บทที่ 01 น้ำอิง
"พ่อแม่ ~" เสียงฉันตะโกนลั่นบ้านพร้อมกับแบกกระเป๋าหนึ่งใบเดินออกมาหาแม่นอกบ้าน เมื่อเห็นคุณนายน้ำหวานที่กำลังสวีทหวานกับกำนันพลหน้าบ้านก็รีบวิ่งไปแทรกกลางความรักของคู่รักสูงวัยที่ได้ตำแหน่งเป็นพ่อกับแม่ของฉันพ่วงไปด้วย
"ออกไปให้ห่างจากสามีฉันเลยแกน่ะ" ใบหน้าของฉันถูกผลักออกให้พ้นจากเส้นกั้นของกำนันพล ด้วยฝีมือของภรรยาเขาหรือแม่ของฉันนั้นแหละที่เล่นใหญ่เกินเบอร์
"ลูกจะไปแล้วนะ ขอกอดลาหน่อยก็ไม่ได้" ฉันขมวดคิ้วยุ่ง ปกติฉันกับแม่หยอกล้อกันเป็นประจำ ถามว่าได้นิสัยมาจากใครบอกเลยว่าคุณนายน้ำหวานร้อยเปอร์เซ็นต์
"แล้วไม่ลืมอะไรแล้วใช่ไหม?" กำนันพลเอ่ยถาม
"ไม่แล้วค่ะ ลืมก็ค่อยซื้อใหม่ มีพ่อรวยซะอย่าง"
"โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วยังจะแบมือขอเงินพ่อกับแม่อีก" นั้นไงคุณนายน้ำหวานเริ่มอาละวาดแล้ว
"ก็กำลังจะเข้ากรุงเทพไปทำงานแล้วไงคะคุณนายขา เดี๋ยวพอไม่อยู่แล้วจะรู้สึก ชิ"
"รู้สึก รู้สึกอะไรย่ะ"
"รู้สึกคิดถึงลูกไง"
"ไม่มีทางหรอก ฉันออกจะดีใจจะได้สวีทกับผัวเต็มที่ไม่มีคนขัด"
"จ้า หวานสมชื่อไปเลยจ้า"
"แล้วไม่เปลี่ยนใจให้พ่อไปส่งเหรอ พ่อขับไปถึงกรุงเทพได้นะ" กำนันพลพูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่นาน
"ไม่ค่ะ นั่งรถยนต์เมื่อยจะตายกว่าจะไปถึง ไปกับเครื่องบินดีกว่าหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว"
"แล้วติดต่อปลายฝนแล้วใช่ไหม?" ปลายฝนเพื่อนซี้ของฉันเอง คนที่จะมารับฉันที่สนามบินและขออาศัยอยู่ด้วยเพราะเด็กบ้านนอกแบบฉันไม่เคยเข้ากรุงแต่ยังดีที่มีเพื่อนล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
"เรียบร้อยค่ะพ่อ คุยกันทุกวัน ไม่ต้องห่วง"
"อืม งั้นก็ตั้งใจทำงาน ว่าง ๆ ก็กลับมาหาพ่อด้วย" กำนันพลอ้าแขนมากอดแน่น เป็นครั้งแรกที่ฉันจะออกนอกบ้านแบบจริง ๆ จัง ๆ แม้ลึก ๆ จะรู้ว่าพ่อเป็นห่วงมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ฉันเรียนจบแล้วจำเป็นต้องเติบโตขึ้นเพื่อทำงานหาเงินเข้าสู่วงจรการทำงานแบบจริงจังเหมือนคนอื่นเสียที
"อย่าลืมพาลูกเขยมาแนะนำฉันด้วย" สลับไปกอดคุณนายน้ำหวานก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างหู ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกระแอมของกำนันพลที่ดังขึ้นพร้อมกับถกเสื้อให้เห็นปืนที่เหน็บเอว
"ถ้าไม่อยากให้มันกินลูกปืนก็ลองดู"
"ลูกจะไม่มีผัวเพราะพ่อนั้นแหละ" แม่ฉันส่ายหัวเบา ๆ ใครก็รู้ว่ากำนันพลหวงลูกสาวมากแค่ไหน แต่คนกรุงเทพดันไม่รู้นี่สิ ถึงเวลาของฉันแล้วล่ะ… -,-
