บท
ตั้งค่า

EP 15 : ไม่มีสิทธิ์

“...” ฉันลืมตาช้า ๆ แต่แค่ลืมตา ไม่ใช่สิคะ ความจริงแค่รู้สึกตัวอีกครั้งเรื่องราวที่ไม่อยากรับรู้ เรื่องราวที่อยากลืม เรื่องราวที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ฉายชัดในสมองกับหัวใจแล้วต่างหากล่ะ

“ตื่นแล้วเหรอ” ฉันหันไปมองตามเสียงถึงได้รู้ว่าเขานั่งอยู่ข้างเตียง

“กี่โมงแล้ว” ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหน แต่จำได้ว่ากินยาไปแค่ไม่นานก็ฝืนตัวเองไม่ไหวต่อให้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนก็ฝืนลืมตาต่อไม่ได้เลย

“แปดโมงเช้าแล้ว”

“...นายมาแต่เช้าเลยเหรอ”

“จะให้ทิ้งอีกคนไว้แล้วกลับไปได้ยังไง”

“...”

“อานรินทร์ปลอดภัยแล้วนะแต่ยังต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อก่อน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“...อื้ม” ฉันพยักหน้ารับช้า ๆ ดีใจนะคะ ดีใจมาก ในที่สุดวันที่ฉันรอคอยก็มาถึง วันที่คุณแม่จะได้รับการผ่าตัดและการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี แต่ฉันยิ้มไม่ออกหรอกในสถานการณ์นี้

“อยากนอกพักอีกสักหน่อยไหม”

“อยากไปหาคุณพ่อ~” เสียงฉันสั่นอีกแล้ว ฉันเจ็บปวดมากพยายามที่จะเข้มแข็งเต็มที่แล้วแต่พอพูดคำว่า คุณพ่อ ออกมาความเข้มแข็งของฉันก็พังทลาย

เขาเงียบมองหน้าฉันอยู่พักหนึ่งก่อนที่มือใหญ่ของเขาจะยื่นมาที่หน้าฉันช้า ๆ มือใหญ่วางลงบนแก้มแล้วปลายนิ้วก็เกลี่ยแก้มที่กำลังมีน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย

“...ไหวใช่ไหม”

“อื้ม ไหว” ฉันพยักหน้ารับก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาเป็นสายอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ฉันปล่อยให้เขาสัมผัสใบหน้า ปล่อยให้เขาเช็ดน้ำตาให้โดยที่ฉันไม่คิดหรือไม่รู้สึกว่าตัวเองควรขัดขืนเลย...

-เวลาต่อมา-

“ฮึก! คุณพ่อ~ ฮื่อ ๆๆ คุณพ่อขา~” ฉันร้องไห้ใจแทบขาด แขนไม่มีแรงจะยกขึ้นมาเช็ดน้ำตา ขาไม่มีแรงยืนจนทรุดลงแต่ดีที่มีคนคอยประคองทำให้ฉันไม่ล้ม ร่างคุณพ่อนอนอยู่ข้างใน...โลงศพ ฉันเรียกท่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ท่านยังไม่ได้ถูกพาเข้าไปนอนอยู่ข้างในนั้นอยากให้ท่านตื่นขึ้นมาคุยกับฉันอีกครั้ง เมื่อคืนก่อนเราสองคนพ่อลูกยังคุยกันอยู่เลย ถึงจะเป็นการพูดคุยที่ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีแต่ฉันก็ยังอยากคุยกับท่าน ฉันอยากมีโอกาสคุยกับท่านเหมือนทุกวันที่ผ่านมาแต่ทำไมวันนี้มันยากจัง ท่านก็แค่นอนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าฉันแค่นี้เองแต่เรียกเท่าไหร่คุณพ่อก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาคุยกับฉันเลย

“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ คุณพ่อขา~ อย่าทิ้งหนูกับคุณแม่ไป~ ฮื่อ ๆๆ อย่าทิ้งเราสองคนไปแบบนี้~” ฉันพยายามจะลากขาที่ไร้เรี่ยวแรงไปหาท่าน เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข็นรถเข็นที่มี...โลงศพอยู่ข้างบนไปหยุดข้างหลังรถตู้สีขาว พวกเขากำลังจะพาคุณพ่อขึ้นรถเพื่อไปที่วัดฉันเลยพยายามจะเดินไปหาคุณพ่อ

