ตอนที่ 1 5 เดือนต่อมา...
5 เดือนต่อมา...
5 เดือนต่อมา...
รถเก๋งสีขาวมุก แล่นเข้ามาจอดใต้ตึกของคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในย่านเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร เพราะว่าคณะนี้เป็นคณะที่ค่อนข้างใหญ่ จึงมีนักศึกษาจากหลากหลายจังหวัดเลือกที่จะมาเรียนที่นี่ เพราะความใหญ่โต และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ
ชั้นใต้ดินของคณะนี้จึงมีการสร้างขึ้นมา เพื่อเอาไว้สำหรับจอดรถของอาจารย์และนักศึกษาโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นจะไม่ค่อยมีใครเห็นรถยนต์หลากหลายยี่ห้อจอดอยู่บริเวณด้านหน้าของคณะเลยสักคัน
ลิลลี่ขับรถเข้ามาจอดยังที่ประจำของเธอ โชคดีที่วันนี้ที่ตรงนี้ยังไม่มีใครมาจอด เธอจึงได้จอดยังที่ประจำที่เคยจอดทุกวันตอนมาเรียน หากแต่ว่าวันนี้เธอไม่ได้มาเรียนเหมือนเช่นเคย เพราะเธอนั้นเรียนจบแล้ว ปีนี้สุดท้าย เหลือแค่เพียงเก็บงานที่ยังค้างส่งกับอาจารย์เพียงเท่านั้น
วันนี้เธอจึงต้องเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อมาส่งงานชิ้นสุดท้ายกับอาจารย์ ก่อนที่จะได้รับปริญญา ลิลลี่เป็นหนึ่งในลูกฝาแฝดทั้งสามของบอมพ์กับเฟร์ย่า ที่เป็นศิษย์เก่าของคณะนี้ เธอเดินตามรอยพ่อกับแม่มา แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ แต่ความดื้อรั้นของเธอนั้นกลับทำให้เธอชอบทำอะไรที่มันสวนทางกับที่พ่อแม่พี่น้องของเธอคิดเอาไว้เสียมากกว่า
ร่างบางก้าวลงจากรถด้วยชุดนักศึกษา กระโปรงทรงเอสั้นพอดีตัว เสื้อนักศึกษาที่ไม่ใหญ่จนเกินไป และไม่ได้เล็กจนรัดแน่นไปหมด รูปร่างเล็กอรชรอ้อนแอ้นน่ารัก บวกกับผิวขาวใสอมชมพู ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้ม คิ้วสวยคม ดวงตากลมใส ขนตาแพหนายาวอย่างเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากชมพูระเรื่อจิ้มลิ้ม ใบหน้าที่มีเพียงเครื่องสำอางอ่อนๆ รับกันกับทรงผมลอนคลื่นสีน้ำตาลอ่อนยาวสยายคล้ายกับตุ๊กตาก็ไม่ปาน
เธอถอดแบบฉบับแม่ของเธอมาจนแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว และเธอก็ยังมีหน้าตาที่เหมือนกับน้องสาวฝาแฝดของเธอจนหลายคนแทบแยกไม่ออก หากไม่เอาทั้งสองมาเทียบกันตัวต่อตัว
ร่างบางอ้อนแอ้นเดินเข้ามาในตัวคณะ อย่างไม่เร่งรีบ ในมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าเอกสารและกระเป๋าถือใบหรูคู่ใจของตัวเอง มือบางจับที่เปิดประตูบานเลื่อนหน้าห้องพักอาจารย์ ออกแรงเปิดออกไปเพียงนิดก็สามารถเข้าไปยังด้านในได้แล้ว
