ตอนที่3
วันต่อมา
16:30น.
ห้องพักอาจารย์
มหาลัย E
เอริ ฐิติมน….
พรึบ
“เทอมนี้ทางมหาลัยขอเพิ่มค่าหน่วยกิตนะคะ….นางสาวฐิติมน…”
“ค่ะ…อาจารย์”ฉันสบตากับอาจารย์พลางเอ่ยรับคำของท่านไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“แต่หนูขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆได้ไหมคะ?”ฉันเอ่ยถามท่านต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ?…นี่เธอคิดว่าเป็นการเล่นขายของอย่างงั้นเหรอ?”อาจารย์เอ่ยถามฉันเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ
“นี่มันมหาลัยอินเตอร์นะ!”เสียงตะโกนของอาจารย์ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ
“ถ้าเธอไม่มีเงินมาจ่ายทั้งยอดเก่าจากการค้างค่าเทอมของเทอมที่แล้วกับค่าของหน่วยกิตในเทอมนี้..”
“ฉันคงต้องให้คุณดรอปเรียนไว้ก่อน…”
“แต่อาจารย์คะ…”ฉันกำลังจะเอ่ยแย้งอาจารย์
“ฉันให้เวลาเธอสามวัน….ค่อยเข้ามาหาฉันอีกที…”แต่อาจารย์ก็เอ่ยเสียงเรียบตรึงตอบฉันกลับมาซะก่อน
“เชิญ…”อาจารย์เอ่ยบอกฉันพลางยกมือผายไปทางประตูของทางออกห้องพักอาจารย์
“ค่ะ…สวัสดีค่ะอาจารย์…”ฉันยกมือไหว้อาจารย์ท่านไม่ได้ยกมือรับไหว้ฉันแต่อย่างใด ก็เป็นอย่างนี้แหละที่คนจนๆอย่างฉันที่ยังจะดื้อดันทุรังตัวเองให้มาเรียนในรั้วมหาลัยอินเตอร์แบบนี้ ที่ฉันเลือกเรียนที่นี้ก็เพื่ออนาคตฉันจะได้มีงานดีๆทำมีเงินเดือนหกหลักอัพแต่กว่าจะไปถึงวันนั้นฉันคงจะหมดแรงหรือไม่ก็หมดกำลังใจที่จะเดินต่อสู้กับค่าเทอมต่อไปแล้วล่ะ
พรึบ
ฉันหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้นั่งด้านข้างของสวนในรั้วมหาลัยอินเตอร์อย่างคนที่หมดแรงและหมดหนทางที่จะไปต่อ
“เห้อ….ถ้าทำงานมากกว่านี้…มีหวังฉันไม่มีเวลานอนแน่…”ฉันพึมพำขึ้นเมื่อหยิบสมุดโน้ตของตัวเองออกมาเพื่อดูตารางงานของฉันในแต่ละวันว่าคิวงานพาร์ทไทม์ของฉันทำที่ไหนเวลาไหนถึงเวลาไหนและค่าจ้างในแต่ละวันที่ฉันจะได้รับเอามาคิดคำนวณกับเงินรวมทั้งหมดว่าจะพอจ่ายค่าเทอมไหม
พรึบ
“อ่ะ….”
“?”ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมือที่ถือขวดน้ำเปล่าเย็นๆที่ยื่นมาให้ฉันด้วยท่าทางสงสัยก่อนจะมองสูงขึ้นไปเพื่อมองหน้าของคนคนนั้น
“ขุนศึก?”