“พอแล้วแยมโรล พอแล้ว เจ้าหน้าที่จะทำงานลำบากนะ” คนข้าง ๆ พยุงฉันไว้เปลี่ยนเป็นกอดแน่นขึ้น เขารั้งฉันไม่ให้ลากสังขารไปต่อแต่ฉันก็พยายามฝืนตัว ฉันอยากไปหาคุณพ่อ ฉันยังอยากพยายามปลุกคุณพ่อเผื่อว่าท่านอาจจะตื่นขึ้นมาหาฉันไง

“ฮื่อ ๆๆ คุณพ่อฟื้น ฮึก! ฟื้นขึ้นมาสิคะ ฮื่อ ๆๆ ตื่นขึ้นมาคุยกับหนูเถอะนะ ฮื่อ ๆๆ ตื่นขึ้นมา~ หนูยอมแล้ว~ ขอแค่คุณพ่อตื่นมาคุยกับหนู~ หนูยอมแล้วทุกอย่าง~ ฮึก! หนูจะยอมทำตามที่คุณพ่อต้องการทุกอย่าง ฮึก! คุณพ่อได้ยินไหมคะหนูจะทำทุกอย่างที่คุณพ่อต้องการ คุณพ่ออยากให้หนูแต่งงานกับพี่เซ... / แยมโรล!!!”

“ฮึก!” ฉันร้องไห้ปนสะดุ้งเพราะอยู่ ๆ คนที่กอดฉันเอาไว้ก็เขย่าตัวและตะคอกเรียกชื่อฉันเสียงดังลั่น เขาปล่อยกอดแล้วขยับมายืนตรงหน้าใช้สองมือบีบไหล่ฉันไว้แน่นฉันที่กำลังร้องไห้และร้องเรียกคุณพ่อด้วยความเสียใจถึงได้สะอึกสะอื้นพร้อมกับละสายตาจากคุณพ่อมามองหน้าเขาผ่านม่านน้ำตา

“ตั้งสติ! ตั้งสติให้มากกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ!”

“ฮึก! ปล่อย~ ฉันจะไปหาคุณพ่อ~ ฉันจะปลุกคุณพ่อได้ยินไหม~” ฉันบอกเขาแค่แผ่วเบาพร้อมกับมองเขาที่ใบหน้ากำลังเต็มไปด้วยความโกรธ

“ไม่มีทาง! ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะครับ”

หมับ!

“ปล่อย! ฮึก! นายจะพาฉันไปไหนฉันจะอยู่กับคุณพ่อ!” ฉันร้องถามเสียงดังเพราะเขาอุ้มฉันแล้วพาเดินออกมาเลย แต่จะให้ขัดขืนฉันก็ไม่มีเรี่ยวแรงหรอกนะคะ

“เงียบเดี๋ยวนี้แยมโรล ถ้าอยู่ตรงนั้นแล้วสติแตกก็ถอยออกมาสงบสติอารมณ์ซะ ตั้งสติ” เขาไม่ได้ตะคอกเหมือนตอนแรก น้ำเสียงเขาทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยความดุดัน แต่ฉันไม่ได้กลัวเพราะตอนนี้ฉันไม่อยากห่างจากคุณพ่อ

“ฉันจะสติแตกมันก็เรื่องของฉัน ฮึก! คุณพ่อฉันไม่อยู่... / ก็ใช่ไง แล้วจะพยายามเรียกให้ฟื้นด้วยการพูดแบบนั้นทำไม พูดแบบนั้นแล้วมันได้อะไร มันสมควรพูดเหรอวะ อย่าทำให้โมโหในสถานการณ์ที่ไม่สมควรโมโหนะแยมโรล หยุดพูดแบบเมื่อกี้ซะ...เพราะพี่เก็บความโกรธเรื่องไอ้ตัสมามากเกินพอแล้ว”

“...” คำพูดของเขาทำให้ฉันเงียบไปในทันที ฉันไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดีแต่...ช่างมันเถอะ ฉันก็ควรจะสงบสติอารมณ์จริง ๆ นั่นล่ะ...

