ตอนที่10 .8.
บอส ราชาก็อบลิน ธาตุลม
Class 5 Lv.599 ได้ปรากฏตัวแล้วค่ะ
ราชาก็อบลินตัวใหญ่ยักษ์ สูงราวๆ 5 เมตรได้ บนหัวมีมงกุฎแสดงถึงความเป็นราชาอยู่ ในมือถือค้อนยักษ์สีทองดูสง่างามแต่กลับไม่เข้ากับสภาพที่ดูน่ารังเกียจของมันเลยแม้แต่น้อย ผมหันไปคุยกับลูน่า
“ตัวใหญ่จังแฮะ เอาล่ะ ลูน่าช่วยแทงค์ให้หน่อยนะครับ เดี๋ยวผมซัพอยู่ห่างๆเอง” เธอพยักหน้าตอบ
“ธีระ สิงค์ คอยหาจังหวะทำดาเมจให้มากที่สุดระหว่างที่ลูน่ากำลังเบี่ยงเบนความสนใจอยู่นะ” ผมหันไปพูดกับเพื่อนทั้งสองต่อ
“ลุยกัน!” พอพูดจบผมก็พร้อมร่ายสกิล “Offensive Bless” ซึ่งเป็นบัพปาร์ตี้ที่ช่วยเพิ่มค่าพลังโจมตีทั้งทางกายภาพ และเวทมนต์ขึ้น 20%
ทุกคนยิ้มตอบทันที ลูน่าไม่รีรอพุ่งเข้าหาบอสอย่างสุดกำลัง ราชาก็อบลินเห็นลูน่ากำลังพุ่งมารีบง้างฆ้อนยักษ์หมายจะทุบเธอให้สิ้น เธอเห็นดังนั้นจึงทำท่าจะเบี่ยงหลบการโจมตีเล็กน้อย แต่ได้ยินเสียงผมห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องหลบลูน่า” ผมใช้ “Sonic” กระโดดขึ้นไปให้อยู่ในระดับสายตาของมัน “Critical Shot” ลูกศรแสงพุ่งไปที่ดวงตามันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันเสียจังหวะยกมือมากันไว้ทันท่วงที
ลูน่าเห็นดังนั้นเรียกจึงใช้สกิล ‘Field of Provocation’ ซึ่งจะทำให้บอสหันมาโจมตีลูน่าเป็นเวลา 20 วินาที แล้วจึงตามด้วย ‘Art of Defense’ พลังป้องกันเพิ่มขึ้น 300% เป็นเวลา 30 วินาที และจะไม่สามรถขยับได้จนกว่าผลของสกิลจะหมดไป ลูน่าทำหน้าที่ดึงดูดความสนใจของบอสได้ดีทีเดียว
“ตอนนี้แหละทุกคน!” ลูน่าตะโกนร้องบอกให้ทุกคนเข้าโจมตี
‘Drilled Shot’ ผมกระโดดกลับตัวยิงธนูลงสู่พื้นดิน ลูกธนูมุดดินพุ่งไปโผล่เข้าใต้หว่างขาของบอส พื้นด้านล่างแตกละเอียดเกิดเป็นลำแสงขนาดใหญ่พุ่งออกจากพื้นดินเข้าใส่ตัวบอสโดยไม่ทันตั้งตัว บอสติดสถานะสตั้นทันที
ธีระ และ สิงห์ พอได้จังหวะที่บอสกำลังสตั้นอยู่ พุ่งเข้าหาบอสอย่างรวดเร็ว ‘Dance of Ruin’ ดาบของสิงห์เรืองแสง เขาหมุนตัวก้มลงไปใต้หว่างขาและกระโดดพุ่งขึ้นไปข้างบนพร้อมลากมีดตั้งแต่ด้านล่างยาวขึ้นไปถึงหัวบอสจนมันร้องออกมาด้วยอาการเจ็บปวด
ธีระไม่รอช้า เรียกใช้สกิลเพื่อเข้าไปเสริมทันที ‘Hasing Dance’ ตัวของธีระเกิดแสงสีฟ้าอ่อนๆ จากนั้นเขาก็พุ่งหายไปจากจุดที่ยืนอยุ่ พลันควงหอกในมือเข้าฟาดฟันใส่บอสราวกับกำลังเต้นระบำอยู่อย่างนั้น เลือดของบอสลดลงอย่างรวดเร็วราวกับเขื่อนแตก
‘Poison Arrow’ ลูกศรพิษถูกยิงออกไปจากธนูของผม เลือดของบอสจะลดลง 1% ต่อ 3 วินาที นาน 20 วินาที
พวกผมรุมโจมตีกันอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าสกิลของลูน่าหมดเมื่อไหร่บอสจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม ตอนนี้เลือดของมันเหลือเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น และแล้วสกิลของลูน่าก็หมดลง
“ขอโทษนะทุกคนที่ฉันซื้อเวลาได้แค่นี้” ลูน่าบอกกับทุกคน เธอมีอาการอ่อนล้าอย่างเห็นได้ฉัน ถึงแม้ว่าเธอจะได้รับการโจมตีจากบอสน้อยกว่าปกติ แต่ก็เหนื่อยล้าเนื่องจากแรงกระแทกที่ต้องโดนบอสโจมตีตลอดเวลา
“ไม่เป็นไรครับลูน่า แค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะ” ผมบอกกับเธอ
กี๊สสสส!!
บอสคำรามอย่างโกรธแค้นที่มันไม่สามารถโจมตีคนอื่นได้เลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้มันเป็นอิสระจากสกิลของลูน่าแล้ว ราชาก็อบลินกระทืบเท้าอยากสุดแรง ผืนดินสั่นไหว ส่งผลให้พวกผมติดสถานะสตั้นกันทุกคน มันไม่รอช้า เหวี่ยงค้อนยักษ์เข้าใส่พวกเราทันที
ตู้มมมมมมม!!
“บ้าเอ้ยยย โจมตีแรงเป็นบ้า โดนแค่ทีเดียวเลือดลดไปเกือบครึ่งเลยหรอ!” ธีระบ่นออกมา พวกเราทุกคนยกเว้นผมเลือดต่างลดเกือบครึ่ง พลันมองดูบอสที่เสยะยิ้มอย่างสะใจ
‘Mass Heal’ ผมเรียกใช้ฮิลปาร์ตี้ทันที และเลือดทุกคนเกือบเต็มอีกครั้ง
บอสเห็นเลือดของพวกเราเพิ่มมาก็เกิดอาการโมโหขึ้นมาอีกรอบทันที ราชาก็อบลินเหวี่ยงค้อนไปด้านหลัง และเริ่มหมุนตัวเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงราวกับพายุหมุนโหมกระหน่ำเข้ามา
บอส ราชาก็อบลิน ธาตุลม เกิดอาการคลั่ง กลายเป็นบอส Class 6 Lv.601 ค่ะ
“Whattttttt !!!!” ทุกคนอุทานขึ้นพร้อมกัน
“งานหยาบซะแล้วสิ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะจนเพื่อนๆหันมามอง
“หัวเราะไรวะไอ่คิน ตายแน่งานนี้” ธีระหันมามองฆ้อนใส่ผม
“เอ่อหน่า ไม่ตายหรอก” ผมพูดขึ้นพร้อมกับหันไปคุยกับลูน่า
“ลูน่ามีสกิลที่ช่วยให้พวกเรายืนได้ประมาณซักพักมั้ยครับ”
“คะ? ก็พอมีอยู่นะ แต่ผลของสกิลจะขึ้นอยู่กับจำนวนการโจมตีของบอส ถ้ารับการโจมตีเยอะๆก็ไม่ไหวนะคะ” ลูน่าบอกกับผม
“แค่นั้นก็เพียงพอละครับ” ผมหันไปคุยกับ ธีระ และ สิงห์ พร้อมวางแผนอะไรบางอย่าง
“ลุยกันเลยพวก” ผมพูดขึ้นพร้อมพุ่งเข้าหาบอสทันที
‘Shadow Shield’ ลูน่าเรียกสกิล ส่งผลให้ทุกคนในปาร์ตี้ได้รับบัพเพิ่มการหลบอีก 100% ผลของสกิลอาจจะหายไปเร็วขึ้นเมื่อได้รับการโจมตีมากเกินไป ระยะเวลาของสกิลคือ 30 วินาที
‘Sonic’ ผมกระโดดพุ่งไปบนหัวของบอสจากนั้นต่อด้วยสกิล “Prismatic Arrow” ลูกธนูทั้ง 9 ธาตุพุ่งลงกลางหัวบอสอย่างแรงราวกับกระสุนปืนต่อต้านรถถัง
ตุ้มมมม !!!
