสนอขึ้นมา
“พวกข้าเห็นด้วย” ถังหลิวและถังฝูเอ่ยสนับสนุนความคิดของถังเหยียน
“พวกเจ้า…ขอบคุณพวกเจ้าจริง” ถังชิงยิ้มให้พวกเขาด้วยรอยยิ้มจริงใจที่สุดในชีวิตของตัวเขาเอง “พวกเราสี่อสรพิษ จะไม่มีวันทิ้งกัน!”
“ถูกของเจ้าแล้วถังชิง แต่เจ้าสัญญากับพวกเราได้ไหม…ว่านับจากนี้เจ้าจะไม่ดื่นสุราอีกเป็นอันขาด!” ถังหลิวกล่าวขึ้นมาเพื่อต้องการให้สหายของตนอย่าได้ทำผิดซ้ำสองเช่นนี้อีก ซึ่งหลังจากนางกล่าวไปแล้วทุกคนต่างก็หัวเราะชอบใจกัน
“ฮ่าๆๆๆ ได้! ข้าสัญญากับพวกเจ้า” ถังชิงเอ่ยคำสัญญามา นับจากนี้จะไม่มีถังชิงผู้เมามายสุราและมัวเมากับอิสตรีอีกแล้ว ไม่นึกเลยว่าแผนการณ์ขโมยบ่อหมื่นพิษของถังเฟยหู่จะให้ผลออกมาเช่นนี้ ในคราแรกนั้นถังเฟยหู่คิดเพียงต้องการจะหาแพะรับบาปแทนตนเพราะหากตระกูลไม่อาจจับมือใครดมได้ก็จะเริ่มสืบค้นลึกขึ้น จนถึงขั้นอาจพบปราณพิษจำนวนมากในร่างกายของเขาได้ เขาจึงได้ใช้ถังชิงผู้ที่กลั่นแกล้งเขามาตั้งแต่เด็กเพื่อเป็นแพะรับบาป แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าผลจะกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปเสียได้
ในวันที่ถังชิงถูกปล่อยตัวออกมานั้น เป็นวันเดียวกันกับที่ถังเฟยหู่สามารถดูดกลืนพิษจากบ่อหมื่นพิษเข้าสู่ชีพจรพิษทั้งหมดในร่างกายได้สำเร็จ ภายในห้องพักของถังเฟยหู่ ผิวหนังซึ่งกลายเป็นสีเขียวใสราวกับแก้วผลึกของเขานั้นได้เกิดรอยร้าวขึ้นจำนวนมากเริ่มจากหน้าผากและลามไปจนทั่วทั้งตัวของเขา
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
เสียงแตกร้าวดังขึ้นไม่หยุดจากผิวหนังและทั่วทั้งร่างกายของถังเฟยหู่ ชิ้นส่วนแก้วสีเขียวใสหลุดร่วงลงจากร่างกายของเขาจำนวนมาก ไม่นานนักผิวหนังที่หลุดร่วงลงมาทั้งหมดนั้นได้เผยให้เห็นผิวขาวเรียบเนียนด้านใน นี่คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการผลัดเปลี่ยนผิวหนังราวกับการลอกคราบ ทางเดียวที่จะก่อให้เกิดสภาวะเช่นนี้ได้คือ
ปราณห้าพิษขั้นที่สาม
ด้วยพิษมากมายมหาศาลกลับทำให้เขาสำเร็จได้เพียงแค่ขั้นที่สามจากห้าขั้นของปราณห้าพิษเพียงเท่านั้น สิ่งนี้นับว่าเหนือความคาดหมายของชายหนุ่มไปไกลนัก ในคราแรกเขาค่ดหวังว่าบ่อหมื่นพิษจะทำให้เขาสำเร็จได้ถึงขั้นที่ห้า แต่ยิ่งฝึกปราณห้าพิษมากเท่าไหร จำนวนพิษที่ใช้ในการฝึกฝนยิ่งทวีจำนวนที่ใช้มากขึ้นไปด้วย แม้วิชานี้จะลำบากอยู่บ้าง แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้การฝึกตนนั้นก้าวกระโดดขึ้นรวดเร็วราวกับติดปีก เพราะเขาสำเร็จขั้นที่สามแห่งปราณห้าพิษ….จึงทำให้พลังฝึกตนของเขามาอยู่ที่
ปราณขั้นสามระดับสุดยอด
ถังเฟยหู่ลืมตาขึ้นมาจากนั้นจึงค่อยลุกขึ้นจากเตียงของตนเอง เขาได้ทดลองใช้ปราณห้าพิษขั้นสามที่พึ่งสำเร็จดูเป็นครั้งแรก บนฝ่ามือของเขานั้นบังเกิดไอพิษสีเขียวขึ้นมา ความรุนแรงของมันนั้นทวีความรุนแรงมากมายขึ้นหลายเท่านัก ในตอนนี้เขาคงสามารถฆ่าผู้ฝึกตนปราณขั้นสี่ทั่วๆไปด้วยฝ่ามือพิษเพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น
ถังเฟยหู่คบคิดแผนการณ์ขั้นต่อไปในการเพิ่มพลังฝีมือของตนเองต่อไป ซึ่งถ้าหากดูจากพลังในตอนนี้แล้ว บางทีผู้อาวุโสหอตำราอาจจะอนุญาตให้เขาสามารถเข้าสู่หอตำราชั้นที่สองได้ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว ถังเฟยหู่จึงได้ออกไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเยียนหอตำราของตระกูลอีกครั้งหนึ่ง