-เวลาต่อมา-

“ไปบ้านกูเลย” คำพูดของเขาที่บอกพี่เชนหลังจากเราขึ้นรถกำลังจะออกจากวัดหลังพิธีรดน้ำ...ศพ ของคุณพ่อกับสวดคืนแรกจบลงทำให้ฉันต้องรีบหันไปมอง

“ไปบ้านนายทำไม ไปส่งฉันก่อน” จากวัดไปบ้านเขาไกลกว่าบ้านฉันอีกแล้วทำไมไม่ไปส่งฉันก่อน หรือถ้าไปส่งฉันก่อนไม่ได้ก็บอกมาฉันจะเรียกรถกลับเองไม่ได้ยุ่งยากอะไรสักนิด

“เวลาแบบนี้จะอยู่ที่นั่นคนเดียวได้ยังไง เดี๋ยวก็ยิ่งคิดมาก” คำตอบของเขาทำให้ฉันเข้าใจทุกอย่างว่าเจตนาของเขาคืออะไรแต่ฉันไม่อยากไปอยู่บ้านใคร ฉันอยากอยู่บ้านฉัน

“ทำไมจะอยู่ไม่ได้ อีกอย่างแม่บ้านก็มีฉันไม่ได้อยู่คนเดียว” ฉันไม่อยากเถียงกับเขาในสถานการณ์แบบนี้เลย ทำไมต้องมาทำให้ฉันเหนื่อยกับการเถียงเขาด้วย แล้วอีกอย่างเขาเป็นบ้าอะไรทำเหมือนห่วงใย คอยอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลาแต่สุดท้ายก็มาทำให้ฉันต้องนั่งเถียงกับเขาแบบนี้นี่นะ

“มันเหมือนกันที่ไหน”

“ไม่เหมือนยังไง”

“ก็คฤหาสน์หลังนั้นมีแค่แม่บ้าน แต่ที่บ้านหลังนี้มีไอ้เต้าหู้กับพี่ไง”

“...”

“ไปนอนที่บ้านดีกว่า ถ้ารู้สึกแย่ขึ้นมาก็ยังมีไอ้เต้าหู้อยู่ข้าง ๆ หรือคิดว่ากอดแม่บ้านแล้วรู้สึกดีกว่ากอดไอ้เน่า”

“...” จบประโยคนี้ของเขาฉันก็ยังเอาแต่เงียบ ไม่พูดอะไรอีกนอกจากหันกลับไปมองข้างทางในระหว่างที่รถเคลื่อนที่ช้า ๆ

โอเคค่ะ ไปก็ไป จะว่าไปฉันก็ไม่รู้เลยว่าถ้ากลับบ้านตอนนี้ฉันจะรู้สึกดีหรือร้องไห้นอนไม่หลับทั้งคืนหรืออาจจะถึงขั้นสติแตกกันแน่ในเมื่อตอนนี้ชีวิตของฉันเรียกได้ว่าแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว

ขาดคุณพ่อไปฉันก็เหลือแค่คุณแม่กับ...ลมหายใจของตัวเอง

-เวลาต่อมา-

ก๊อก ๆๆ

แอด~

“มีอะไร” ตีหนึ่งกว่าแล้วฉันเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็มาเคาะประตูฉันเลยแง้มประตูนิดหน่อยเพื่อถามเลยสังเกตุเห็นว่าเขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน

“เปิดประตูก่อน”

“มีอะไร”

“เปิดประตูก่อน” เขายังย้ำคำเดิมแต่ใครจะเปิดให้ บ้ารึเปล่า มีอะไรก็รีบพูดมาให้จบเลยสิฉันจะได้...ไปนั่งร้องไห้ต่อ

“ไม่...เฮ้ย!” ฉันจะปฏิเสธแต่พูดได้แค่คำเดียวเขาก็ดันประตูให้เปิดกว้างแล้วเข้ามาในห้องทันที

“นายจะทำบ้าอะไรของนาย! ออกไปเดี๋ยวนี้นะอคินฉันกำลังเสียใจจะบ้าตายอยู่แล้วอย่ามาทำให้ฉันเป็นบ้าเพิ่มได้ไหม!” ฉันโวยวายเสียงดังแต่เขากลับไม่หันมาสนใจฉันนอกจากเดินไปที่เตียง หยิบหมอนใบหนึ่งมาแล้วโยนลงที่พื้นจากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าในห้องทำให้ฉันเห็นว่าข้างในมีที่นอนปิกนิกพับอยู่

“จะทำอะไร?”