ถึงแม้รอบข้างจะเข้าถึงตัวบอสไม่ได้เพราะมันกำลังหมุนตัวเพื่อเหวี่ยงค้อนอยู่ แต่ข้างบนกลับเข้าถึงอย่างง่ายดาย เมื่อผมยิงสกิลใส่บอสแล้ว ราชาก็อบลินไม่ได้ส่งเสียงเจ็บปวดออกมา อาจเป็นเพราะมันไม่อยากเสียสมาธิจากการหมุนอยู่ก็เป็นได้ แต่ก็ทำให้การควงของมันช้าลงไป
ธีระ และสิงห์ ไม่รอช้า พุ่งเข้าทะลุระยะการเหวี่ยงของราชาก็อบลินเข้ามาได้ แต่ก็ทำให้บัพของลูน่าหายไปทันที แต่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะว่าพวกเขาอยู่ข้างในนี้แล้ว ธีระ สิงห์ และผม รีบระดมสกิลใส่บอสอย่างสุดกำลัง
‘Infernal Impact’ มีดของสิงห์เกิดแสงสีขาวดำขึ้น เขาเหวี่ยงมีดในมือไล่ฟัน และวิ่งไปรอบตัวของบอสเร็วจนแทบจะมองตามไม่ทัน
ธีระเปิดสกิลเข้าเสริมทันที ‘Mirage Grind’ หอกของเขาเริ่มขยายใหญ่ และยาวขึ้นกว่าเท่าตัว ธีระเริ่มหมุนแบบบอสด้วยความเร็ว และไล่ฟาดฟันบอสทั่วทั้งร่าง ผมไม่รอช้า เปิดสกิลเข้าช่วยอีกแรง
‘Shadow Shot’ ‘Explosion Shot’ ‘Power Shot’ สกิลทั้งหมดของผมพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างไม่พลาดเป้าแม้แต่ครั้งเดียว
“อ๊ากกกกก” เป็นอีกครั้งที่บอสร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เลือดของบอสต่ำกว่า 5 % แล้ว มันเริ่มได้สติขึ้นมา ใบหน้าของมันแสดงความโมโหอย่างชัดเจน มันหยุดหมุน และก้มตัวลงต่ำคล้ายกำลังชาร์จพลังอยู่ ผมเห็นท่าไม่ดีรีบให้สองเกลอกระโดดหนีทันที
“ธีระ สิงห์ ถอยออกไปก่อน!”
“หะ !” สิงห์หันไปทางเสียงของผมอย่างมึนงง แต่ช้าไปแล้ว บอสระเบิดพลังออกมาทุกทิศทาง ผมและเพื่อนกระเด็ดไปติดฝาผนังของถ้ำ และติดสถานะสตั้นอีกรอบ ราชาก็อบลินไม่รอช้ากำค้อนในมือแน่น พุ่งเข้าใส่พวกเราอย่างรวดเร็วหมายจะจบเรื่องนี้เสีย แต่ทันใดนั้นเอง
เกร๊งงงง !!!