“มาแล้วเหรอ ยัยตัวแสบ” เสียงของอาจารย์นิภาน้องทัก เมื่อกันมาเห็นว่าคนที่เปิดประตูห้องพักของตัวเองเข้ามานั้นเป็นใคร ลูกศิษย์คนโปรดที่มาส่งงานชิ้นสุดท้ายให้กับเธอ ก่อนจะออกไปโลดแล่นใช้ชีวิตนอกรั้วมหาวิทยาลัยเต็มตัวสักที
“แสบเสิบอะไรกันคะอาจารย์ ลี่ว่าลี่เรียบร้อยสุดในรุ่นแล้วนะ” ลิลลี่ตอบกลับด้วยท่าทางทะเล้นปนเสียงหัวเราะเล็กใส
“เรียบร้อยสุดในรุ่นก็เพราะไอ้รุ่นของเธอมันเป็นผู้ชายหมดไง ลองให้มันมีผู้หญิงสิ เธอจะแสบสุดในรุ่นแน่ๆ” อาจารย์เอ่ยแซวกลับ
“โห่...อาจารย์ก็พูดเกินไป ขนาดอยู่บ้าน น้องสาวฝาแฝดของลี่ ยังเรียบร้อยไม่เท่าลี่เลยนะ” ลิลลี่บอก
“ยัยเลดี้น่ะเหรอ รายนั้นเว้นไว้คนหนึ่ง ดื้อไม่มีใครเกิน จนอาจารย์สุนีย์มาบ่นกับฉันบ่อยๆ พี่น้องบ้านนี้แสบกันทุกคนจริงๆ” นิภาเอ่ยบอกกับลูกศิษย์ตัวน้อยของเธอ ซึ่งสุนีย์เพื่อนอาจารย์ต่างคณะของเธอ เล่าวีรกรรมความแสบของฝาแฝดอีกคนของบ้านนี้ที่เรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ให้เธอฟังบ่อยๆ
“มาส่งงานค่ะวันนี้ สุดท้ายแล้วน้า อาจารย์ก็จะเหงาแล้วแหละต่อจากนี้” ลิลลี่บอกกับอาจารย์ พร้อมกับยิ้มหวานสดใสส่งให้
“เงียบหูดีล่ะไม่ว่า...ยังไงฉันก็ขอให้เธอโชคดีในทุกๆ เรื่องนอกรั้วมหาลัยนะ เจอแต่เรื่องดีดีต่อจากนี้” นิภาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ รู้สึกใจหายเหมือนกันนะ เพราะเทียบแล้วเธอกับลูกศิษย์คนนี้ค่อนข้างสนิทกันมากเลยทีเดียว
“เอ้า! คนสวยร้องไห้เสียแล้ว ยังไม่ทันได้ไปเลย ลี่แค่เรียนจบค่ะ ยังไม่ได้จะไปตาย ร้องทำไม เดี๋ยวมาเยี่ยมเยียนคนแก่บ่อยๆ นะคะ” ลิลลี่พูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ไม่อยากให้อาจารย์ของเธอร้องไห้ เธอเองก็ไม่ชอบการจากลาเช่นกัน แต่นี่เธอไม่ได้ไปไหนไกล จะแวะมาหาก็ได้ตลอดเวลาที่จะมาหาได้
"ยัยเด็กคนนี้นี่ แอบหลอกด่าว่าฉันแก่เหรอ" อาจาร์ที่ทำน้ำตาซึมๆ ก็หันมาค้อนแบบหยอกล้อกับลูกศิษย์คนโปรด
"ล้อเล่นน่า รักหรอกจึงหยอกเล่น ไปแล้วจริงๆ นะคะ เดี๋ยวมาเที่ยวหาใหม่" ลิลลี่บอกกับอาจารย์ของเธอด้วยรอยยิ้มสดใส
"เอาไว้มีรับน้องคณะ เราก็มาด้วยนะ เดี๋ยวพวกอาจารย์เขาจะจัดเลี้ยงอำลารุ่นพี่ที่จบทั้งคณะเลย" อาจารย์แจ้งข่าวกับเธอ
"โหยยย ถ้าหากว่าเป็นเลี้ยงเล็กของเอกเราอย่างเดียว ลี่ก็จะมาอยู่นะคะ แต่นี่เลี้ยงคณะเลย ไม่รู้จะกล้ามาไหม" ลิลลี่บอกอาจารย์ไปแบบนั้น เพราะเธอนั้นค่อนข้างไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะๆ เท่าไรนัก