“ใช่…ดีใจนะที่เธอจำเราได้ด้วย^_^”เขาว่าพลางหมุนเปิดฝาขวดน้ำเปล่าพร้อมกับใส่หลอดดูดเสร็จสรรพและยื่นมาให้ฉันอีกครั้ง
“มองเธอดูเหนื่อยๆดื่มน้ำก่อนดิ…เผื่อจะทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง”ขุนศึกว่าพลางยิ้มละมุนให้ฉันอย่างหว่านเสน่ห์เพราะฉันไม่ยอมยื่นมือไปรับขวดน้ำเปล่ามาจากเขา เป็นอันแสดงว่าฉันไม่ยินดีรับไมตรีที่เขายื่นให้
“ไม่อ่ะ…นายดื่มเองเถอะ..”ฉันบอกเขาและละสายตาจากร่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่เสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยออกจากกางเกงสแลคสีดำขาเต่อผ้าเนื้อดีแถมปลดกระดุมสองเม็ดบนอวดหน้าอกสีขาวรองเท้าก็รองเท้าผ้าใบรุ่นดังที่เป็นของแบรนด์เนมสีดำผมเผ้าเซตขึ้นเป็นทรงเท่ๆรับกลับโครงหน้าหล่อของเขาให้ดูแบดขึ้นไปอีก ที่หูข้างซ้ายของเขาก็ใส่ต่างหูห่วงสามอันเรียงตัวกันที่ติ่งหูขึ้นไป
พรึบ
“ขอนั่งด้วยคนนะ^_^”ขุนศึกว่าพลางยิ้มร่าให้ฉันอย่างคนที่ไม่รู้ไม่ชี้ เพราะฉันหันขวับกลับไปมองเขาอย่างเอาเรื่องที่เมื่อฉันไม่ยอมรับน้ำดื่มจากเขา เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆตัวฉันทันทีแถมใกล้ชิดร่างฉันอีกด้วย
พรึบ
ฉันขยับหนีเขาเพื่อเว้นระยะห่างในการนั่งเขาก็ไหวไหล่เล็กน้อยกับอาการและท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนของฉันที่มีต่อเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรจากฉันทั้งๆที่คนอย่างฉันก็ไม่ได้มีอะไรให้เขา
“เห้อ!”ฉันผ่อนลมหายใจออกมา
“เห้อ!”และเสียงผ่อนลมหายใจของคนข้างๆก็ตามมาติดๆทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาทันที เขาก็ทำเป็นยิ้มหวานจนแก้มปริตาปิดให้ฉัน ทำให้ฉันนึกไม่พอใจเขาที่กล้าล้อเลียนอารมณ์ฉันในตอนนี้ ใช่สิคนรวยๆแบบเขาจะไปเข้าใจอะไรกับคนจนๆอย่างฉันล่ะ
“ไม่มีเรียนรึไง?”
“ถึงได้มานั่งเลียนแบบท่าทางคนอื่นแบบนี้น่ะ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยที่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปจากตรงนี้เลย แต่เขากลับทำท่าทางเลียนแบบอิริยาบถของฉันทุกอย่างแม้กระทั่งการนั่งไขว่ห้าง
“แล้วเธอไม่มีเรียนเหรอ?”เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับทำหน้ากวนและถามฉันกลับทำให้ฉันมองหน้าเขาพลางทำสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา
“เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องตอบนาย..”ฉันถามเขาเสียงเข้ม
“แต่เธอถามเราก่อนนะ?”ขุนศึกว่าพลางทำท่าจะขยับตัวเข้ามาหาฉันอีกครั้งแต่เจอเข้ากับสายตาคมกริบของฉันเข้าซะก่อนเขาจึงยิ้มแหยๆให้ฉันและกลับไปนั่งตัวตรงหลังพิงพนักเก้าอี้ไม้ตัวเดียวกับฉันนิ่งและไม่ขยับเข้าใจฉันแบบเนียนๆอีก
พรึบ
“จะไปไหนอ่ะ?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตกใจที่ฉันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอย่างรวดเร็วจนเขาที่นั่งอยู่ข้างๆตกใจ
“ไปที่ไหนก็ได้….ที่ไม่เห็นหน้านาย!”ฉันตอบเขาไปและรีบเดินออกไปจากตรงนี้ จุดหมายปลายทางของฉันคือร้านสะดวกซื้อที่อยู่ถัดไปจากที่มหาลัยนี่อีกสองซอยเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ ฉันรับจ้างทำงานพาร์ทไทม์หลายที่และแต่ละที่ก็ได้ชั่วโมงละหกสิบบาท วันๆหนึ่งฉันต้องทำงานให้ได้เก้าชั่วโมงไม่งั้นฉันจะไม่มีเงินมาจ่ายค่าเช่าห้องค่าน้ำค่าไฟและค่าเทอม
ร้านสะดวกซื้อ A
20:30น.