"ไปแล้วนะ ถึงแล้วจะโทรหา" ใช้เวลาร่ำลาชายหญิงวัยกลางคนอยู่หลายนาทีฉันก็รีบออกเดินทางไปสนามบิน โดยที่มีคนขับรถของพ่อมาส่งและใช้เวลาอีกสองชั่วโมงบินตรงมายังดินแดนเมืองหลวงที่มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันหาเช้ากินค่ำในเมืองแห่งนี้ หนึ่งในนั้นก็คงมีฉันที่กำลังจะเริ่มตันใช้ชีวิตที่นี่เป็นวันแรก
ณ สนามบิน 21:30
ทันทีที่มาถึงฉันก็หาทางออกจากประตูทางออกของสนามบิน ก่อนที่จะเห็นยัยปลายฝนเพื่อนรักยืนรอโบกมือหยอย ๆ อยู่ก่อนแล้วจึงรีบลากกระเป๋าวิ่งไปหาพร้อมกับกอดกันกลมด้วยความที่ไม่ได้เจอกันถึงสี่เดือน
"คิดถึงแกมาก แต่เอ้ะ…แกสวยขึ้นนะเนี่ย" ฉันผละกอดออกจากเพื่อนสาว ยืนสำรวจความเปลี่ยนไปของเพื่อนที่เต็มไปด้วยของประดับดูดีเพียงไม่กี่เดือนยัยเพื่อนรักของฉันเปลี่ยนไปเยอะมากเลยทีเดียว
"แกก็สวยขึ้นเหมือนกัน"
"แล้วนี่ใครเหรอ หล่อจัง…" แล้วสายตาก็ดันเหลือบเห็นชายชุดดำที่ยืนไม่ห่างจากเพื่อนรัก หน้าตาดีและวางมาดอย่าบอกนะว่ายัยฝนมีแฟนแล้ว?
"เอ่อ…" เลิ่กลั่กแบบนี้ฉันว่าต้องใช่
แต่ทว่า…
"ขอโทษครับนายหญิง แต่เราต้องรีบไปแล้วครับ" สรรพนามที่ผู้ชายคนนั้นเรียกเพื่อนทำให้ฉันเบิกตากว้างแล้วเลิกคิ้วมองเพื่อน นายหญิง เพื่อนฉันมีศักดิ์เป็นถึงนายหญิงของใครกัน
"มะ หมายความว่ายังไงยัยฝน"
"ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาอธิบายให้แกฟัง ไว้ถึงห้องฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังนะ แต่ฉันอยากบอกแกไว้ว่ามันอาจจะมีเรื่องที่น่าตกใจกว่านี้อีก แกเตรียมรับมือไว้หน่อยก็ได้นะ" มีอะไรที่น่าตกใจไปกว่านายหญิงอีกหรือ…
"ผมถือกระเป๋าให้ครับคุณน้ำอิง"
"เชิญครับ"
"รีบไปเถอะแก…" ฉันเดินตามยัยปลายฝนด้วยความงุนงง ระหว่างทางก็เขย่าแขนเพื่อนอยากรู้ความจริงตลอดเวลาแต่ยัยปลายฝนก็ไม่ยอมพูดอะไร มีแต่จะส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ฉัน
จนมาถึงที่พักในค่ำคืนนี้…
"วะ ว่าไงนะ แกเป็นนายหญิงของมาเฟีย" หลังจากที่ได้ฟังหัวเรื่องเกริ่นนำของยัยปลายฝนทำเอาฉันอดไม่ได้ที่จะตกใจถามเสียงดัง คราวแรกที่เห็นขบวนชุดดำที่มารับฉันพร้อมกับยัยปลายฝนคิดว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นถึงมาเฟียแถมเพื่อนยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและสัญญาการแต่งงานที่สลับซับซ้อนจนฉันงง
"มีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย สังคมกรุงเทพน่ากลัวจริง ๆ" เรื่องของยัยปลายฝนนับเป็นเรื่องที่เปิดหูเปิดตาของฉันให้กว้างขึ้นได้ดีเลยทีเดียว ที่นี่มันเริ่มน่ากลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ความคิดที่จะหาแฟนหายวับไปกับตา อยู่เป็นโสดตามคำสั่งของกำนันพลตามเดิมน่ะดีที่สุดแล้ว
"ไม่ต้องสนใจเรื่องของฉันหรอก เอาเรื่องของแกดีกว่า ตกลงว่าแกจะมาทำงานที่นี่ใช่ไหม?"
"ก็สมัครงานไว้แล้วแหละ พรุ่งนี้จะไปสัมภาษณ์ ฉันขอพักที่นี่ก่อนนะไว้หาที่พักใหม่ได้แล้วฉันจะรีบย้ายออกไป"
"แกก็อยู่ที่นี่ไปเลยสิ เพื่อนคุณดีแลนเป็นเจ้าของโครงการด้วย"
"ไม่ได้หรอก ที่นี่มันคอนโดผัวแกนี่ ลำพังจะให้ฉันจ่ายค่าเช่าจ่ายไม่ไหวหรอก หรูขนาดนี้เงินเดือนทั้งเดือนไม่รู้จะพอหรือเปล่า"
"งั้นแล้วแต่แกละกัน แต่อย่าลืมนะว่าแกมีฉัน อยากให้ฉันช่วยอะไรบอกได้ทุกอย่าง"
"จ้า ~"
วันต่อมา
ฉันแต่งตัวออกจากคอนโดแต่เช้าเพราะวันนี้มีนัดสัมภาษณ์งานที่สมัครเอาไว้หลายสัปดาห์ที่แล้ว และโชคดีที่โดนเรียกตัวสัมภาษณ์จึงได้โอกาสเข้ามาทำงานในกรุงเทพพร้อมสัมภาษณ์งานเสียเลย
บริษัทเครือเดรโก
ตึกสูงระฟ้าใจกลางเมืองหลวงที่ฉันใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงก็มาถึง ไม่รอช้าที่จะพกความมั่นใจเต็มเปี่ยมตรงเข้าไปด้านในบริษัทตั้งมั่นว่าวันนี้ฉันต้องได้งาน
"ฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ" สิ่งแรกที่ทำคือติดต่อพนักงานต้อนรับตรงทางเข้า ข้างนอกที่ว่าหรูแล้วพอเข้ามาได้ดูดีกว่าด้านนอกเสียอีก
"เชิญชั้น 15 ค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ" ฉันยิ้มรับแล้วจะเดินไปขึ้นลิฟต์ ทว่าในขณะนั้นเสียงของคนที่ฉันไม่คิดจะเจอกลับได้เจอก็ดังขึ้นให้ต้องเงยหน้ามอง
"น้ำอิง!!!"
"ยัยฝน!?" เพื่อนรักของฉันอีกแล้ว
"อย่าบอกว่านี่บริษัทผัวแก?" เพราะปลายฝนบอกว่าเป็นเลขาของสามีกำมะลอที่ชื่อดีแลนอะไรนั้นแปลว่าที่นี่ก็ต้องเป็นบริษัทของเขาอะไรมันจะบังเอิญและโชคดีไปกว่านี้…
"ตกลงแกได้สัมภาษณ์งานของบริษัทนี้เหรอ"
"อืม…ชั้น 15"
"ดีเลยแก ฉันจะได้มีแกเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานแล้ว"
"ถ้าฉันสัมภาษณ์ติดนะ" โชคดีสุด ๆ เลยก็ว่าได้ ถ้าสมัครงานติดก็คงจะโชคดีกว่านี้
"แกทำได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันต้องรีบเข้างานแล้ว ไว้เดี๋ยวฉันจะแวะไปหานะ"
"โอเค เจอกัน ~" เราสองคนแยกกันส่วนฉันรีบกดลิฟต์ไปชั้น 15 นั่งรอหน้าห้องสัมภาษณ์พร้อมกับคนสัมภาษณ์อีกนับสิบคน คราวแรกว่าจะไม่ตื่นเต้นแต่พอเอาเข้าจริงก็ใจเต้นแรงอยู่เหมือนกัน ยิ่งกดดันอยากได้งานเพราะยัยปลายฝนก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกแบบนี้ก็คงจะเป็นตอนที่มีป๊อปปี้เลิฟตอนเด็กละมั้ง