"มาเถอะๆ เดี๋ยวอาจารย์แจ้งอีกที" อาจารย์คะยั้นคะยอ ลิลลี่ทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น แต่ไม่ได้รับปากว่าจะไปร่วม
เมื่อส่งงานและพูดคุยกับอาจารย์คนสนิทเรียบร้อยแล้ว พักหนึ่งลิลลี่ขอตัวกลับบ้าน เพราะเธอคิดว่าจะแวะเข้าไปหาบรูคลิน พี่ชายฝาแฝดของเธอที่บริษัทของเขาเสียหน่อย
ลิลลี่เดินมาถึงชั้นใต้ดิน ที่เป็นลานจอดรถของมหาวิทยาลัยที่เธอจอดรถเอาไว้ ร่างบางกำลังเดินก้าวไปยังรถของเธอ
เฟี๊ยวววว
เสียงเหมือนมีวัตถุบางอย่างพุ่งฝ่าสายลมอย่างเร็วจนเกิดเสียง ความรู้สึกเย็นๆ ที่วิ่งผ่านใบหน้าหวานจนทำให้ผมที่หยักเป็นลอนยาวสยายปลิวตามแรงลม
ตุบ! ตุบ! ตับ! ตับ! ผลั่ก! ผัวะ!
เสียงที่ดังอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเสาในโรงจอดรถทางด้านหลังที่อยู่ตรงข้ามกับคนตัวเล็ก เสียงกระตุ้นให้ความอยากรู้ของลิลลี่เริ่มทำงาน มันสั่งให้เธอเดินไปทางต้นเสียงเพื่อไขข้อสงสัยของตัวเองให้กระจ่าง
ลิลลี่รีบเดินไปทางต้นเสียงทันที ด้วยความอยากรู้ พอเดินออกไปพ้นเสาของลานจอดรถต้นหนึ่ง ดวงตากลมใสเบิกกว้าง เมื่อเห็นภาพตรงหน้าเป็นกลุ่มวัยรุ่นใส่เสื้อช็อปของคณะเดียวกับเธอ มีทั้งสีแดงเข้ม และสีน้ำเงินกำลังตะลุมบอนทั้งเตะ ต่อยกันจ้าละหวั่น
บางคนมีอาวุธปืนอยู่ในมือ และดูเหมือนว่าจะจะเป็นปืนเก็บเสียงเสียด้วย เธอไม่ได้ตกใจที่เห็นคนทำร้ายหรือต่อยตีกัน เพราะเธอชินแล้วกับการอยู่คณะนี้ แต่ที่เธอตกใจคือทั้งหมดมีอาวุธปืนและมีดมากมาย ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยไม่สามารถเอาอาวุธเข้ามาได้
ร่างบางตัวเล็กน่ารักชะงักกึก เมื่อหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นมองมาทางเธอพอดิบพอดี ลิลลี่ที่เห็นแบบนั้นก็รับรู้ได้ถึงความอันตราย เธอเตรียมหันหลังกลับทันที แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะเคลื่อนไหวช้ากว่าชายกลุ่มหนึ่งที่พากันวิ่งตรงมาทางเธอ เธอไม่รู้ว่าพวกนั้นตั้งใจวิ่งเข้าใส่เธอที่มาเห็นเหตุการณ์หรือว่าตั้งใจจะหนีอีกฝ่ายแล้วบังเอิญว่าวิ่งมาทางเธอพอดีกันแน่
คนตัวเล็กรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเข้ามา เธอรีบหันหลังออกวิ่งทันที แต่ก็ไม่เร็วเท่าวัตถุสีดำในมือของกลุ่มวัยรุ่น เมื่อวัยรุ่นคนหนึ่งที่อยู่อีกฝ่ายยกอาวุธปืนในมือขึ้นแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงใดใด กดลั่นไกมาทางอีกกลุ่มและเธอทันที
ฟรึ่บ!
เสียงของกระสุนปืนดังขึ้นจากปลายกระบอกที่เก็บเสียง กำลังพุ่งตรงมายังร่างบางที่หันหลังเตรียมจะหนีออกจากตรงนั้น!!