เอริ ฐิติมน…..
พรึบ
“วันนี้พี่ต้องขอโทษเอริด้วยนะ…”
“ที่ต้องให้เธออยู่เฝ้าร้านต่ออีกจนกว่าร้านจะปิดน่ะ…”พี่น้ำฝนเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางรู้สึกผิด เธอเป็นลูกจ้างประจำของร้านสะดวกซื้อที่เปิดถึงเที่ยงคืนของทุกวันและวันนี้เธอก็มีนัดสำคัญกับคนรู้ใจของเธอน่ะ เห็นเธอบอกฉันแบบนั้น ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้มีขายทุกอย่างและเป็นห้องสี่เหลี่ยมกว้างติดกระจกด้านหน้าแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากมีกล้องวงจรปิดติดทุกมุมเพื่อใช้ในการสอดส่องการหยิบของเพื่อทำการขโมยของลูกค้า
“ไม่เป็นไรค่ะ…พี่น้ำฝนรีบไปเถอะค่ะ…เดี๋ยวรถเมล์จะหมดเอา…”ฉันบอกเธอด้วยความหวังดี เธอก็มองหน้าฉันอย่างซาบซึ้งน้ำใจที่ฉันมีให้กับเธอ ที่ยอมอยู่เฝ้าร้านแทนเธอทั้งๆที่ป่านนี้ฉันควรจะไปทำงานอยู่ที่ร้านอาหารเพื่อเป็นผู้ช่วยกุ๊กแล้ว แต่โชคดีที่วันนี้ร้านอาหารที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ประจำปิดน่ะฉันเลยสามารถอยู่เฝ้าร้านแทนพี่น้ำฝนได้
“จ้า…..งั้นพี่ไปก่อนนะ…ไว้โทรคุยกันบ๊าย..”
“บ๊ายค่ะ^_^”ฉันยกมือโบกให้พี่น้ำฝนและเธอก็วิ่งออกไปจากร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ด้วยท่าทางรีบร้อน ส่วนฉันเมื่อเธอไปแล้วก็หยิบสมุดโน้ตรายงานการทำงานและรายจ่ายที่ฉันจะได้รับจากกทำงานพาร์ทไทม์ขึ้นมาบวกลบคูณหารทันทีพร้อมกับเปิดดูบัญชีธนาคารในโทรศัพท์วงเงินคงเหลือของฉันตอนนี้อยู่ที่สามหมื่นห้าพันบาท
“ค้างค่าเทอมของเทอมที่แล้วหนึ่งแสน…บวกกับเทอมนี้ที่ยังไม่ได้จ่ายอีกสามแสนห้าหมื่นบาท…เป็นจำนวนเงิน”
“สี่แสนห้าหมื่นบาท….”
“เห้อ…”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนและหมดกำลังใจหมดแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ไม่รู้ว่าฉันจะดันทุรังตัวเองไปทำไมมากขนาดนี้ ฉันหวังอยากเรียนมหาลัยอินเตอร์ที่ค่าเทอมสามแสนห้าหมื่นบาท นี่ขนาดฉันเป็นเด็กนักเรียนเรียนดีได้ส่วนลดค่าเทอมห้าสิบเปอร์เซ็นต์น่ะเนี่ย ถ้าจะต้องจ่ายเต็มก็เจ็ดแสนกว่าอ่ะไหนจะค่าจิปาถะอะไรต่างๆนาๆของแต่ละวิชาอีก เห้อ…!
“เวลาอีกแค่สามวัน….ฉันจะไปหามาจากไหนอีกตั้ง…หลายแสน..”ฉันเอ่ยขึ้นพลางยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเอง ตอนนี้ฉันเครียดมาก หมดหนทางแล้วจริงๆสงสัยต้องขายไตเพื่อส่งตัวเองเรียนแล้วมั้ง….