เกิดเสียงของโล่แสงที่ใหญ่พอๆกับค้อนของราชาก็อบลินกระทบกัน ลูน่าที่เห็นท่าไม่ดีจึงได้เรียกใช้ สกิล ‘Shield Charge’ ที่จะสร้างโล่แสงขนาดใหญ่ขึ้นมาป้องกันการโจมตีได้ระดับหนึ่ง เมื่อทั้งสองปะทะกัน ราชาก็อบลินพลันหยุดนิ่ง ร่างกายเริ่มสั่นไหวคล้ายกับโดนไฟฟ้าช็อตอ่อนๆทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้อย่างอิสระ
‘Blade of Judgement’ ลูน่าปักโล่ไว้ข้างหน้าของตนเอง ยกดาบตั้งไว้ที่กลางอก และทำสมาธิ เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา รอบตัวของบอสปรากฎดาบใหญ่ยักษ์นับสิบพร้อมที่จะทิ่มแทงลงบนตัวของมันพร้อมกัน ลูน่าไม่รอช้ารีบจับดาบวาดเป็นเส้นขวางใส่บอสซ้ำทันที พร้อมกับดาบยักษ์ทั้งหลายก็พุ่งเข้าบอสเช่นกัน
กี๊สสส!!
บอสร้องออกมาอยากเจ็บปวด และกลายเป็นแสงหายไป………
ยินดีด้วยค่ะ
ปาร์ตี้ของท่านเคลียร์ดันเจียนได้แล้วค่ะ
ปาร์ตี้ของท่านได้รับค้อนราชาก็อบลิน ระดับ A 1ชิ้น
เซตราชาก็อบลิน ระดับ A 1 เซตค่ะ
ได้รับเงินจำนวน 100,000 เหรียญ ค่ะ
“เห้ยย! นั่นมันชุดเซตนี่นา ดวงดีจัดเลย” ธีระพูดขึ้นมา เนื่องจากชุดเกราะที่จะดรอปครบเซตในคราวเดียวนั้นมีโอกาสดรอปน้อยมาก ไม่แปลกที่ธีระจะตกใจจนตาลุกวาว
(ชุดเกราะใดก็ตามเมื่อได้สวมครบเซตของมันแล้วจะมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเข้ามา)
“เอาไปสิ ถ้าอยากได้อะ” ผมบอกกับธีระ และหันไปถามลูน่ากับสิงห์ ทั้งสองก็ส่ายหน้าเชิงบอกว่าไม่เอา และยินดียกให้
“มันจะดีนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ธีระหันเราะดีใจ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเกราะระดับ S บางชิ้น แต่เมื่อมีชุดเซตที่ระดับต่ำกว่าเพียงระดับเดียวย่อมดีกว่ามีเกราะระดับ S เพียงไม่กี่ชิ้นอย่าแน่นอน
“ไม่ปฏิเสธเลยนะเอ็ง” ผมส่ายหัวให้กับท่าทางของเพื่อนคนนี้
“แล้วค้อนนี่ล่ะ?” ในมือของลูน่าถือค้อนของราชาก็อบลินไว้อยู่ ซึ่งมันหดเล็กลงมากจากขนาดจริง
“คงไม่มีใครเอาหรอกมั้ง งั้นก็เอาไปขาย แล้วก็เอาเงินมาแบ่งกัน หรือคุณจะเอาไปให้ลูกกิลด์ของคุณ ลูน่า?”
“งั้น...ฉันขอรับซื้อไปเองค่ะ” ลูน่ารับซื้อในราคาที่ถูกกว่าปกติเพื่อเอาไปให้ลูกกิลด์ พวกเขาทั้งสามรู้ราคาในตลาดเป็นอย่างดีจริงไม่เป็นเรื่องยากในการตกลงกัน
“ไปกันเถอะ! เรายังมีดันเจียนที่อื่นให้ล่าอีกยาวเลย” ผมยิ้มให้ทุกคนพร้อมกดปุ่มออกจากดันเจียนเป็นคนแรกเพื่อมุ่งหน้าไปยังดันเจียนที่ต่อไป