“ปูที่นอนไง” เขาหยิบที่นอนปิกนิกอันนั้นออกมาแล้วปูลงที่ข้างเตียงพร้อมกับตอบเสียงเรียบในขณะที่ฉันรีบขยับตัวไปใกล้ทันที

“ปูเพื่อ?” ฉันถามแต่เชื่อสิว่าฉันไม่ได้โง่หรอก พอฉันถามจบเขาที่ไม่ได้สนใจจะหันมามองหน้าเพื่อคุยกับฉันให้เป็นกิจลักษณะตั้งแต่แรกก็หันมามองฉันบ้าง

“หรือจะให้นอนบนเตียงด้วย?”

“จะบ้าเหรอ! ไม่ให้นอนตรงไหนทั้งนั้นไปนอนห้องนายเลย” ฉันไล่แต่เขาหันไปปูที่นอนต่อ ปูเสร็จก็เดินไปหยิบผ้าห่มในตู้หน้าตาเฉย

“นี่! บอกให้กลับไปนอนห้องนายไงฟังภาษาคนรู้เรื่องบ้างไหมนายเป็น... / ไม่มีทาง” เขาหันกลับมาพูดแทรกสั้น ๆ แถมยังเป็นคำตอบที่โคตรง่ายแต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ใครจะยอมให้เขานอนห้องนี้ ถึงจะนอนที่พื้นก็ตามแต่มันธุระกงการอะไรที่เขาจะต้องมานอน แล้วมันธุระกงการอะไรที่ฉันต้องยอมให้เขานอน!

“ธุระอะไรต้องมานอน ออกไปเลยไม่งั้นฉันจะกลับบ้านฉันตอนนี้เอง” เสียงฉันแข็งขึ้นมา และมันไม่ใช่คำขู่แต่ฉันเอาจริงแน่ แต่พอฉันพูดจบเขาก็หันมามองอีกครั้ง

“คิดว่าออกไปได้ก็ลองดู” เสียงฉันแข็งแล้วนะแต่เสียงเขาแข็งแถมฟังดูเอาจริงยิ่งกว่าอีก ไหนจะสายตาที่มองมาที่บอกให้รู้ว่าเขาไม่ยอมให้ฉันทำอย่างที่พูดได้แน่

นี่มันคืออะไร? วันนี้กับเมื่อวานฉันต้องเจอเรื่องบ้าอะไรบ้างก็ไม่รู้ตลอดระยะเวลาที่เกิดเรื่องมาเขาคอยอยู่ข้าง ๆ ทำตัวเป็นหลักให้ฉันพักพิงแต่สุดท้ายก็มาทำให้ฉันโมโหแบบนี้เหรอ? ต้องการอะไรกันแน่วะ!

“อย่าคิดว่าฉันไม่เหลือคุณพ่อคุ้มกะลาหัวแล้วจะทำอะไรกับฉันก็ได้นะ ออกไป” ฉันบอกเขาเสียงแข็งแล้วชี้ไปที่ประตูเขาเลยหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างแล้วมองมาที่ฉันก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้า

“ออกไปแล้วยังไงต่อ แล้วก็ให้ปล่อยอีกคนนอนร้องไห้คิดฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวทั้งคืนเหรอ ใครจะปล่อยให้เสียใจอยู่คนเดียวได้...เมียทั้งคนนะแยมโรล”

“อย่ามาพูดแบบนี้นะ!” ฉันไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมามันถึงทำให้ฉันเสียงดังลั่นห้องในขณะที่เขากลับแค่มองฉันด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนอ่านไม่ออกว่ากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่กันแน่

“ทำไมจะพูดไม่ได้”

“เพราะนายไม่มีสิทธิ์ไง!”

“ไม่มีสิทธิ์? มีสิทำไมจะไม่มี เชื่อสิพี่ทั้งพูดได้ทั้งทำได้เลยล่ะ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ทำ...จบเรื่องวุ่นวายพวกนี้เมื่อไหร่จะทำให้ดู...ว่าผัวอย่างพี่มีสิทธิ์แค่ไหน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel